พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 489

หลังจากที่เซียวปี้เฉิงนำเรื่องนี้รายงานกับจักรพรรดิจาวเหริน จักรพรรดิจาวเหรินเองก็เหนื่อยหน่าย สุดท้ายจึงโบกมือแล้วพูดว่า “ช่างเถิด ในเมื่อมีคนชดใช้ก็ถือว่าเจ๊ากันไป”

การจัดการเรื่องของแคว้นตงฉู่นั้นรวดเร็วมาก ถึงแม้ว่าปากของเฟิ่งเหมียนจพูดว่าไม่ชดใช้เงินจ่ายแทนให้เสวียนจี แต่กลับเตรียมเงินไว้สามหมื่นชั่งในชั่วข้ามคืน จากนั้นส่งทูตมาใช้เงินถึงตำหนักบูรพา

ดูเหมือนว่าตัวเขายังอยากให้เสวียนจีเป็นชายารองของรัชทายาทของแคว้นตงฉู่ต่อมาก

เมื่อเห็นเงินดังกล่าว ท่าทางของเซียวปี้เฉิงก็ผ่อนคลายลงมาก ใบหน้าที่เย็นชาก็นุ่มนวลขึ้นมาไม่น้อย

“พวกท่านเกรงใจมากเกินไปแล้ว บัดนี้แคว้นต้าโจวกับแคว้นตงฉู่เป็นพันธมิตรกันแล้ว มิตรภาพระหว่างกันไม่สามารถแตกหักได้ เมื่อคืนท่านทั้งหลายทำพลาดไปโดยไม่ได้ตั้งใจ ข้าเองก็ไม่เก็บเรื่องนี้ไว้ในใจ แค่การซ่อมหลังคาเพียงเท่านั้น อย่างมากก็แค่ไม่เกินสามพันห้าร้อยชั่งเท่านั้น”

เขาพูดอย่างใจกว้าง จากนั้นก็เปลี่ยนเรื่องคุยทันที

“แต่ถึงอย่างไรนี่ก็คือความจริงใจและความซื่อสัตย์จากประเทศของท่าน ถ้าหากว่าข้าไม่รับก็จะเท่ากับเป็นการทำลายน้ำใจของพวกท่าน ข้าจึงจะขอรับเอาไว้ พวกท่านก็อย่าคิดอะไรมากไป”

เขาเคลื่อนไหวอย่างเรียบร้อยและเป็นธรรมชาติมากจากนั้นนำเงินขึ้นมาพับอย่างดีและใส่เข้าไปที่แขนเสื้อ ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหวหรือการเปลี่ยนใบหน้าอย่างรวดเร็ว ล้วนทําให้ขุนนางที่มองต่างตกตะลึง

“อะ...องค์รัชทายาทไม่คิดเล็กคิดน้อยก็ดีแล้ว...”

จากนั้นผู้คนของตำหนักบูรพาล้วนเห็นกันหมด องค์รัชทายาทส่งทูตของแคว้นตงฉู่ด้วยรอยยิ้ม

ราชองครักษ์ของวังถือถุงยากันยุงต่างมองหน้าซึ่งกันและกัน ต่างคนต่างแลกเปลี่ยนสายตากันและพูดคุยกันเสียงเบา ๆ

“ล้วนพูดว่าจิ้งอ๋องมีชื่อว่าพญายมหน้าดำมาโดยตลอด ข้าเห็นว่าไม่เลย นิสัยก็ดีมากไม่ใช่หรือ...”

“ตายแล้ว!ควรเรียกว่าองค์รัชทายาทแล้ว เจ้าระวังหน่อย!”

“พระชายารัชทายาทยังสนิทสนม ไม่เห็นป่าเถื่อนดุร้ายขี้อิจฉาเหมือนที่คนอื่นพูด ตอนเช้าตรู่ได้สั่งให้ใต้เท้าเฉียวเอาน้ำหอมกันยุงแก้คันให้ทั้งนายและบ่าวที่ตำหนักบูรพา”

การแพทย์ของพระชายารัชทายาทนั้นของจริง หลังจากที่ทาน้ำหอมกันยุงเย็น ๆ นั่นลงไป เม็ดที่โดนยุงกัดก็ไม่คันเลยสักนิด

แม้กระทั่งวันแรกของการย้ายเข้ามาอยู่ที่ตำหนักบูรพา ก็ได้ให้วันหยุดครึ่งวัน เพื่อให้วันนี้ทุกคนได้พักผ่อนเร็วขึ้น

เมื่อตงชิงได้ยินเสียงกระซิบของบรรดาข้าราชการในวัง จึงเดินมากำชับอย่างจริงจัง “ห้ามพูดพญายมหน้าดำต่อหน้าองค์รัชทายาทอีก คำนี้ห้ามพูด!ฝ่าบาทเขาไม่ชอบการเรียกแบบนี้ ต่อไปพวกเจ้าจะต้องระมัดระวังหน่อย”

เซียวปี้เฉิงสนใจเรื่องที่ตัวเองผิวดำไม่ใช่วันสองวันแล้ว ตั้งแต่ที่ถูกลู่ฉีพูดถึงวันนั้น คนที่ทำงานในจวนจิ้งอ๋องต่างรู้เรื่องนี้ดี

นอกจากอวิ๋นหลิงแล้ว ใครกล้าพูดคำว่า “ดำ” ต่อหน้าเขาบ้าง ถ้าเช่นนั้นหน้าเขาจะบึ้งตึงตลอดทั้งวัน

นางในวังเล็ก ๆ หลายคนพยักหน้าอย่างเคารพ “ขอบเจ้ากูกูตงชิงที่เตือน พวกบ่าวจะจำไว้เจ้าค่ะ”

คนที่กรมวังเลือกมาล้วนเป็นคนซื่อสัตย์ ตงชิงเมื่อเห็นนางในวังพวกนี้ซื่อสัตย์และเชื่อฟังมาก จึงหันหลังและจากไปอย่างพอใจ

มีนางในไม่น้อยที่มองหลังของตงชิง แววตาแสดงความอิจฉา อีกฝ่ายอายุเพียงสิบแปดปีเท่านั้น ห่างจากพวกนางไม่มาก แต่ทุกคนก็ต้องเรียกนางว่ากูกูด้วยความเคารพ

ซวงหลีเองก็เหมือนกัน ทุกคนต่างรู้กันดีว่า นางเคยเป็นหนึ่งในนางกำนัลใหญ่ของตำหนักจิ่งเหรินที่มอบให้พระโอรสห้า

เดิมทีนึกว่าจะเป็นสาวต้นห้องหรืออนุภรรยาของพระโอรสห้า บัดนี้ได้เลื่อนตําแหน่งมาทำงานข้างกายพระชายารัชทายาท ช่างทำให้คนอิจฉาเรื่องบุญวาสนาเสียจริง ๆ

หลังจากที่บ่าวของจวนจิ้งอ๋องเข้ามาในตำหนักบูรพาแล้ว สถานะก็เปลี่ยนไปอย่างพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน

ต่างจากข้าราชบริพารและสาวใช้ทั่วไป สถานะของซวงหลีและตงชิงยังคงเป็น “ข้าราชการหญิง” ตำแหน่งเทียบเท่าหัวหน้าธุรการ สามารถดูแลและตักเตือนบรรดานางในของตำหนักบูรพาทั้งหมดได้

ตามประวัติศาสตร์ซีโจว เดิมทีผู้หญิงสามารถเป็นข้าราชการได้ ตอนนั้นพระราชวังยังแบ่งข้าราชการหญิงที่ยังดูแลเรื่องอาหารเสื้อผ้าและควบคุมทั้งหมดหกตำแหน่งด้วย รับผิดชอบจัดการเรื่องในวังหลัง

เวลาอยู่ต่อหน้านาง นางในทั้งหมดจะต้องเรียกนางด้วยความเคารพว่ากูกู

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ