จักรพรรดิจาวเหรินเห็นดังนั้นก็กระแอมขึ้นมา แสดงให้เห็นถึงการมีตัวตนอยู่ของเขา
“ข้ายังมีเรื่องต้องจัดการ สะใภ้เจ้าสาม ไปทำแผลให้ศิษย์น้องของเจ้าเถอะ”
เรื่องนี้เขาได้แสดงท่าทีแล้ว หลังจากนี้ก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของสะใภ้เจ้าสามไปจัดการให้เรียบร้อย
อวิ๋นหลิงพยักหน้า “เสด็จพ่อไปยุ่งเถอะเพคะ”
เมื่อเห็นว่าเป็นเวลาอาหารเที่ยงแล้ว เซียวปี้เฉิงถามเฟิ่งเหมียนไปตามมารยาทว่า “ท่านราชครูจะถามพวกเราไปกินอาหารเที่ยงที่ตำหนักบูรพาหรือไม่”
เฟิ่งเหมียนเหลือบมองเสวียนจีแวบหนึ่ง ไม่ตกลงและไม่ปฏิเสธ “ข้าเกรงว่ามีใครบางคนอยู่ข้างๆ จะเหม็นจนกินข้าวไม่ลง”
รอยยิ้มสดในของเสวียนจีเมื่อครู่นี้หายวับไปทันที เท้าเอวมองไปทางเฟิ่งเหมียน
“ท่านหมายความว่าไง เสียแรงที่เมื่อครู่ข้ายังชื่นชมท่านอยู่ในใจว่าเป็นคนมีไหวพริบไม่มีใครเทียบได้ คิดว่าจะอยู่ร่วมกับท่านอย่างสันติสักสามวัน เห็นทีระหว่างพวกเราคงสงบศึกกันไม่ได้แล้ว”
เฟิ่งเหมียนน้ำเสียงเย็นชา “ไร้สาระ ปัญญาอ่อน”
เมื่อเห็นว่าประทัดกำลังจะระเบิดแล้ว อวิ๋นหลิงก็ดึงเสวียนจีเอาไว้ “พอแล้วพอแล้ว รีบตามข้ากลับไปที่ตำหนักอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้ว เจ้ายังอยากจะยืนอยู่ใต้แสงแดดอีกนานแค่ไหน ประเดี๋ยวก็หมักจนออกรสชาติแล้ว”
ดินโคลนเต็มตัวผสมกับกลิ่นของทุเรียนกวน ถ้ายังไม่หิ้วขึ้นมาพาไปอาบน้ำขัดตัว เด็กคนนี้คงไม่สามารถใช้ได้แล้ว
อวิ๋นหลิงพูด เสวียนจีไม่กล้าไม่ทำตาม ได้แต่พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
นางใช้มือเช็ดเหงื่อบนใบหน้า ใบหน้าที่เดิมทีก็สกปรกอยู่แล้วยิ่งเลอะเทอะเข้าไปใหญ่ ทำให้เฟิ่งเหมียนรู้สึกไม่อยากดู
เขาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้นมา น้ำเสียงเย็นลงกว่าเดิมหลายส่วน “พระชายารอง ขอท่านจงจดจำสถานะของตนเองเอาไว้ทุกชั่วขณะ หลังจากนี้อย่าได้ทำเรื่องที่เป็นการหยามเกียรติของราชวงศ์เช่นนี้ ครั้งหน้าอย่าให้มีอีก”
ประโยคนี้พูดเป็นร้อยรอบพันรอบ แต่เห็นได้ชัดว่าผลที่ได้คือหูทวนลม
“ไม่ฟังไม่ฟัง ข้าไม่อยากฟัง”
เสวียนจีรำคาญเฟิ่งเหมียนเรียกนางว่า “พระชายารอง” มากที่สุด จึงเอามืออุดหูวิ่งหนีทันที
กระทั่งเงาร่างของนางหายลับไปจากสายตา เฟิ่งเหมียนจึงเก็บสายตากลับมา คำนับพวกเซียวปี้เฉิงอย่างสุภาพ
“ขอบคุณคำเชิญขององค์รัชทายาท เพียงแต่ปกติแล้วข้าน้อยกินเจ ไม่ขอรบกวนท่านทั้งสองจะดีกว่า”
แม้ว่านักพรตจะไม่เคร่งเรื่องการกินเนื้อสัตว์ แต่ก็ส่งเสริมการกินมังสวิรัติตลอดมา เฟิ่งเหมียนกินอาหารรสจืดมาก คนปกติทั่วไปไม่มีทางคุ้นชิน
เซียวปี้เฉิงกวาดตามองรองเท้าและขากางเกงของเขาที่มีของเหลวสีเหลืองติดอยู่ จึงไม่ได้ดึงดันอย่างรู้สถานการณ์ “เช่นนั้นท่านราชครูเชิญตามสบาย”
ทั้งสองฝ่ายร่ำลากัน เฟิ่งเหมียนหมุนตัวเดินไปทางเรือนชิงซิน
อวิ๋นหลิงกับเซียวปี้เฉิงนั่งรถม้ากลับไปยังตำหนักบูรพา ระหว่างทางอดไม่ได้ที่จะใช้แขนกระทุ้งเขา
“ท่านคิดว่าเฟิ่งเหมียนเป็นคนอย่างไร”
“เป็นคนอย่างไรหรือ” เซียวปี้เฉิงนิ่งอึ้งไป ครุ่นคิดก่อนจะพูดว่า “ที่จริงข้ารู้สึกว่าเขาไม่เหมือนคน......อย่างน้อยก็ไม่เหมือนคนปกติ เหมือนคนไม่มีเจ็ดอารมณ์หกปรารถนา”
เซียวปี้เฉิงไม่รู้ว่าควรจะบรรยายอย่างไรดี กล่าวโดยสรุปคือเฟิ่งเหมียนทำให้เขารู้สึกแปลกประหลาด
ทางด้านเหล่าอาญาสี่ที่รับผิดชอบต้อนรับแขกจากแคว้นต่างๆ เคยพูดคุยกันเป็นส่วนตัว ต่างก็รู้สึกว่าเฟิ่งเหมียนเป็นคนที่ดูแลปรนนิบัติยากมาก ทำให้รู้สึกถึงแรงกดดันอย่างไม่รู้สาเหตุ
แม้ว่าเฟิ่งเหมียนจะมาจากแคว้นตงฉู่ที่ร่ำรวยที่สุด แต่ไม่เหมือนกับราชทูตคนอื่นๆของแคว้นตงฉู่เลย ไม่จู้จี้จุกจิกเรื่องปัจจัยสี่ กระทั่งสามารถพูดได้ว่ามีความต้องการต่ำกว่าคนทั่วไปด้วยซ้ำ
แต่บังเอิญเป็นเพราะว่าเขาไร้ซึ่งสิ่งที่ชอบและไม่ชอบ แม้แต่อารมณ์บนใบหน้าก็ไม่มี จึงทำให้เหล่าขุนนางอาญาสี่ทั้งหลายต่างก็ทุกข์ใจจนพูดอะไรไม่ออก
การทำงานของอาญาสี่ เรื่องสำคัญที่สุดคือทำให้ราชทูตจากแคว้นต่างๆที่มาเป็นแขกมีความสุข การเอาอกเอาใจอีกฝ่ายให้มีความสุขคือหน้าที่ของพวกเขา เฟิ่งเหมียนที่ไม่มีปฏิกิริยาใดๆเลยทำให้พวกเขารู้สึกตื่นเต้นไม่เป็นสุข
อวิ๋นหลิงพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “ข้าก็รู้สึกเหมือนพวกท่าน ถ้าหากไม่ใช่เพราะว่าเขาเผยอารมณ์ออกมาบ้างเป็นบางครั้ง ข้าก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าเขาเป็นหุ่นยนต์เอไอ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...
ขอบคุณน้าค้า ที่ลงทุกวันเลยสนุกมากค่ะ...