ฮองเฮาแคว้นถังใต้ได้ทราบข่าวก็ล้มหมดสติไป และป่วยล้มหมอนนอนเสื่อนานถึงสามเดือน
เสียงของหลงเย่เริ่มแหบแห้ง นางพูดด้วยเสียงเบา
“นับตั้งแต่นั้นมา ฉันก็ได้รู้ว่าไม่สามารถเก็บเยว่หลงซิงไว้ได้อีก”
สำหรับคนอย่างเยว่หลงซิง นางเคยรู้สึกโกรธ ผิดหวัง เกลียดชัง สงสารและเห็นใจ
ภายใต้การกดขี่และกักขังของแคว้นถังใต้ เยว่หลงซิงจึงค่อยๆเปลี่ยนไปเป็นเหมือนตัวประหลาดที่วิกลจริต
หลังกลับจากทะเลสาบน้ำแข็ง จู่ๆกงจื่อโยวก็หายไประยะหนึ่ง ตอนนั้นหลงเย่เองก็ไม่รู้สาเหตุ กระทั่งได้รับจดหมายจากอวิ๋นหลิง จึงรู้ว่าพิษเย็นในกายเขากำเริบขึ้นอย่างหนัก และอยู่ในอันตรายถึงชีวิต
“เยว่หลงซิงกระทำความผิดใหญ่ปลอมเป็นชายลอบออกจากวังหลวง จักรพรรดิลงโทษโดยการขังนางไว้ในวัดเพื่อพักฟื้นและตระหนักถึงความผิด และในตอนที่ฉันไปเยี่ยมก็วางยาฆ่านาง”
……
ในวัดที่หนาวเหน็บและรกร้าง เพราะเรื่ององครักษ์ลับชิงหยาง หลงเย่จึงกร่นด่านางอย่างไม่ไว้หน้า
ภายใต้ความรู้สึกผิดและอารมณ์ต่างๆนานาร้อยเข้าด้วยกัน เยว่หลงซิงนอนร่ำไห้อยู่ที่พื้นพร้อมผมเผ้าที่รุงรัง นางกรีดร้องคำรามเสียงก้อง
“ใช่! มันเป็นเพราะข้าเอง! เพราะข้าเอาแต่ตัวเองเป็นใหญ่! ข้าไม่สนคำพูดใคร! แต่แล้วมีสิทธิ์อะไรล่ะ!”
“มีสิทธิ์อะไรที่เจ้าเข้าออกวังได้ตามใจ อยากทำอะไรก็ได้ทำ แต่ข้ากลับเป็นได้เพียงนักโทษที่ถูกกักขังอยู่ในวังตั้งแต่เช้าจรดค่ำ! ไม่กล้าร้องไห้…ยิ่งไม่กล้าหัวเราะมีความสุข ทำไมข้าถึงเป็นเหมือนเจ้าไม่ได้ ที่ได้ใช้ชีวิตเป็นมนุษย์ธรรมดาๆคนหนึ่ง!”
แววตาของเยว่หลงซิงเต็มไปด้วยความเคียดแค้น
“ถ้าหากตอนนั้นคนที่เสด็จแม่เลือกคือข้า ข้าจะไม่มีทางขี้ขลาดอย่างเจ้า! กงจื่อโยวให้คำสัญญากับเจ้าแล้วแท้ๆ ขอแค่เจ้ายอมแกล้งตาย เขาจะหนีออกจากแคว้นถังใต้ไปกับเจ้า…เจ้ากล้าปฏิเสธเขา แล้วเหตุใดจึงไม่กล้าเอาโอกาสรอดชีวิตนั่นให้ข้า?”
“เยว่หลงเย่ ทำไมท่านถึงเห็นแก่ตัวได้ถึงขนาดนี้!”
หลงเย่มองนางด้วยความเย็นชา ร่องรอยความหวังสุดท้ายในดวงตาหายไปโดยสิ้นเชิง
นางพูดขึ้นนิ่งๆ “ถ้าท่านคิดเช่นนี้จริงๆ ก็อยู่ที่นี่ตลอดไปเสียเถอะ อย่างน้อยอยู่ในวัดนี้ก็ยังดีกว่าถูกขังในวัง ตราบใดที่มีข้าคอยคุ้มหัวอยู่ ไม่มีใครทำอะไรท่านได้”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เยว่หลงซิงก็หวาดหวั่นขึ้นทันที
นางรู้ว่าหลงเย่โกรธจนพูดเช่นนั้นออกมา และหลงเย่อาจจะปล่อยให้นางอยู่ที่นี่ตลอดไปจริงๆ
คิดได้เช่นนี้เยว่หลงซิงก็ร่ำไห้จนแทบไม่มีเสียง เริ่มรู้สึกเสียใจภายหลัง และร้องขอให้หลงเย่คิดหาวิธีช่วยนางออกไป
นางรู้สึกผิด และจะไม่ทำเรื่องโง่เขลาเช่นนี้อีก ต่อจากนี้นางจะอยู่ในวังอย่างสงบเสงี่ยม
“เย่เอ๋อร์ ให้อภัยข้าสักครั้งได้หรือไม่ ข้าไม่อยากอยู่ที่นี่…ข้าทนมามากพอแล้วจริงๆ! ข้าอยากพบเสด็จแม่ เรากลับมารักกันเหมือนเดิมเถิดนะ?”
หลงเย่หยิบขวดเครื่องเคลือบออกจากแขนเสื้อ จากนั้นก็ยื่นให้เยว่หลงซิง
“ดื่มมัน เรื่องทุกอย่างจะถือว่าจบลง”
เยว่หลงซิงคิดว่านางให้อภัยตน จึงหัวเราะเสียงดังทั้งคราบน้ำตา พร้อมเอ่ยถามว่าข้างในขวดคืออะไร
หลงเย่ตอบ “เพชฌฆาตสีทอง”
เยว่หลงซิงย่อมไม่เชื่อ นางรู้ว่าน้องดีกับนางและแม่มาโดยตลอด เพื่อพวกนางไม่ว่าอะไรก็ยอมทำ
นางมั่นใจว่าหลงเย่แค่พูดด้วยความโกรธ ในขวดต้องเป็นยารักษาตัวเองอย่างแน่นอน จะเป็นเพชฌฆาตสีทองได้อย่างไรกัน?
จากนั้นไม่นานเยว่หลงซิงก็ดื่มมัน และพบว่าเป็นเพชฌฆาตสีทองจริงๆ
ก่อนที่รอยยิ้มบนใบหน้านางจะจางหายไป เลือดสีแดงสดก็กระอักออกจากปาก นางล้มลงบนพื้นและกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...
ขอบคุณน้าค้า ที่ลงทุกวันเลยสนุกมากค่ะ...