พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 579

เซียวปี้เฉิงกับอวิ่นหลิงสบตากันแวบหนึ่ง ต่างก็มั่นใจมากขึ้นแล้วว่าสำนักศึกษาชิงอี้มีปัญหา

ทั้งในเมืองและชนบทต่างก็มีงูและแมลงรบกวน สำนักศึกษาชิงอี้ที่มีภูเขาล้อมรอบทั้งสามด้านกลับไม่มีความเคลื่อนไหวเลยสักนิด นี่มันเรื่องอะไรกันแน่

เซียวปี้เฉิงน้ำเสียงขรึมลงทันที “ผู้ดูแลเจิ้ง หลังจากที่ลูกศิษย์ในสำนักศึกษามาถึงตอนเที่ยง คนทั้งหมดต้องมารับถุงหอมไล่งูก่อนจึงจะเข้าไปข้างในได้ เมื่อมาถึงสำนักศึกษา ให้พวกเขาไปอยู่ที่หอพักลูกศิษย์ก่อน แจ้งเหล่าอาจารย์ว่าให้วางเรื่องการฝึกทหารไว้ก่อน ส่วนจะเริ่มต้นเมื่อไหร่ ให้รอคำสั่งจากข้า”

เมื่อวานพวกเขาเตรียมผลกำจัดงูและถุงหอมไล่งูกันทั้งคืน เวลากระชั้นชิด วัตถุดิบก็มีจำกัด ทางด้านสำนักศึกษามีพื้นที่ใหญ่มากดูแลไม่ทั่วถึง เขาจำเป็นต้องตรวจสอบบริเวณสำนักศึกษาก่อน ก่อนจะปล่อยให้เหล่านักเรียนเข้าไปได้อย่างวางใจ

แม้ว่าสำนักศึกษาชิงอี้จะปลอดภัยมาก แต่การเตรียมการให้รอบคอบก็ไม่มีข้อเสียอะไร ผู้ดูแลเจิ้งรีบพยักหน้ารับทันที ถ่ายทอดคำสั่งของเซียวปี้เฉิงลงไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อเหล่าผู้ดูแลถอยออกไปจนหมด อวิ๋นหลิงเอ่ยขึ้นด้วยเสียงต่ำว่า “คลื่นสมองของพวกงูแยกแยะได้ง่ายมาก พวกเราใช้พลังจิตสำรวจรอบๆให้ดี จุดสำคัญที่ต้องตรวจสอบคือหอพักอาจารย์ หอพักลูกศิษย์และบริเวณรอบๆสำนักศึกษา”

อาจารย์ในสำนักศึกษาชิงอี้ส่วนใหญ่ล้วนมีอายุมากแล้ว ผู้อาวุโสที่มีหนวดเคราสีขาวมีเกือบครึ่งหนึ่ง หากเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้นมา คงไม่สามารถอดทนให้ผ่านพ้นไปได้เหมือนรุ่ยอ๋อง

คนเหล่านี้ล้วนเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนของท่านตาอวิ๋นหลิง และเป็นพระอาจารย์ของฮ่องเต้คนก่อน บ้างก็เป็นนักเรียนที่เคยสั่งสอนมาก่อน

เนื่องด้วยความชื่นชมที่มีต่อสำนักศึกษาชิงอี้ รวมไปถึงไมตรีที่มีต่อพระอาจารย์ของฮ่องเต้คนก่อน คนมากมายจึงมาเป็นอาจารย์สอนอยู่ที่นี่

เสวียนจีตบอกพลางพูดว่า “แม้ว่าสำนักศึกษาจะใหญ่มาก แต่พวกเรามีกันถึงสี่คน ถ้าใช้เวลาหนึ่งวัน ตรวจสอบบริเวณรอบๆน่าจะทัน”

เซียวปี้เฉิงพยักหน้า ทั้งสี่คนต่างก็แยกย้ายไปขึ้นรถม้า มุ่งหน้าไปยังทิศทางที่ต่างกัน

กงจื่อโยวไม่มีพลังจิต จึงตามติดอยู่ข้างกายหลงเย่ “แม้ว่าข้าจะไม่มีพลังจิต อย่างน้อยข้าก็ยังมีความสามารถในการดูแลบ้านติดตัวอยู่”

เพราะสาเหตุที่ถูกพิษเย็น เขาไม่สะดวกที่จะฝึกฝนวิทยายุทธ์ตั้งแต่เด็ก แต่การใช้อาวุธลับนั้นถือได้ว่าเป็นยอดฝีมือในยุทธภพ

วันนี้ตอนออกเดินทาง เขาได้พกเดชขนนกยูงออกมาด้วยเป็นการเฉพาะ

คนทั้งหมดแยกย้ายกันเป็นสี่ทางเพื่อสำรวจสำนักศึกษา ไม่ช้าก็ถึงเวลาเที่ยง หน้าประตูสำนักศึกษาเริ่มมีนักเรียนไม่น้อยมารวมตัวกันแล้ว

นักเรียนบางคนนั่งอยู่บนรถม้า บ้างก็นั่งเกวียน ยังมีนักเรียนรูปร่างอ้วนคนหนึ่งขี่ลามาเรียน ดึงดูดความสนใจจากคนอื่นไม่น้อย

เฟิงอู๋จีลงมาจากรถม้าคันหนึ่ง กู้ฮั่นม่อตามติดมาทางด้านหลัง

“วันนี้ต้องขอบคุณเจ้ามาก ทำให้ข้าประหยัดเงินนั่งเกวียนไปได้”

เฟิงอู๋จียิ้มพลางพูดว่า “ตอนนี้เข้ามาในสำนักศึกษาชิงอี้แล้ว เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องประหยัดเงินแค่นั้นแล้ว”

อวิ๋นหลิงจัดตั้ง”ระบบรถสำนักศึกษา” ทุกวันเสาร์จะมีขบวนรถม้าที่เดินทางไปกลับในเมือง

ในขบวนจะมีรถม้าทั้งสิ้นสิบคัน รถม้าทุกคันจะมีม้าจำนวนสามตัว รถม้าขนาดใหญ่สามารถจุคนได้ถึงเก้าคน จะเดินทางตามเวลาที่กำหนด จากสำนักศึกษาไปยังเมืองหลวงสามรอบ

อาศัยป้ายแขวนเอว ลูกศิษย์ของสำนักศึกษาชิงอี้สามารถนั่งรถม้าได้โดยไม่ต้องเสียเงิน

คุณชายในตระกูลที่ร่ำรวยมีรถม้าจากจวนของตนเองมารับส่ง นี่เป็นการอำนวยความสะดวกให้กับเหล่าลูกศิษย์ที่มีฐานะยากจนเป็นหลัก

ทั้งสองลงจากรถม้า เห็นว่าด้านหน้าต่อแถวกันยาวเหยียด ต่างก็กำลังรอรับถุงหอมไล่งู

เฟิงอู๋จีอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นมาว่า “สองสามีภรรยารัชทายาทช่างรักใคร่ไพร่ฟ้าราวกับลูกจริงๆ ยังเตรียมยาไล่งูไว้ให้พวกเราโดยเฉพาะ ช่วงนี้ในเมืองมีงูรบกวนหนักมาก เมื่อวานข้าได้รู้ข่าวจากท่านพ่อว่า องค์รุ่ยอ๋องถูกงูพิษทำร้าย เกือบจะเอาชีวิตไม่รอด”

กู้ฮั่นม่อหันไปมองรอบๆตัวแวบหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยเสียงต่ำว่า “ฤดูร้อนปีนี้ผิดปกติอยู่บ้าง ก่อนหน้านี้ตอนที่ข้าอยู่วัดหานซาน ก็จับงูจากบริเวณใกล้เคียงได้ไม่น้อย เพียงแต่งูเหล่านั้นตัวเล็กมาก ดูแล้วเหมือนเพิ่งฟักออกมาจากไข่ ปีก่อนๆที่จับได้ตัวใหญ่กว่านี้มาก”

เฟิงอู๋จีสีหน้าประหลาดใจ “เจ้าจับงูเป็นด้วยหรือ”

ยังมีอะไรที่เพื่อนที่ดีที่สุดของเขาคนนี้ทำไม่ได้บ้าง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ