พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 58

สรุปบท ตอนที่ 58 ขโมยจูบ: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ

อ่านสรุป ตอนที่ 58 ขโมยจูบ จาก พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ โดย Anchali

บทที่ ตอนที่ 58 ขโมยจูบ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายโรแมนติกโบราณ พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Anchali อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

เป็นลูกชายอย่างไรก็กลัวพ่อ เซียวปี้เฉิงรู้จุดอ่อนของจักรพรรดิจาวเหรินแน่นอน ตราบใดที่พระเจ้าหลวงหยุดเขา แม้ว่าจักรพรรดิจาวเหรินต้องการนำอุกกาบาตกลับไปแต่ก็ยังจนปัญญา

เซียวปี้เฉิงต้องทำตัวให้โง่เขลา อวิ๋นหลิงก็นำอุกกาบาตไปหาพระเจ้าหลวง

เมื่อฝูกงกงกลับมาในอีกไม่กี่วัน เขาก็ถึงขวางอยู่นอกเรือหลันชิงด้วยพระพักตร์ที่ดุร้ายของพระเจ้าหลวง

“อยากกบฏรึ! เจ้ากล้าแม้กระทั่งแย่งของจากหลิงเอ๋อร์ กลับไปบอกเจ้านายของเจ้าว่าถ้าเขายังกล้าละโมบสมบัติของหลิงเอ๋อร์ ข้าจะทุบเขาให้แหลกเป็นหมั่นโถวเลยคอยดู!”

ใบหน้าของฝูกงกงย่นจนแทบจะเป็นลูกมะระ เขารู้ว่าไม่มีใครสามารถเอาชนะพระเจ้าหลวงได้ มีเพียงอวิ๋นหลิงเท่านั้นที่สามารถทำได้

แต่ตอนนี้ อวิ๋นหลิงไม่รู้ว่าไปซ่อนตัวที่ไหน และทั้งเรือนหลันชิงก็ได้ยินเพียงเสียงสาปแช่งที่โกรธแค้นของพระเจ้าหลวง

ฝูกงกงรู้ดีว่าพระชายาจิ้งอ๋องคนนี้ไม่ต้องการคืนของให้เขา หลังจากหยุดอยู่ที่ประตูลานบ้าน ในที่สุดเขาก็ถูกพระเจ้าหลวงไล่ออกไป

“เฮ้อ แล้วข้าจะอธิบายให้จักรพรรดิฟังอย่างไร...”

ฝูกงกงมีสีหน้าเศร้าหมอง แต่อวิ๋นหลิงกลับมีความสุขมาก และเมื่อเขาไปที่เรือนซู่สือเพื่อฝังเข็มให้เซียวปี้เฉิงในคืนนั้น ก็ยังนำของว่างสองสามจานและเหล้าดีๆ หนึ่งเหยือกมาให้ด้วย

“เห็นแก่ท่านที่ช่วยข้าเอาหินกลับมา และยังช่วยปิดบังเจตนาให้ข้า นี่เป็นรางวัลของท่าน”

เซียวปี้เฉิงหัวเราะในใจ “เครื่องดื่มนี้มีรสรุนแรง เจ้ากำลังตั้งครรภ์ อย่าดื่มมากเกินไป”

“ไม่ต้องห่วง คิดว่าข้าไม่รู้จักร่างกายตัวเองหรือ?”

อวิ๋นหลิงโบกมือไม่เห็นด้วย นางดื่มเหล้าสองสามแก้วในชั่วพริบตา แล้วรินให้เซียวปี้เฉิงอย่างหวังดี

“เหล้าที่นี่รสชาติไม่ค่อยดีนัก”

“หืม?” เซียวปี้เฉิงเลิกคิ้ว รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย “เจ้าเคยดื่มเหล้าที่ดีกว่านี้หรือ?”

แม้เขาจะไม่ชอบกินข้าว แต่เขาก็รักเหล้าเหมือนชีวิต เหล้าต้าโจวได้รับการยอมรับว่าเป็นเหล้าที่ดีที่สุดในหลายแคว้น

อวิ๋นหลิงดื่มไปสองสามแก้ว จนแก้มของนางแดงระเรื่อ แต่ดวงตาของนางกลับเป็นประกายเหมือนดวงดาว

“ในที่ของข้ามีเหล้าหลายชนิดมาก!”

เมื่อเห็นว่าดวงตาของนางเหม่อลอย เซียวปี้เฉิงก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม “เมื่อกี้เพิ่งบอกว่าคอแข็ง แต่ดูเจ้าดื่มเร็วขนาดนี้ก็เมาแล้ว”

“เหล้าของท่านน่าสนใจจริงๆ แต่ข้าก็ยังชอบ...รสชาติเหล้าของบ้านข้า”

อวิ๋นหลิงเรอออกมา กลิ่นของเหล้าผสมกับกลิ่นหอมอันอบอุ่นบนร่างกายของนาง กลิ่นหอมนั้นทำให้จิตใจของเซียวปี้เฉิงสั่นไหว ทำให้เขาอดขยับเข้าไปใกล้นางไม่ได้

“ไว้วันหลังข้าจะกลั่นเหล้า ให้ท่านชิมสดๆ...”

แค่ไม่รู้ว่าจะได้รสชาติเดิมหรือไม่ หากไม่มีอุปกรณ์และวัตถุดิบเหล่านั้น

เซียวปี้เฉิงมองนางด้วยรอยยิ้ม เลิกคิ้วกล่าวว่า “เจ้าคออ่อนมาก เจ้าดูไม่เหมือนคนติดเหล้าเลย กลับรู้จักวิธีกลั่นเหล้าด้วยหรือ?”

อวิ๋นหลิงที่กึ่มๆ แล้วกำลังนอนฟุบอยู่บนโต๊ะ หัวของนางวางอยู่บนสองแขนของนางแล้วหันไปมองเขาที่อยู่ข้างๆ นางไม่มีลักษณะของความอ่อนแอตามปกติของนาง แต่กลับดูน่ารักอย่างคาดไม่ถึง

“ข้าไม่ชอบดื่ม พี่ชิงชอบดื่ม...กลั่นเหล้าได้เก่งมาก ส่วนทักษะของข้า...ข้าก็เรียนรู้มาจากพี่ชิง”

อวิ๋นหลิงตอบเป็นระยะๆ และเริ่มพูดรัวลิ้นพันกัน

รอยยิ้มของเซียวปี้เฉิงชะงัก “พี่ชิงอะไร? พี่ชิงคือใคร? เขามาจากสำนักเดียวกับเจ้าหรือ?”

จู่ๆ อากาศเย็นยะเยือกก็ออกมาจากร่างกายของเขา ทำให้บริเวณรอบๆ เต็มไปด้วยความหนาวเย็น ระฆังเตือนก็ดังขึ้นในหัวใจของเขา

“พี่ชิง...พี่ชิงเก่งมากๆ เลยล่ะ!”

สมองของอวิ๋นหลิงเริ่มไม่ชัดเจนแล้ว เมื่อเซียวปี้เฉิงถาม นางก็ตอบพึมพำ

“ในองค์กร พี่ชิงจัดอยู่อันดับสอง ส่วนข้าอยู่อันดับสาม พวกเราสองคนไปทำภารกิจด้วยกันบ่อยๆ สนิทกันมากเลยล่ะ...”

“พี่ชิงมีศิลปการต่อสู้โบราณ เชี่ยวชาญอาวุธทุกชนิด เก่งเรื่องดาบเป็นพิเศษ และก็เป็นไพ่ตายในกลุ่มของพวกเรา...”

หลิวฉิงคือพี่รองในกลุ่ม รู้ศิลปะการต่อสู้โบราณและเข้าใจภาษาสัตว์ เพราะดุร้ายเกินไป คนจะตั้งฉายาให้ว่าพี่ชิง วิธีการต่อสู้ของนางนั้นแทบไม่สนชีวิต อวิ๋นหลิงถือว่าเป็นแม่คู่หูที่ดีที่สุดของนาง และทั้งสองคนได้ทำภารกิจลับที่อันตรายมากมายร่วมกัน

เมื่อเอ่ยถึงคนที่สนิทและไว้วางใจที่สุดในชาติที่แล้ว ดวงตาของอวิ๋นหลิงก็สว่างขึ้น เหมือนกับแสงเทียนที่จู่ๆ ก็สว่าง สั่นไหวใจคน

เขายิ้มอย่างขมขื่นให้ตัวเอง ไม่แปลกใจเลยที่ปีศาจสาวจะไม่คิดถึงที่นี่แม้แต่น้อย เพราะในใจนางมีคนอื่นซ่อนอยู่...ปีศาจตัวอื่น!

อวิ๋นหลิงจ้องมองดวงดาวทั้งสองอย่างเหม่อลอย อาจเป็นเพราะนางเมา สมองจึงว่างเปล่า ความรู้สึกที่ถูกเก็บมานานก็ถูกปลดปล่อยออกมาทันที และน้ำตาก็ไหลออกมาโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า

เซียวปี้เฉิงนิ่งไปครู่หนึ่ง สีหน้าก็เริ่มลนลาน ยกมือขึ้นไปเช็ดน้ำตาให้นางอย่างงุ่มง่าม

“อยู่ดีๆ...เจ้าร้องไห้ทำไม”

อวิ๋นหลิงหันไปมองเขาด้วยน้ำตา “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้ากำลังร้องไห้?”

เซียวปี้เฉิงขนลุกในทันที เขาเกือบจะกัดลิ้นตัวเอง

เขายังไม่ทันได้ตอบ อวิ๋นหลิงก็ร้องไห้และพึมพำอีกครั้ง “ใครกำลังร้องไห้ ข้าไม่ได้ร้องไห้ เจ้าบอด อย่าพูดไร้สาระ”

“เอาล่ะๆๆ เจ้าไม่ได้ร้องไห้”

เมื่อเห็นสภาพสติเลือนรางของนาง เซียวปี้เฉิงจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อครู่นี้อันตรายมาก เขานึกว่าตนจะเปิดเผยความลับแล้วเสียอีก

อวิ๋นหลิงแค่นเสียงพึมพำ เรอออกมา ก่อนจะหลับสนิทอยู่บนโต๊ะ

เซียวปี้เฉิงถอนหายใจแล้วมองไปที่อวิ๋นหลิงด้วยท่าทางซับซ้อน

อาจเป็นเพราะนางกำลังตั้งท้อง ช่วงนี้อารมณ์ของอวิ๋นหลิงจึงแปรปรวนง่าย

คนก็เมาแอ๋อยู่ที่เรือนซู่สือ เซียวปี้เฉิงไม่ได้ให้เยี่ยเจ๋อเฟิงนำนางไปส่ง ด้วยจิตใต้สำนึกเขาไม่อยากให้ผู้ชายคนอื่นมาแตะต้องอวิ๋นหลิง

สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะอุ้มนางไปที่เตียงด้วยตัวเอง

ภายใต้แสงจันทร์ที่สาดส่อง ใบหน้าครึ่งหนึ่งของอวิ๋นหลิงดูน่ากลัว แต่อีกครึ่งหนึ่งกลับดูมีเสน่ห์ และน้ำตาที่หางตาของนางยังคงมองเห็นได้จางๆ

เซียวปี้เฉิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่จากนั้นเขาก็ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ เขาเข้าใกล้นางไปด้วยความรู้สึกแปลกๆ

ขณะที่ริมฝีปากกำลังจะสัมผัสกันนั้น ดาวสีแดงดวงหนึ่งก็ร่วงลงมาจากท้องฟ้ายามค่ำคืนนอกหน้าต่างอย่างเงียบๆ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ