พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 640

สรุปบท ตอนที่ 640 จุกอกจนกระอักเลือด: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 640 จุกอกจนกระอักเลือด – พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ โดย Anchali

บท ตอนที่ 640 จุกอกจนกระอักเลือด ของ พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ ในหมวดนิยายโรแมนติกโบราณ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Anchali อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

“พี่เขยเศรษฐีวางใจเถอะ มีข้าอยู่ ไม่มีทางเกิดเรื่องแน่นอน”

จู่ๆเสวียนจีก็โผล่ออกมาจากทางด้านหลัง ในมือยังถือหน้ากากไว้อีกหลายอัน ยัดให้พวกเขาโดยไม่อธิบายอะไร

“นี่เป็นหน้ากากป้องกันพิษที่ข้าเร่งมือทำทั้งคืน ประเดี๋ยวพอสวมใส่แล้ว ก็ไม่ต้องกลัวหญิงชั่วปล่อยควันพิษแล้ว”

นางไม่มีความกล้าที่จะโยนระเบิดในจวนอ๋องจิน ถ้าทำให้เกิดความเสียหาย หลงเย่ต้องบีบคอนางให้ตายแน่ อีกอย่างนางก็ชดเชยไม่ไหว

ดังนั้นจึงได้แต่เปลี่ยนแผนการ เปลี่ยนจากฝ่ายรุกเป็นฝ่ายรับ ทำหน้ากากป้องกันพิษขึ้นมา

แต่ในเวลาสั้นๆแค่สามวัน นางได้แต่ทำอย่างรีบร้อนเพียงไม่กี่อัน มากกว่านี้ก็ไม่มีแล้ว

พวกอวิ๋นหลิงรับหน้ากากป้องกันพิษเอาไว้อย่างให้ความร่วมมือ ทุกครั้งที่เจอสถานการณ์สำคัญ นางหนูคนนี้ก็เก่งจริงๆ

พูดคุยกันเสร็จเรียบร้อย กงจื่อโยวก็ยกแก้วเหล้าขึ้นราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไปคารวะเหล้ากับแขกเหรื่อคนอื่น

ชั่วขณะนั้น ในจวนอ๋องจินมีแขกที่มาร่วมงานนั่งเต็มไปหมด บ่าวรับใช้ที่รินเหล้าและส่งอาหารเดินไปมาไม่หยุด

……

พระอาทิตย์อัสดง ท้องฟ้าเริ่มมืดสลัว

เฟิงอิ๋งอิ๋งแอบส่งสายตาให้กับสหายที่มาด้วยกัน จากนั้นก็ใช้ข้ออ้างว่าไปห้องน้ำ ออกไปจากลานหน้าบ้านอย่างไร้สุ้มเสียง

ไม่นาน หลังจากที่ได้ยินเสียงร้องตกใจและเกิดความวุ่นวายขึ้นที่ลานหน้าบ้าน นางก็ยิ้มที่มุมปาก

“ไป”

สิ้นเสียงสั่งการ ชาวเหมียวหลายคนที่แต่งตัวเป็นแขกในงานและซ่อนตัวอยู่อย่างเงียบๆก็ปรากฏตัวออกมา เดินตามเฟิงอิ๋งอิ๋งไปยังลานด้านหลังอย่างรวดเร็ว

เหล่าองครักษ์ในจวนล้วนถูกดึงดูดไปยังลานหน้าบ้านแล้ว นางจำเป็นต้องอาศัยโอกาสนี้ฆ่าเยว่หลงเย่ซะ

ผู้หญิงคนนั้นจะฉลาดแค่ไหน แต่ร่างกายที่อ่อนแอจะสู้ยอดฝีมือจำนวนมากของเธอได้อย่างไร

เสี่ยงอันตรายมหันต์ เดิมพันด้วยทั้งหมดของชีวิต แม้ว่าหลังจากนี้เหมียวเจียงกับสำนักทิงเสวี่ยจะกลายเป็นศัตรูกัน......

คืนนี้ นางต้องตาย

ตอนที่เฟิงอิ๋งอิ๋งพาลูกน้องแทรกซึมเข้าไปในลานหลังบ้าน ข้างในเงียบเหงาไร้ผู้คนอย่างที่คิดจริงๆด้วย มีเพียงสาวกประกาศิตป้ายม่วงไม่กี่คนที่คอยเฝ้าดูอยู่

ที่หน้าประตูซ้ายขวามีคนคุ้นเคยสองคนยืนอยู่ เป็นสาวกประกาศิตป้ายแดงในสำนัก หลิงซูกับหน้ากากเงิน

“ใครบังอาจบุกเข้ามาในเรือนวั่งซู”

เฟิงอิ๋งอิ๋งยืนนิ่งอยู่กลางลานบ้าน ฉีกหน้ากากหนังมนุษย์ออกมาทันที ใบหน้าที่เย็นชาเผยรอยยิ้มเย้ยหยันออกมา

“นี่ ไม่ได้เจอทั้งสองท่านมานาน.....ทำไมไม่เห็นเจ้าจั่นอิ่งอยู่ด้วยเล่า กงจื่อโยวให้ความสำคัญกับผู้หญิงคนนี้มากมิใช่หรือ ทำไมไม่ส่งยอดฝีมืออันดับหนึ่งในสำนักมาคุ้มครองนางเล่า”

ได้ยินคำพูดประโยคนี้ หลิงซูกับหน้ากากเงินก็มีสีหน้าไม่พอใจ

จั่นอิ่งเป็นคนที่มีวรยุทธ์แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาสาวกประกาศิตป้ายแดง แต่เจ้านั่นมีโรคทางจิต ถ้าไม่ระวังถูกกระตุ้นเข้าจะทำให้เสียการควบคุมได้ง่าย

เฟิงอิ๋งอิ๋งมีวิชาควบคุมวิญญาณ เคยจงใจกระตุ้นจั่นอิ่งอยู่หลายครั้ง ส่งผลให้หลงเย่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย

ถ้าหากไม่ใช่เพราะหลงเย่รู้จักการสะกดจิต แปดในสิบคงต้องตายอยู่ใต้ดาบของอีกฝ่ายแล้ว กงจื่อโยวรู้ว่าเฟิงอิ๋งอิ๋งจะมา จึงจงใจไม่ให้จั่นอิ่งออกมา

หลิงซูเอ่ยเสียงเย็นว่า “เจ้าช่างใจกล้ายิ่งนัก กล้ากระทำผิดอย่างเหิมเกริมในงานแต่งของท่านเจ้าสำนัก วันนี้ในเมื่อมาแล้วก็อย่าหวังจะได้กลับออกไปเลย”

“อาศัยแค่เจ้าสองคนก็คิดจะจับข้าอย่างนั้นหรือ เห็นทีคงจะลืมไปแล้วว่าเคยเสียท่าให้ข้ามาก่อน” เฟิงอิ๋งอิ๋งกวาดตามองหน้ากากเงินแวบหนึ่งอย่างมีเลศนัย

“ข้าไม่กลัววิชาควบคุมวิญญาณของเจ้าหรอกนะ ครั้งนี้ข้าไม่มีทางหลงกลเจ้าแน่”

สีหน้าของหน้ากากเงินในตอนนี้ดุดันมาก เมื่อครู่เขาได้รับการเตือนจากหลิงซู กัดฟันกลืนยาทลายเวทลงไปหนึ่งเม็ด

ผู้หญิงคนนี้อย่าหวังว่าจะปั่นหัวเขาได้อีก

“วันนี้ข้าไม่มีกะจิตกะใจจะเล่นกับคนโง่อย่างเจ้า”

เฟิงอิ๋งอิ๋งๆคร้านจะสนใจเขา ยกมือขึ้นทำท่าให้สัญญาณ ผู้ติดตามได้ควักเอาก้อนดินรูปร่างกลมออกมาหลายอัน ใช้ตะบันไฟจุดไฟ

ไม่ช้าก้อนดินก็เกิดควันขาวขึ้นมา เพียงชั่วครู่ก็ถูกลมยามค่ำคืนพัดพาไป ปกคลุมไปทั่วทั้งลานบ้าน

“ใคร”

“พ่อเจ้า”

ทั้งปากและจมูกของอวิ๋นหลิงล้วนซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากสีดำอย่างมิดชิด ในมือถือปืนคาบศิลาเอาไว้หนึ่งกระบอก ปากกระบอกปืนยังมีควันขาวลอยอยู่

เฟิงอิ๋งอิ๋งจำคนที่อยู่ตรงหน้าได้ทันที พระชายารัชทายาทแห่งซีโจว

ข้างกายของอีกฝ่ายยังมีคนอีกสองสามคน กงจื่อโยวที่สวมชุดแต่งงานสีแดงจูงมือของหลงเย่เอาไว้ กำลังจ้องมองมาที่นางด้วยสายตาเย็นชา

ชุดสีแดงที่เข้ากันของทั้งสองบาดตายิ่งนัก เฟิงอิ๋งอิ๋งเบิกตากว้าง เมื่อครู่อีกฝ่ายไม่ได้อยู่ในเรือนหอ

สีหน้าของนางเปลี่ยนไปทันที “พวกเจ้าไม่ได้ไปลานหน้าบ้านหรือ”

“แขกเหรื่อที่ลานหน้าบ้านทยอยกลับกันตั้งนานแล้ว คนที่เจ้าพามาก็ถูกจับจนหมด” กงจื่อโยวมองนางอย่างรังเกียจ “เฟิงอิ๋งอิ๋ง ข้าคิดไม่ถึงจริงๆว่าตอนนี้เจ้าจะบ้าคลั่งได้ถึงเพียงนี้ ถึงกับให้คนวางยาพิษมากมายขนาดนั้นในงานเลี้ยงวันแต่งงาน”

ไม่ว่าจะเป็นแมงป่อง แมงมุม แมลงพิษ......เมื่อครู่คลานยั้ยเยี้ยเต็มไปหมด ดีที่จดหมายจากบุคคลนิรนามได้เน้นถึงเรื่องนี้เอาไว้ อวิ๋นหลิงได้เตรียมผงยาเอาไว้รับมือล่วงหน้า ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีอันตรายใดๆ

เพียงแต่งานเลี้ยงที่เขาตั้งใจวังแผนเอาไว้ ถูกอีกฝ่ายทำลายไปแล้ว

หนังตาของเฟิงอิ๋งอิ๋งกระตุก ปฏิกิริยาแรกคือแผนการถูกเปิดเผยแล้ว แต่นางไม่มีเวลาคิดมาก เอ่ยถามด้วยเสียงสูงว่า “กงจื่อโยว งูสามเหลี่ยมของข้าเล่า เจ้าทำอะไรกับมัน”

งูสามเหลี่ยมเป็นสัตว์เลี้ยงแสนรักของนาง เลี้ยงมันมาตั้งแต่ออกจากไข่ และยังเป็นงูพิษที่หาได้ยากยิ่ง

เมื่อครู่นางวางมันเอาไว้ในพุ่มดอกไม้ตรงลานด้านหน้า และคิดว่าอาศัยช่วงชุลมุนกัดแขกให้ตายสักสองสามคน ให้งานแต่งกลายเป็นงานศพไปซะ

ทันใดนั้นกลับพบสาวน้อยตัวเตี้ยคนหนึ่งยกแท่งไม้ไผ่ยาวขึ้นมา อีกฝ่ายกะพริบตาโตๆของตนเอง เอ่ยขึ้นด้วยเสียงกังวานสดใส

“เจ้าหมายถึงงูตัวนี้หรือ ข้าจับได้ที่ลานด้านหน้าเมื่อครู่นี้ ลายสีดำทองใช่หรือไม่”

เฟิงอิ๋งอิ๋งๆเพ่งมองอย่างละเอียด พบว่าบนแท่งไม้ไผ่ยาวมีงูตัวเล็กเสียบเอาไว้ตัวหนึ่ง ซึ่งถูกย่างจนกรอบนอกนุ่มในแล้ว มีกลิ่นของเครื่องเทศโชยมา

เบื้องหน้าดวงตาของนางมืดลง จุกอกจนแทบจะกระอักเลือดออกมา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ