พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 662

แน่นอนว่าเมื่อเผชิญหน้ากับหลี่กุ้ยเฟย จักรพรรดิจาวเหรินไม่ยอมรับว่าเขาจงใจหลบหน้านางเป็นอันขาด

ปากบอกว่าปลูกฝังข้าราชบริพารมานานแล้ว เขาจึงต้องไปตรวจดูสักหน่อย ห่วงใยความเป็นอยู่และความสงบสุขของประชาชน สืบหาว่าขุนนางระดับล่างเกียจคร้านทำงานหรือไม่

เซียวปี้เฉิงในฐานะลูกชายจะเข้าไปก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของผู้ใหญ่ก็ไม่ใช่ง่ายๆ จึงได้แต่รอให้จักรพรรดิจาวเหรินกลับมาก่อนแล้วค่อยหารือเรื่องการเปิดโรงหมอ

ช่วงบ่ายอวิ๋นหลิงช่วยหลงเย่ผ่าตัดสมองให้เสิ่นทัว เดชะบุญที่ผ่านไปได้อย่างราบรื่น

อวิ๋นหลิงกำชับเสิ่นชิ่นว่า “กินยาต้มแก้ปวดทุกๆ สองวันก็พอ ข้าแจ้งกับทางโรงยาแล้ว จะมีคนจัดส่งยาไปให้เจ้าเป็นประจำ”

หลงเย่เอ่ยพูดด้วยเสียงนุ่มนวลว่า “ถึงความทรงจำส่วนใหญ่จะถูกลบไปแล้ว แต่สัญชาตญาณวรยุทธ์ของเขายังคงอยู่ ภายภาคหน้าก็ขอให้เจ้าอดทนมากขึ้น ค่อยๆ สอนให้เขามีความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับการใช้ชีวิตและรู้จักโลกภายนอกต่างๆ”

“ความรู้ความเข้าใจบางอย่างอาจยังซ่อนอยู่ในสัญชาตญาณของเขา แต่ข้าไม่อาจอธิบายรายละเอียดลงเฉพาะได้”

สมองเป็นส่วนมหัศจรรย์ที่สุดในร่างกายมนุษย์ นางก็ยากจะเข้าใจความลึกลับของมันได้อย่างถ่องแท้

เสิ่นชิ่นฟังแล้วก็ขอบคุณสองพี่น้องอีกครั้ง

ไม่นานนัก เมื่อเสิ่นทัวฟื้นขึ้นมา สายตาของเขาก็ไม่เย็นชาและขุ่นมัวเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว สองตาบริสุทธิ์กระจ่างใสราวกับทารกแรกเกิด มองสำรวจทุกสิ่งรอบตัวอย่างสงสัยใคร่รู้

เมื่อเห็นเสิ่นชิ่น เขาก็หยุดจ้องมอง แล้วเพ่งไปยังสตรีตรงหน้าอย่างตะลึงงัน ไม่อาจละสายตาไปได้

นัยน์ตาของเสิ่นชิ่นพลันแดงเรื่อ ก้าวเข้าไปเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “พี่ชายกลับบ้านกันเถอะ”

นางเป็นฝ่ายจับมือที่เย็นชาและหยาบกร้านของเสิ่นทัวเอง ฝ่ายหลังไม่ได้แสดงท่าทีต่อต้านแต่อย่างใด

แม้ว่าจะพบกันโดยไม่รู้จัก ความทรงจำก็หายไปกลายเป็นฟองอากาศ แต่ความสัมพันธ์ทางสายโลหิตยังคงทำให้เสิ่นทัวรู้สึกโดยสัญชาตญาณถึงความไว้วางใจอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนกับสตรีตรงหน้า

เสิ่นทัวมองนางด้วยความสับสน “พี่ชายหรือ”

“ท่านเป็นพี่ชายของข้า ส่วนข้าเป็นน้องสาวของท่าน พี่ชายโปรดจำไว้ว่าข้าคืออาชิ่น”

“น้องสาว... อาชิ่นหรือ” เสิ่นทัวพูดทวนเสียงพึมพำ สีหน้าท่าทางฉายแววนึกฉงนระคนร้อนใจ “น้องสาวคืออะไร เจ้าบอกข้าได้หรือไม่”

ดูเหมือนเขาจะเข้าใจความหมายแต่จำไม่ได้ ความสับสนเช่นนี้ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจและวิตกกังวล

“นั่นคือคนที่จะพึ่งพาอาศัยกันไปชั่วชีวิตนี้ จะไม่ทอดทิ้ง และจะไม่มีวันพรากจากกัน…”

เสิ่นชิ่นพาเขาไปยังเรือนเล็กๆ ที่ไม่เงียบเหงาอีกต่อไป เสียงแผ่วเบานุ่มนวลพลิ้วล่องลอยไปตามสายลม

นางกุมมือเสิ่นทัวไว้แน่น ในที่สุดบัดนี้สองตาที่หม่นหมองมาเนิ่นนานก็สว่างเจิดจ้าดุจแสงระยิบระยับของดวงดาราอีกครั้งพร้อมกับความหวังของวันพรุ่งนี้และอนาคต

……

การผ่าตัดเสิ่นทัวประสบความสำเร็จ อวิ๋นหลิงก็ถอนใจด้วยความโล่งอก ที่นางต้องทำคือรอหลิงซูกับไป๋ชวนแปลสมุดบันทึกมนุษย์พิษให้เสร็จ

หากหาวิธีขับพิษได้ ต่อไปเสิ่นทัวก็จะไม่ต้องพึ่งยาต้มแก้ปวดอีก ยาต้มแก้ปวดชนิดนี้ทำจากสมุนไพรหายากต้องใช้เงินจำนวนมาก และของมีจำนวนจำกัด

แม้แต่นางกับอู๋อันกงก็ไม่อาจรับประกันได้ว่าจะให้ยาต้มกับเสิ่นทัวได้อย่างต่อเนื่อง

ทางด้านเสวียนจีก็ทดลองใช้คนขี่รถล้อไม้เสร็จสิ้นแล้ว

“สองสามวันนี้พวกเราขี่กลับไปกลับมาหลายเที่ยวเพื่อให้แน่ใจว่าทั้งสองรุ่นขับขี่ได้ตามปกติ หากอากาศดี เดินทางไปสำนักศึกษาเที่ยวเดียวจะใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง”

“ถ้าฝนตกจะใช้เวลาเกือบสองชั่วโมง สาเหตุหลักมาจากถนนหลวงยังซ่อมแซมไม่เสร็จ หนึ่งในสามของถนนเป็นดินโคลนเกินไป ติดล้อรถได้ง่าย”

“ไว้ถนนหลวงซ่อมไปถึงสำนักศึกษาชิงอี้ ข้าแน่ใจว่าเวลาเที่ยวเดียวจะลดลงเหลือหนึ่งชั่วโมงสิบนาที ฉะนั้นก็ถึงเวลาที่จะต้องผลิตอย่างจริงจังแล้ว!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ