วันรุ่งขึ้น เมืองก็เต็มไปด้วยสีสันของฤดูใบไม้ร่วง
เซียวปี้เฉิงออกจากวังไปทำธุระ จึงถือโอกาสพาลู่ฉีไปยังบ้านใหม่
“เหตุใดเจ้าจึงทำหน้ากลัดกลุ้มใจ”
ทั้งที่เพิ่งซื้อบ้านใหม่แท้ๆ และช่วงนี้ได้พบกับบิดามารดาที่พรากกันมานาน แต่เซียวปี้เฉิงไม่เห็นความชื่นมื่นบนใบหน้าของลู่ฉีเลยแม้แต่น้อย
ลู่ฉีลงรถม้า กวาดตามองบ้านอันกว้างขวางอย่างหมดอาลัยตายอยากด้วยก้นบึ้งดวงตาที่ค่อนข้างเศร้าสร้อย
ทันใดนั้นเขาก็หยิบตั๋วเงินสองสามใบออกมาจากอกเสื้อแล้วยัดใส่มือของเซียวปี้เฉิงโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
เซียวปี้เฉิงตะลึงไปครู่หนึ่ง “เจ้าเอาตั๋วเงินให้ข้าทำไม”
“รัชทายาท นี่เป็นมรดกของกระหม่อม หลายปีที่ผ่านมาพระองค์ทรงดีกับกระหม่อมเหมือนน้องชายแท้ๆ ก็ไม่ปาน พระองค์จึงมีส่วนแบ่งในมรดกด้วย”
เซียวปี้เฉิงหางตากระตุกอย่างแรง “มรดก...เจ้าจะตายแล้วหรือ”
ทั้งที่เมื่อวานยังเห็นเขาดีๆ อยู่เลย กินข้าวมื้อเดียวตั้งสองชามใหญ่ ตอนนี้เกิดผีเข้าอะไรขึ้นมา
ลู่ฉีสีหน้าเศร้าใจ “พระองค์ไม่ต้องปลอบกระหม่อม กระหม่อมรู้ตัวดีว่าถูกพิษแมงป่องของปีศาจสาวเหมียวเจียง คงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน เหลือเวลาอีกแค่สองเดือน”
“...ใครบอกเรื่องนี้กับเจ้า”
“น้องตงชิง นางบอกกระหม่อมว่าอู๋อันกงพูดอย่างนั้น”
เซียวปี้เฉิงได้ยินแล้วก็มองตั๋วเงินสองร้อยห้าสิบตำลึงในมือ ก่อนพับเก็บเข้าอกเสื้อไปอย่างเงียบๆ
“หลิงเอ๋อร์ฝีมือยอดเยี่ยมยื้อชีวิตเจ้าไว้ได้ก็จริง แต่คงต้องไปหาหมอมารักษาสมองแล้วล่ะ”
“หา?”
ลู่ฉีอึ้งอยู่กับที่ไปครู่หนึ่ง ในไม่ช้าก็รู้ตัวว่าเขาถูกตงชิงหลอกเข้าให้แล้ว
“เจ้าเด็กแสบคนนี้...ช้าก่อนพระองค์ โปรดคืนเงินให้กระหม่อมด้วย! พระองค์จะมุบมิบเงินที่กระหม่อมหามาอย่างยากลำบากไปโดยไร้มโนธรรมไม่ได้!”
ยังไม่ทันจะบ่นตัดพ้อตงชิง เขาก็เห็นเซียวปี้เฉิงนั่งรถม้ากลับไปพร้อมกับ ‘มรดก’ รถแล่นออกไปไกลโดยไม่หันกลับมามอง
เสียงของเซียวปี้เฉิงดังไล่หลังมาจากรถม้า “ต่อไปจะทำการใดจงใช้ไหวพริบหน่อย อย่าให้ใครมาหลอกจนหัวหมุน เงินนี้ถือเสียว่าเป็นบทเรียน คนเราต้องผิดเป็นครูจึงจะก้าวหน้า”
ลู่ฉีนั่งโง่งมอยู่ที่เดิม อยากจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตาจะไหล ไยทุกคนบนโลกนี้ถึงรุมรังแกเขาเล่า!
นึกถึงเงินสองร้อยห้าสิบตำลึงที่บินละลิ่วออกไป ลู่ฉีก็รู้สึกเจ็บปวดใจไม่หาย
เมื่อเห็นตงชิงพานางกำนัลขนเครื่องเรือนและของประดับมาส่ง เขาก็กระโดดสูงแปดจั้งทันที ดึงตงชิงที่ไม่ทันระวังตัวเข้าไปในห้องเล็กๆ
ตงชิงเห็นท่าทีดวงตาแดงก่ำของเขา จึงพูดด้วยความประหลาดใจ “เจ้าเป็นอะไรไป”
ลู่ฉีรู้สึกน้อยใจเหลือแสน เอ่ยปากบ่นว่า “เจ้าฟักเขียว ข้าใจดีกับเจ้าเสียเปล่า เจ้าถึงกับโกหกว่าข้าจะอยู่ได้อีกไม่นาน!”
“เจ้ารู้แล้วหรือ”
“ที่รัชทายาทบอกข้านั้นข้ายังนึกว่าตัวเองจะตายจริงๆ จึงมอบเงินสองร้อยห้าสิบตำลึงเป็นมรดกให้พระองค์ไป เจ้าเองก็ใช่ว่าจะไม่รู้ว่าพระองค์เป็นคนเช่นไร คราวนี้เงินสูญเปล่าไปหมดแล้ว!”
ตงชิงพูดไม่ออกครู่หนึ่ง แต่นางรู้ตัวว่าทำผิดไป “เงินแค่สองร้อยห้าสิบตำลึงเองไม่ใช่หรือ เดี๋ยวกลับไปจะจ่ายคืนให้แล้วกัน ในฐานะคนที่กำลังจะแต่งงานอย่างเจ้า อย่าเอาแต่ฉุดกระชากลากดึงข้า คนอื่นเห็นเข้าจะไม่งาม”
ลู่ฉีเกือบคิดว่าตัวเองได้ยินผิดไป “ใครบอกว่าข้าจะแต่งงาน”
“ใช่แล้ว คราวนี้ท่านแม่ลู่พาแม่นางจีมาเมืองหลวงด้วย ได้ยินว่าเตรียมจะให้แต่งกับเจ้า ต่อไปเจ้าไม่ต้องกังวลว่าจะหาภรรยาไม่ได้”
ตงชิงพูดด้วยสีหน้ากลิ่นไม่เข้าคายไม่ออก น้ำเสียงเจือความเจ็บปวดรวดร้าวอยู่หลายส่วน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...
ขอบคุณน้าค้า ที่ลงทุกวันเลยสนุกมากค่ะ...