พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 672

ขุนนางต่างรู้ถึงพระประสงค์ของจักรพรรดิจาวเหรินที่จะจัดการตระกูลหลี่

ในเวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่วัน ขุนนางขั้นหนึ่งทั้งสองคน คนหนึ่งถูกเปลี่ยนออก อีกคนถูกพักงาน เบื้องหลังการเลื่อนตำแหน่งและโยกย้ายกองกำลังนั้นโยงใยไปถึงปัญหามากมาย

ในราชสำนักเกิดความวุ่นวายหลายวัน อวิ๋นหลิงกับสามีก็ยุ่งตัวเป็นเกลียว

เสนาบดีขวาหลี่ตื่นตระหนกอย่างยิ่ง การพักงานครั้งนี้ เขายังไม่รู้เลยว่าจะได้กลับเข้าราชสำนักเมื่อใดหรือกลับไปไม่ได้อีก

ดังนั้นเขาจึงรีบเขียนจดหมายส่งไปให้หลี่กุ้ยเฟยในวัง ให้นางหาวิธีคอยเป่าลมข้างหมอนโน้มน้าวใจจักรพรรดิจาวเหริน

แต่พักนี้หลี่กุ้ยเฟยก็ลำบากเช่นกัน พักก่อนนางทะเลาะกับจักรพรรดิจาวเหรินแทบจะทุกสามวันห้าวันเลยทีเดียว

ต่อมาอีกฝ่ายหลบหน้านางเสียดื้อๆ ไม่เห็นแม้กระทั่งเงา

หลี่กุ้ยเฟยถูกจักรพรรดิจาวเหรินง้องอนจนติดเป็นนิสัย นางจึงไม่มีท่าทียอมลดราวาศอกไประยะหนึ่ง

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงฝั่งของรัชทายาทกับพระชายา ยามปกติทั้งสองฝ่ายไม่ได้ติดต่ออะไรกัน ถ้าจะยื่นมือเข้าช่วยก็แปลกแล้ว

นางขบคิดพักหนึ่งแล้วสั่งแม่นมเหอเยว่ “ไปเชิญอวี้จือมา”

ด้วยมิตรภาพของเยียนอ๋องกับรัชทายาท ให้เขาออกหน้าจะเหมาะสมกว่า

แต่เมื่อเยียนอ๋องก้าวเข้าไปในตำหนักเว่ยยาง ยังไม่ทันเห็นคนแต่เสียงมาก่อน

“ถ้าเสด็จแม่เรียกลูกมาเพื่อขอร้องเรื่องของท่านตาก็ลืมไปเสียเถิด ลูกจะไม่เอาเรื่องนี้ไปทำให้พี่สามต้องลำบากใจ”

นางยังไม่ทันเอ่ยปาก เยียนอ๋องก็ปฏิเสธอย่างไม่ไยดี หลี่กุ้ยเฟยก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟทันที

“เจ้าเป็นลูกของข้าหรือของรัชทายาทกันแน่ ถ้าตาเจ้าพังพินาศไปจะมีประโยชน์อะไรกับเจ้า”

สีหน้าเยียนอ๋องเย็นชาและสุขุม “ท่านตาเริ่มแก่แล้ว ปีนี้เขาก็หกสิบสี่ปี เหลือเวลารับราชการอีกเพียงไม่กี่ปี ช้าเร็วก็ต้องออกจากตำหนักทองหลวง”

“เสด็จพ่อพยายามรักษาชื่อเสียงและหน้าตาของเขาเอาไว้ หากเขายังดันทุรังจะทำเรื่องโง่เขลา อาจรักษาหน้าเอาไว้ไม่ได้”

ที่เรียกว่ารับราชการก็หมายถึงการเกษียณอายุด้วย ตามกฎหมายของแคว้นต้าโจวจะเกษียณอายุที่เจ็ดสิบปี ฉะนั้นเสนาบดีขวาหลี่จะยังรับตำแหน่งได้อีกหกปี

แต่เยียนอ๋องรู้สึกว่าเสนาบดีขวาหลี่เกษียณก่อนกำหนดจะดีกว่า

วีรกรรมเมื่อเร็วๆ นี้ของท่านตาเขา วางแผนจะจับคู่ให้องค์ชายทั้งหลาย บังคับให้ราชวงศ์จัดคัดเลือกนางในใหม่ จะเกี่ยวดองกับตระกูลจางด้วยการเลือกจางอวี้ซูมาแต่งงาน และสนับสนุนให้หลี่เมิ่งเอ๋อร์เป็นองค์หญิงไปแต่งงานเชื่อมสัมพันธไมตรี และอื่นๆ อีก...

อาจกล่าวได้ในระยะไม่ถึงสองปีมีปัญหาทางสมองจนล่วงเกินใครต่อใครไปทั่ว

เมื่อมีท่านตาเช่นนี้ บางครั้งที่เจออวิ๋นหลิงกับสามี เขาก็รู้สึกกระดากอาย

“เสด็จแม่ ตระกูลขุนนางเมื่อมีขึ้นย่อมมีลงเป็นเรื่องปกติ ไม่มีตระกูลขุนนางใดจะเจริญรุ่งเรืองได้ตลอดไป ตระกูลเฟิงตระกูลหลี่ก็เฉกเช่นเดียวกัน ทั้งเสนาบดีฝ่ายซ้ายและขวามีอำนาจเหนือราชสำนักและประชาชน มีหน้ามีตามากว่าครึ่งค่อนชีวิต สุดท้ายก็ต้องเกษียณออกไปอยู่ดี”

เยียนอ๋องไม่มีความทะเยอทะยาน มองสิ่งเหล่านี้ที่เกิดขึ้นโดยไม่คาดคิดให้เป็นเรื่องปกติ

หลี่กุ้ยเฟยโกรธจนแน่นหน้าอก “ทำไมข้าจะไม่เข้าใจเหตุผลข้อนี้ ตอนนี้เจ้ายังยืนไม่มั่นคงเลย ตาของเจ้าจะล้มในเวลานี้ไม่ได้! เมื่อเรื่องนี้คลี่คลายแล้ว อีกสองปีข้าจะให้เจ้าแต่งชายารอง เลือกหญิงสาวที่คู่ควรให้ดีกว่านี้!”

ในความคิดของหลี่กุ้ยเฟย ทางที่ดีเสนาบดีขวาหลี่ควรจะรับราชการถึงเจ็ดสิบปีได้อย่างมั่นคง เพื่อที่เยียนอ๋องจะอาศัยบารมีสุดท้ายของเขาสร้างตัวเองโดยเร็วที่สุดในช่วงสองสามปีนี้

ติดที่ศักดิ์ฐานะของตี้หวู่เหยาองค์หญิงแคว้นตงฉู่ เยียนอ๋องจะแต่งพระชายารองไม่ได้ไปอย่างน้อยสองถึงสามปี

หากเสนาบดีขวาหลี่ต้องพังพินาศในตอนนี้ ศักดิ์ศรีและอำนาจของตระกูลหลี่จะลดลง จากนี้ไปว่าที่พระชายารองของเยียนอ๋องจะต้องเลือกจากลูกสาวตระกูลขุนนางที่ต่ำกว่าขั้นสาม

เยียนอ๋องได้ยินเรื่องพระชายารองกับการสร้างฐานะ ก็ปฏิเสธโดยไม่ต้องคิดว่า “เสด็จแม่อย่าพูดให้เปลืองน้ำลายเลย ข้าไม่ชอบเป็นขุนนาง ภายภาคหน้าก็จะไม่เป็นขุนนาง ข้าแค่อยากจะเป็นท่านอ๋องที่อิสรเสรี ทำกิจการกับเหยาเหยา”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ