พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 673

เด็กเป็นหวัดก็เริ่มขย้อนนม พอดื่มนมอุ่นๆ ที่ห้องเครื่องหลวงยกมาก็บ้วนออกสองครั้ง เติมน้ำตาลทรายขาวลงไปก็ไม่ได้ผล

ยามปกติฮั่วถวนเอ๋อร์จะกินเยอะมาก แต่ตอนนี้กลับบ่นว่าหิว ทั้งสองสามีภรรยาจึงรีบสั่งให้นางกำนัลยกผักบดกับโจ๊กข้าวฟ่างมาให้

“กลิ่นแปลกๆ กลิ่นแปลกๆ!”

นี่คือของที่ปกติฮั่วถวนเอ๋อร์ชอบกิน แต่ตอนนี้ยากจะกลืนลงคอ ตักเข้าปากไปสองคำ ก็เอามือน้อยๆ ผลักช้อนออก

“ผักบดขมจัง! โจ๊กก็รสชาติแปลกๆ!”

ฮั่วถวนเอ๋อร์หิวจนร้องไห้แงๆ เซียวปี้เฉิงได้ยินแล้วก็เครียด หัวใจหดเกร็งด้วยความเจ็บปวด

นี่ไม่ได้หมายความว่าอาหารมีรสชาติแปลก แต่เห็นชัดว่าฮั่วถวนเอ๋อร์ป่วย กินอะไรก็ไม่ถูกปาก

เขาเอาแต่ร้องไห้ เริ่มขย้อนนมอีก ในตำหนักบูรพาเกิดความชุลมุนวุ่นวายราวกับสนามรบไปพักหนึ่ง

เสื้อผ้าของอวิ๋นหลิงกับเซียวปี้เฉิงเปื้อนนมและโจ๊ก ดูน่าสังเวชอย่างยิ่ง

“ฮือๆๆ..หิวๆ!”

“หลิงเอ๋อร์ ถวนถวนไม่สบาย พอมีวิธีใดจะทำให้เขารู้สึกสบายขึ้นบ้างหรือไม่”

ตอนนี้เซียวปี้เฉิงทำอะไรไม่ถูกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ให้เขานำทหารนับพันไปออกศึกกับชาวทูเจวียนับหมื่น ก็ยังไม่ตื่นตระหนกขนาดนี้

ที่ผ่านมาถ้าเขาป่วย หากทนได้ก็จะหายไปเอง แต่ฮั่วถวนเอ๋อร์ทำเช่นเดิมไม่ได้แล้ว!

“ตามหลักเขากินยาไปแล้ว ควรรอให้เขางีบหลับสักตื่นก็จะหายเอง”

อวิ๋นหลิงดูสงบ แต่ฝ่ามือกลับเหงื่อออกอย่างตกประหม่า เพิ่งพูดจบก็ชั่งใจแล้วพูดต่อ “ไม่เช่นนั้นก็ฉีดยาให้เขาสักสองสามเข็ม หรือไม่ก็ให้กลิ่นสลายวิญญาณเพื่องีบหลับ?”

เซียวปี้เฉิงรีบส่ายหน้า “ไม่ได้ๆ เด็กยังเล็กหากฉีดผิดพลาดจะทำอย่างไร...อีกอย่างต่อให้เผลอหลับไป เขาก็ยังหิวอยู่ดี”

อันที่จริงเป็นแค่ไข้หวัดธรรมดา แต่เมื่อเผชิญหน้ากับฮั่วถวนเอ๋อร์ตัวน้อย อวิ๋นหลิงก็รู้สึกทำอะไรไม่ถูก

นี่ทำให้นางเครียดยิ่งกว่าศึกษาไวรัสจากต่างดาวเสียอีก

ขณะที่ทั้งสองสามีภรรยาปวดเศียรเวียนเกล้า ซวงหลีก็เข้ามารายงานข่าว

“ท่านทั้งสอง หลี่กุ้ยเฟยมาเพคะ ก่อนหน้านี้ท่านไม่ได้กำชับบ่าวไพร่ว่าต้องทำอย่างไร องครักษ์ด้านนอกจึงไม่ได้ขัดขวาง”

ปกติแล้วจะมีคนเข้าออกตำหนักบูรพาขวักไขว่ รวมทั้งขุนนาง นางสนมและองค์ชาย

ทั้งคู่ทำใบรายการอธิบายว่าใครเข้าพบได้ทันที ใครมาแล้วต้องรอรายงาน ใครมาแล้วไม่ให้เข้าพบ ทั้งหมดนี้แจกแจงไว้แล้ว

แต่หลี่กุ้ยเฟยไม่ได้อยู่ในกลุ่มใด เพราะนับตั้งแต่นางป่าวประกาศว่าเซียวปี้เฉิงได้ช่วยชีวิตองค์หญิงเก้า ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็เริ่มตึงเครียด และไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย

หลังจากขึ้นสู่ตำแหน่งรัชทายาทแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่หลี่กุ้ยเฟยมาเยือนตำหนักบูรพา

เซียวปี้เฉิงฟังแล้วก็รู้ว่าเหตุใดหลี่กุ้ยเฟยจึงมาที่นี่ แต่ตอนนี้เขาหมดหนทางแล้วจริงๆ

มีเสียงฝีเท้าดังมาแต่ไกล เขาเงยหน้าขึ้นเห็นหลี่กุ้ยเฟยมาถึงหน้าประตูตำหนักแล้ว แม่นมเหอเยว่ก็ถือกล่องไม้อยู่ข้างๆ

สีหน้าของเซียวปี้เฉิงยังคงไม่แปรเปลี่ยน เกลี้ยกล่อมให้นางออกไปด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “เสด็จแม่ ตำหนักสกปรกและยุ่งเหยิง ตอนนี้ข้ากับหลิงเอ๋อร์ไม่สะดวกต้อนรับ ท่านค่อยมาวันหลังเถิด”

“ข้าได้ยินว่าเด็กไม่สบายจึงตั้งใจมาเยี่ยม”

นี่เป็นข้ออ้างของหลี่กุ้ยเฟยแน่นอน แต่นางไม่นึกว่าเหตุการณ์ในตำหนักจะย่ำแย่ถึงเพียงนี้

กลิ่นคาวนมผสมกับกลิ่นโจ๊กผักฉุนเข้าจมูกนาง หลี่กุ้ยเฟยอดขมวดคิ้วไม่ได้

ระหว่างที่คิดจะเปลี่ยนวันมา ก็กวาดสายตาไปรอบๆ ก่อนจะหยุดอยู่ที่ข้างหลังสองสามีภรรยาคู่นี้

“ฮือๆ...ข้าหิว...”

ฮั่วถวนเอ๋อร์เปลี่ยนจากสะอื้นไห้เป็นร้องโยเย ร่างน้อยๆ รู้สึกไม่สบายตัวและหิวจนทนไม่ไหว

เด็กคนนี้ร้องไห้เก่งตั้งแต่ยังเล็ก ทันใดนั้นเสียงปีศาจก็ดังก้องหูอีกครั้ง ชวนให้ตื่นตระหนก

อวิ๋นหลิงอุ้มเด็กไว้ในอ้อมแขนแล้วตบเบาๆ พลางกล่อมไปด้วย แทบอยากจะคุกเข่าลงต่อหน้าเด็กน้อยคนนี้

หลี่กุ้ยเฟยที่อยู่ตรงหน้าประตูพูดด้วยสีหน้าบึ้งตึง “พวกเจ้าอุ้มเด็กเช่นนี้ได้อย่างไร อุ้มเช่นนี้จะไม่อาเจียนได้หรือ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ