พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 674

วาจาอันโกรธเกรี้ยวของจักรพรรดิจาวเหรินดังกึกก้องไปทั่วตำหนัก

ฮั่วถวนเอ๋อร์ที่กำลังหลับปุ๋ยอยู่มุ่นคิ้วเล็กน้อย กะพริบตาพลางขมุบขมิบปากอย่างไม่พอใจสองสามที แต่ก็ยังไม่ตื่น

หลี่กุ้ยเฟยมองเขาอย่างตกตะลึง หลังจากได้สติกลับมา ใบหน้าพลันซีดลง จากนั้นก็ตัวแข็งทื่อและเศร้าสลด

“ฝ่าบาทต้องทำให้หม่อมฉันอับอายต่อหน้าคนรุ่นเยาว์ด้วยหรือ”

เซียวปี้เฉิงกับอวิ๋นหลิงอยู่ที่ด้านข้างของหอนอน จักรพรรดิจาวเหรินเข้ามาก็พูดตีแสกหน้าเช่นนี้ ทำให้นางประคองสีหน้าไว้ไม่อยู่

จักรพรรดิจาวเหรินมองนางอย่างเย็นชา “เจ้าแกว่งเท้าหาเสี้ยนแท้ๆ หากเจ้าไม่เอาแต่จะทำให้คนรุ่นเยาว์ลำบากใจ ข้าก็คงไม่ถึงขั้นเหลืออดกับเจ้าหรอก!”

หลี่กุ้ยเฟยได้ยินแล้วแทบจะใช้นิ้วขยี้ผ้าเช็ดหน้าหอมนั้นแล้วพูดด้วยความกรุ่นโกรธ “หม่อมฉันแค่มาเยี่ยมเด็กเท่านั้นเอง!”

จักรพรรดิจาวเหรินไม่ตอบแล้วเหลือบมองเซียวปี้เฉิง

“...เสด็จแม่เพิ่งมาเมื่อครู่นี้เอง” เซียวปี้เฉิงตอบอย่างถนอมน้ำใจ

หลี่กุ้ยเฟยอาจนึกอยากพูดเรื่องของเสนาบดีขวาหลี่ แต่เห็นชัดว่ายังไม่ทันจะได้พูด

ดังคาด จักรพรรดิจาวเหรินกล่าวต่อ “อย่าคิดนะว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้ากำลังคิดอะไรอยู่ ยามปกติไม่เคยเห็นเจ้ามาตำหนักบูรพา ไม่มีเรื่องร้อนใจคงไม่ถ่อมาถึงที่นี่หรอก? เจ้าไม่ได้อยากมาเยี่ยมเด็กๆ แค่อยากใช้โอกาสนี้มาขอร้องให้ตระกูลหลี่เท่านั้น!”

สิ้นคำ ใบหน้าของหลี่กุ้ยเฟยก็เปลี่ยนเป็นเดี๋ยวแดงเดี๋ยวขาวทันที

เซียวปี้เฉิงแอบเหลือบมองอวิ๋นหลิงแวบหนึ่ง ทั้งคู่ก็เห็นความประหลาดใจในดวงตาของกันและกัน

พวกเขาได้ยินจากฝูกงกงว่าหมู่นี้จักรพรรดิจาวเหรินทะเลาะกับหลี่กุ้ยเฟยบ่อยครั้ง แต่ไม่นึกว่าทั้งคู่จะมาถึงขั้นนี้ พอมาถึงก็ปะทะคารมกันทันทีทันใด

อวิ๋นหลิงกลัวว่าทั้งสองจะทะเลาะกันที่นี่ แล้วปลุกเด็กตัวน้อยที่กว่าจะผล็อยหลับไปให้ตื่นขึ้น จึงรีบลุกขึ้นแล้วอุ้มฮั่วถวนเอ๋อร์ไปยังห้องโถงด้านข้าง

นางเอามือลูบหน้าผากลูกชาย ยังตัวร้อนอยู่ แต่อุณหภูมิก็ต่ำกว่าเมื่อก่อนนิดหน่อย นอนสักตื่นคงจะดีขึ้น

สั่งให้ซวงหลีเฝ้าฮั่วถวนเอ๋อร์อยู่ในห้องโถงด้านข้าง แล้วอวิ๋นหลิงก็กลับไปที่ห้องโถงหลักของหอนอน สองสามีภรรยาเฒ่าระเบิดอารมณ์ใส่กันอย่างเต็มที่ดังคาด

ก่อนที่นางจะก้าวเข้าไปในตำหนัก ก็ได้ยินเสียงร้องไห้ระคนโกรธเกรี้ยวของหลี่กุ้ยเฟย

“หม่อมฉันทำผิดถึงเพียงนี้เชียวหรือ เพียงแค่คิดเผื่อถึงอวี้จือ นอกจากบิดาของหม่อมฉันแล้ว ต่อไปเขาจะพึ่งพาใครได้อีก”

“ข้าตายไปแล้วหรือไร! หรือเจ้าคิดว่าเมื่อเจ้าสามเป็นรัชทายาทแล้วภายภาคหน้าจะไม่สนใจไยดีเขา?”

หลี่กุ้ยเฟยไม่สนใจประโยคครึ่งหลัง ก่อนพูดอย่างตกประหม่า “ใช่แล้ว เจ้าต้องทิ้งอวี้จือเป็นแน่ เจ้าคงจะไม่ได้ดีกับเขาเหมือนอย่างที่ดีกับรุ่ยอ๋องหรอก!”

บรรยากาศชะงักงันไปครู่หนึ่ง

อวิ๋นหลิงปรากฏตัวอย่างเงียบๆ ที่ประตูตำหนัก เงยหน้าขึ้นก็เห็นเซียวปี้เฉิงยืนนิ่งอยู่ที่มุมห้อง ไม่กล้าส่งเสียงหายใจดัง เพียรพยายามทำให้ตัวเองเป็นอากาศธาตุ

สถานการณ์เช่นนี้ไม่เปิดโอกาสให้เขาพูดแทรกแต่อย่างใด

“ดูการแต่งงานของอวี้จือเป็นตัวอย่าง ตอนแรกหม่อมฉันถูกใจหรงฉาน ตั้งใจจะให้นางมาเป็นว่าที่พระชายาเยียนอ๋อง แต่ฝ่าบาททรงปฏิเสธหม่อมฉันโดยอ้างว่าอวี้จือยังหาประสบการณ์ไม่มากพอ”

“หม่อมฉันมารู้ภายหลังว่าที่แท้พระองค์จะประทานหรงฉานให้รุ่ยอ๋อง จึงได้พูดคำนั้นออกมา แต่หม่อมฉันก็เชื่อคำพูดของฝ่าบาทอย่างไร้เดียงสา ส่งอวี้จือไปฝึกที่ชายแดน ทำให้ขาของเขาพิการ ทนทุกข์ทรมานกับพิษเย็น!”

คิดถึงเรื่องอดีต หลี่กุ้ยเฟยก็รู้สึกหายใจไม่ออกเหมือนจุกอยู่ในลำคอ

หรงฉานเป็นลูกสาวสายตรงเพียงคนเดียวของเจิ้นกั๋วกง ทั้งยังเป็นสตรีสูงศักดิ์ที่โดดเด่นที่สุดในด้านชาติตระกูล รูปโฉมโนมพรรณและความรู้ของสำนักศึกษาเป่ยลู่

เวลานั้นเยียนอ๋องเพิ่งได้รับแต่งตั้งเป็นอ๋องและสร้างจวน เป็นเวลาเหมาะจะพูดเรื่องการแต่งงาน นางย่อมจะถูกใจหรงฉาน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ