พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 677

จักรพรรดิจาวเหรินพูดไม่ออกอยู่นาน ได้แต่นั่งมองพระสนมหลี่อยู่ข้างๆ

เขาไม่เคลื่อนไหว สองสามีภรรยาอวิ๋นหลิงก็ไม่กล้าถอยออกไปก่อน

ได้แต่นั่งอยู่ในตำหนักเว่ยยางจนถึงกลางดึกยามจื่อ ฝูกงกงมาพูดขอร้องเป็นครั้งที่สาม “ฝ่าบาท พระวรกายสำคัญ พรุ่งนี้พระองค์ต้องประชุมราชสำนักแต่เช้านะพ่ะย่ะค่ะ”

จักรพรรดิจาวเหรินจึงค่อยๆลุกขึ้น สั่งให้นางกำนัลเฝ้าพระสนมหลี่ให้ดี จากนั้นก็จากไปด้วยใบหน้าอ่อนล้า

อวิ๋นหลิงกับเซียวปี้เฉิงเดินตามด้านหลังเขาเงียบๆ เมื่อใกล้จะถึงทางแยกที่ต้องจากกัน จู่ๆคนข้างหน้าก็หยุดฝีเท้าลง

“พวกเจ้าสองคนคิดว่าล้วนเป็นความผิดของข้าหรือมไ”

เซียวปี้เฉิงชะงัก เอ่ยขึ้นมาช้าๆว่า “หากพูดด้วยใจที่เป็นกลาง ถ้าหากวันหนึ่งมีผู้หญิงที่รักลูกเหมือนกันปรากฏตัวขึ้น รับดาบแทนลูก แต่ต้องให้ลูกตอบแทนด้วยความรักละก็ ลูกก็ไม่มีทางยินดี”

คนที่เขารักคืออวิ๋นหลิง ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนจะเสียสละอะไรเพื่อเขา อีกฝ่ายจะได้เป็นแค่ผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตเขาตลอดไป แต่ไม่สามารถเป็นคนรักได้

ถ้าไม่อย่างนั้น คำพูดที่ว่า “บุญคุณในการช่วยชีวิตต้องแลกด้วยหัวใจ” จะถูกผู้คนวิพากษ์วิจารณ์หรือ

นี่เป็นการใช้ศีลธรรมมาบีบบังคับกันชัดๆ

“ไม่ว่าจะมีจุดประสงค์อะไร การอ้างบุญคุณเพื่อให้อีกฝ่ายตอบแทนไม่ใช่การกระทำของสุภาพบุรุษ เสด็จพ่อและเสด็จแม่ล้วนมีความลำบากใจ แต่ถ้าจะให้บอกว่าเสด็จพ่อผิดตรงไหน ลูกคิดว่าน่าจะเป็นเพราะพระองค์ให้ความรักไม่เท่าเทียม และไม่เด็ดขาดมากพอ”

ไม่ก็เป็นจักรพรรดิที่ให้ความรักอย่างเท่าเทียม ทำได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่องจริงๆ ไม่ลำเอียงเลือกที่รักมักที่ชังอย่างเด็ดขาด

ไม่ก็เป็นจักรพรรดิที่เย็นชา ใจดำจนถึงที่สุด ทำลายความหวังทั้งหมดของอีกฝ่ายตั้งแต่เริ่มต้น

ที่กลัวก็คือจักรพรรดิจาวเหรินจะเป็นเช่นนี้ ไม่มีทางให้ความรักอย่างเท่าเทียมกัน แล้วยังไม่สามารถทำลายความหวังของพระสนมหลี่อย่างใจดำได้

ดังนั้นจึงได้เยิ่นเย้ออยู่เช่นนี้ เอาแต่ให้ความหวังอีกฝ่าย จากนั้นก็บ่นว่าอีกฝ่ายร้องขอมากไป

ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ จักรพรรดิจาวเหรินละเมิดข้อห้ามใหญ่หลวง เขานำอารมณ์ความรู้สึกไปปะปนกับราชสำนัก ทำให้ขอบเขตระหว่างกันคลุมเครือ

จากมุมมองบางประการ เขาไม่ได้มีคุณสมบัติที่จะเป็นจักรพรรดิ

ไม่ว่าจะปฏิบัติต่อวังหลังอย่างเท่าเทียมหรือเย็นชา แต่พื้นฐานแล้วล้วน”ไร้เมตตา” มีเพียงเช่นนี้จึงจะถูกชักจูงได้ง่าย

เห็นได้ชัดว่า จักรพรรดิจาวเหรินทำไม่ได้ เขาอบอุ่นมากเกินไป

วันนี้เซียวปี้เฉิงได้รับรู้อย่างลึกซึ้งขึ้นไปอีกว่า ทำไมตอนนั้นพระเจ้าหลวงจึงไม่ยอมให้แต่งงานกับเสี่ยวเฟิง หลังจากนั้นหลายปีก็รู้สึกเสียใจภายหลังที่ยอมใจอ่อนรับปากเขา

“ให้เขาแต่งเสี่ยวเฟิงเป็นภรรยา เป็นหนึ่งในความผิดร้ายแรงไม่กี่อย่างที่ข้าเคยทำ

พระเจ้าหลวงเคยพูดด้วยความทอดถอนใจเช่นนี้

ทั้งๆที่เขาเห็นภาพในอนาคตแล้ว กลับถูกความรักตั้งแต่เยาว์วัยของอีกฝ่ายทำให้หวั่นไหว หวนคิดถึงตอนที่ตนเองยังเด็ก ที่สุดก็พลั้งปากตอบตกลง

ชีวิตนี้ของพระเจ้าหลวง ไม่ว่าจะเป็นราชสำนักหรือวังหลังล้วนควบคุมได้สมดุลมาก ไม่มีใครสามารถขัดขวางการตัดสินใจหรือการก้าวเดินของเขาได้ไม่ว่าจะเรื่องใด

เพราะรักแท้ที่สามารถชักจูงจิตใจของเขาได้นั้น ได้กลายเป็นเถ้าธุลีไปนานหลายปีแล้ว

จักรพรรดิจาวเหรินไม่พูดจา กลับเหลือบตาไปมองทางอวิ๋นหลิง

อวิ๋นหลิงเอ่ยด้วยสีหน้าปกติว่า “ข้าก็คิดเช่นเดียวกับปี้เฉิง เสด็จพ่อกับพระสนมหลี่ต่างก็มีความผิด แยกไม่ออกว่าใครผิดมากกว่ากัน แต่ที่สามารถมั่นใจได้ก็คือ ความเจ็บปวดที่ท่านทั้งสองพระองค์ได้รับ ที่จริงล้วนเกิดจากการกระทำของตนเอง แต่กลับเอาแต่โทษอีกฝ่าย”

นางเป็นคนพูดจาไม่เกรงใจมาแต่ไหนแต่ไร ในใจคิดอย่างไร ก็จะพูดออกไปเช่นนั้น

ไม่ชอบจักรพรรดิจาวเหรินกับพระสนมหลี่เป็นเรื่องหนึ่ง รู้สึกว่าพวกเขาน่าสงสารและมีชีวิตไม่ง่ายเลยก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

แต่อวิ๋นหลิงไม่เห็นใจพวกเขาเลยสักนิด

ไม่ใช่เพราะนางเย็นชาไม่เห็นใจผู้อื่น เรื่องนี้จะโทษใครได้เล่า

“การกระทำของตัวเอง......พวกเจ้าพูดถูก ข้าควรจะแสดงท่าทีให้ชัดเจนตั้งแต่แรก......”

จักรพรรดิจาวเหรินพึมพำ ยากมากที่จะไม่คิดว่าสิ่งที่อวิ๋นหลิงพูดนั้นไม่น่าฟัง

เขาหมุนตัวจากไป เงาร่างทอดยาวภายใต้แสงจันทร์นวลผ่อง ดูโดดเดี่ยวเดียวดายอยู่หลายส่วน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ