หลังจากที่พระสนมหลี่ดื่มยาที่ต้มมาใหม่ หลับตาลงพักผ่อนชั่วครู่
ไม่นานนัก พระสนมคนอื่นๆในวังหลังก็ทยอยมาเยี่ยมเยียน
ไม่ว่าอย่างไรตอนนี้นางก็เป็นพระสนมที่มีตำแหน่งสูงที่สุด คนอื่นๆล้วนต้องมาน้อมทักทายนางตามหลักและเหตุผล
เหลียงเฟยนำหนังสือมามอบให้สองสามเล่ม เอ่ยด้วยเสียงอ่อนแอว่า “ท่านพี่ ช่วงนี้หม่อมฉันอ่านหนังสืออ่านเล่นไม่น้อย หนังสือพวกนี้น่าสนใจมากทีเดียว ช่วงเวลาพักรักษาตัวน่าเบื่อเหลือทน ท่านก็ลองอ่านดู ยังสามารถช่วยฆ่าเวลาได้อีกด้วย”
พระสนมหลี่เหลือบตาขึ้นมามองนาง เหลียงเฟยรีบก้มศีรษะลงอย่างตื่นเต้น เผลอบีบเสื้อจนแน่น
ถ้าหากเป็นเมื่อก่อน นางต้องหัวเราะเยาะต่อความอ่อนแอของเหลียงเฟยอยู่ในใจอย่างแน่นอน
ทั้งๆที่ปีนขึ้นมาเป็นหนึ่งในสี่พระสนมที่มีตำแหน่งสูงที่สุดแล้ว หลายปีที่ผ่านมาก็ยังคงทำตัวเหมือนลูกแกะขี้ขลาดเมื่ออยู่ต่อหน้านาง
ก็จริง เพราะตั้งแต่อีกฝ่ายเข้าวังมาก็ถูกนางคุกคามรังแกอยู่ไม่น้อย
“ลำบากเจ้าแล้ว วางไว้ตรงนั้นเถอะ”
เหลียงเฟยคลายใจไปเปลาะหนึ่ง หลังจากวางหนังสือลงแล้ว ก็นั่งลงข้างๆโดยไม่พูดไม่จา มองพระสนมหลี่ด้วยสายตาสับสน
แม้จะเกลียดผู้หญิงคนนี้มาก แต่ตอนนี้อีกฝ่ายตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ นางก็รู้สึกทอดถอนใจ และเห็นใจอยู่บ้าง
สนมลี่ผินเดินเข้าไปหาด้วยสีหน้าปกติ นางนำหมอนหญ้าอ้ายที่เย็บด้วยตนเองมา
“หม่อมฉันเย็บหมอนหญ้าอ้าย ใช้หนุนเวลานอนจะทำให้จิตใจสงบหลับสบาย ยังมีฤทธิ์ในการขับความเย็นระงับปวด ฝีเย็บอาจจะไม่ค่อยเรียบร้อยอยู่บ้าง พระสนมอย่าได้รังเกียจ”
พระสนมหลี่ยิ้มจางๆ “ถ่อมตัวเกินไปแล้ว มีใครไม่รู้บ้างว่าฝีมือการเย็บปักถักร้อยของสนมลี่ผินนั้นยอดเยี่ยมที่สุดในวังหลัง”
พระสนมคนอื่นๆที่ปกติก็ไม่ได้ให้ความรู้สึกว่ามีตัวตนอยู่ ต่างก็นำของขวัญมาเยี่ยมไข้
“นี่เป็นใบชาที่ทางเจียงหนานบรรณาการมาให้เมื่อไม่นานมานี้ ดับกระหายคลายร้อนได้ดีมาก หม่อมฉันมีแค่ครึ่งขวด ท่านโปรดอย่ารังเกียจ”
“หม่อมฉันว่างไม่มีอะไรทำจึงปลูกฟักทองในตำหนัก ช่วงนี้เป็นฤดูเก็บเกี่ยวพอดี ฟักทองสองลูกนี้ทั้งใหญ่ทั้งฉ่ำมาก ทำเป็นขนมหรือนึ่งกินก็ไม่เลวเลย”
“ในถาดนี้เป็นพุทราฤดูหนาว ตอนที่หม่อมฉันเข้าวังได้ปลูกเอาไว้ที่ตำหนักด้านข้าง ตอนนี้ก็อายุสิบแปดปีแล้ว ให้ผลทั้งกรอบและหวานมากทีเดียว”
“หม่อมฉัน......”
ภายใต้เสียงพูดเจื้อยแจ้ว พระสนมหลี่เหลือบตาขึ้นไปมอง คนที่มอบพุทราฤดูหนาวเป็นหญิงใบหน้างดงามคนหนึ่ง
ตอนที่อีกฝ่ายเข้าวังก็มีตำแหน่งเป็นเหม่ยเหริน ผ่านไปสิบแปดปีแล้วก็ยังคงเป็นเหม่ยเหริน อาศัยอยู่ในตำหนักด้านข้างซึ่งอยู่ในซอกมุมไม่เคยได้ย้ายไปไหน
เมื่อก่อนนางไม่เข้าใจจิตใจของคนเหล่านี้ ทำไมจึงทนใช้ชีวิตที่เงียบเหงาเช่นนี้ได้ ตอนนี้กลับรู้สึกเลื่อมใสอีกฝ่ายขึ้นมาบ้างแล้ว
พระสนมหลี่เอ่ยเสียงเบาว่า “ขอบใจพวกเจ้ามาก”
ครั้งนี้ที่เหล่าพระสนมมาน้อมทักทาย นางไม่ได้ทำให้ผู้ใดต้องลำบากใจ สีหน้าของเหล่าพระสนมต่างก็เป็นธรรมชาติขึ้นมาไม่น้อย ยิ่งรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น
พูดคุยกันได้สักพัก หลังจากที่เหล่าสนมต่างก็ออกไปแล้ว ตำหนักเว่ยยางก็เงียบสงบลง เหลือแค่อวิ๋นหลิงที่คอยช่วยกำกับดูแลเรื่องอาหารและยาเท่านั้น
พระสนมหลี่เอ่ยขึ้นมาช้าๆ “เจ้าว่าพวกนางแต่ละคน ทำไมจึงมีชีวิตที่ผ่อนคลายนัก ทั้งๆที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เทียบกับข้าไม่ได้เลย ไม่มีบ่าวไพร่คอยรับใช้ และไม่ได้มีอาหารเลิศรสให้ลิ้มลองอย่างไม่หมดไม่สิ้น เข้าสู่ฤดูหนาวแล้วแม้แต่ผักยังต้องปลูกกินเอง”
“บางคน กระทั่งลูกสักคนก็ไม่มี......”
ที่นางมีล้วนมากกว่าพวกนางทั้งสิ้น แต่กลับไม่มีความสุขความสบายใจเท่าพวกนาง
อวิ๋นหลิงเอ่ยอย่างไม่ต้องคิดว่า “เพราะพวกนางล้วนมีชีวิตอยู่เพื่อตัวเอง”
พระสนมหลี่อึ้ง นิ่งเงียบไปนาน
“เจ้าจะบอกว่า ข้าไม่เคยใช้ชีวิตอยู่เพื่อตัวเองมาก่อนอย่างนั้นหรือ”
อวิ๋นหลิงครุ่นคิด นำคำพูดของนักจิตวิทยาที่หลงเย่เคยพูดให้นางฟัง ใช้วิธีการพูดที่ไม่ใช่มืออาชีพขนาดนั้น ค่อยๆพูดออกไปให้นางฟัง
“ในมุมมองของลูกเป็นเช่นนี้ เยี่ยนอ๋องเชื่อฟังสิ่งที่ท่านพูด ท่านก็จะรู้สึกดีใจ เสด็จพ่อไม่รับปากสิ่งที่ท่านร้องขอ ท่านก็เสียใจ ความรู้สึกดีใจโกรธเศร้าเสียใจ ล้วนหมุนวนเวียนอยู่รอบตัวคนอื่น แต่พวกเสด็จแม่ไม่มีทางเป็นเช่นนี้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...
ขอบคุณน้าค้า ที่ลงทุกวันเลยสนุกมากค่ะ...