หรงรั่วได้ยินถึงตรงนี้ ดวงตาก็มีไฟโทสะผุดขึ้นมา “เจ้าถังจูซิงคนนั้น......มองดูหลิ่วชิงเยี่ยนลาออกอย่างสบายใจเช่นนี้น่ะหรือ เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นมา เขายังมีหน้าอยู่ในสำนักศึกษาอีก หน้าด้านหน้าทนยิ่งกว่ากำแพงเสียอีก”
“ถุย ช่างเป็นคนขี้ขลาดตาขาวจริงๆ เมื่อก่อนทำไมจึงไม่เห็นว่าเขาไร้ความรับผิดชอบเช่นนี้ ข้ากลับชอบผู้ชายสารเลวเช่นนี้มาสิบกว่าปี ตาบอดเสียยิ่งกว่าตอนที่องค์รัชทายาทสูญเสียการมองเห็นเสียอีก”
กู้ฮั่นม่อ “......”
แม่นาง อย่าเสียงดังขนาดนั้นได้ไหม
องค์รัชทายาทอยู่ชั้นบนห่างจากที่นี้ไม่เท่าไหร่เอง
หรงรั่วที่เป็นถึงหัวหน้ากรรมการศิลปวัฒนธรรมแห่งสภานักเรียน ได้รับข่าวสารรวดเร็วมาก ประกาศยังไม่ทันได้ติดก็รู้ผลการตัดสินของเหล่าอาจารย์แล้ว
สองคนนั้นหักหลังนาง ตอนนี้ได้รับการลงโทษ เดิมทีนางควรจะรู้สึกสะใจ แต่ไม่รู้ทำไม กลับรู้สึกโกรธและทุกข์ใจมากกว่า
กู้ฮั่นม่อหนังตากระตุก รีบเอ่ยขึ้นว่า “เจ้าคงไม่ได้จะไปต่อยคนใช่ไหม อย่าทำเหลวไหล พระชายารัชทายาทบอกว่าจะพบถังจูซิง แม้ว่าเจ้าจะเป็นฝ่ายมีเหตุผล การทะเลาะวิวาทก็หักคะแนนเหมือนกัน”
“ข้าทนได้”
กู้ฮั่นม่อจึงรู้สึกโล่งใจ เตรียมจะไปเรียกสองคนนั้นมา
หรงรั่วกำหมัดแน่น มองดูแผ่นหลังของเขา แล้วก็อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นมาว่า “ตอนแรก หลิ่วชิงเยี่ยนพูดจริงๆใช่ไหมว่านางไม่ได้มีสัมพันธ์ส่วนตัวกับถังจูซิง”
กู้ฮั่นม่อชะงักไป หันกลับไปพยักหน้า
“ข้ารู้แล้ว”
นิ่งเงียบไปชั่วครู่ หรงรั่วจึงเดินไปยังอีกเส้นทางหนึ่งตัวคนเดียว
สองวันนี้จู่ๆก็กลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงในสำนักศึกษา ทางที่นางใช้ล้วนต้องหลบหลีกผู้คน เกรงว่าตนเองจะรู้สึกรำคาญใจต่อนักเรียนที่พูดคุยซุบซิบกันจนทะเลาะกันขึ้นมา
เดินไปได้ไม่กี่ก้าว จู่ๆก็มีเงาร่างสายหนึ่งกระโดดลงมาจากต้นไม้ เป็นไป๋ชวนนั่นเอง
“นี่ๆ เลยเวลากินข้าวมาครึ่งชั่วยามแล้ว วันนี้ทำไมเจ้าไม่ไปแย่งผัดมะเขือกับข้าที่โรงอาหารเล่า”
ช่วงนี้อากาศเย็นลง มะเขือที่ใช้ทำอาหารก็มีปริมาณน้อยลง ผัดมะเขือของโรงอาหารมักจะถูกแย่งจนเกลี้ยงอย่างรวดเร็ว
ครั้งที่แล้วไป๋ชวนไปตักข้าวที่โรงอาหาร ยังเหลือผัดมะเขืออยู่สองทัพพี เดิมทียังพอให้นักเรียนสองคนตักคนละหนึ่งทัพพี แต่เขากลับตักคนเดียวจนหมด
หรงรั่วที่ยืนต่อแถวอยู่ด้านหลังสีหน้าบึ้งตึงขึ้นมาทันที “ปมความแค้น”ของพวกเขาสองคนก็ผูกขึ้นด้วยเหตุนี้เอง
หรงรั่วถลึงตาให้เขา “ออกไปให้ห่างจากข้า วันนี้ข้าไม่อยากจะตีเจ้า”
“ทำไมเจ้าจึงดุขนาดนี้ ต่างก็พูดกันว่าหญิงสาวชาวฮั่นล้วนอ่อนโยนเหมือนน้ำมิใช่หรือ”
เขายังคิดว่ามีแค่หญิงสาวเหมียวเจียงและทูเจวียเท่านั้นที่ร้ายกาจแหย่ไม่ได้
ไป๋ชวนทำเสียงจุ๊ปาก “ข้ารู้แล้ว ต้องเป็นเพราะเจ้าถูกคนอื่นรังแก ดังนั้นสองวันมานี้ก็เลยอารมณ์ไม่ดี”
หรงรั่วจ้องมองเขาอย่างขุ่นเคืองเล็กน้อย “คนกวาดพื้น ทำไมเจ้าจึงปากมากนัก อยากจะโดนตีอีกใช่หรือไม่”
“ตีก็ตีซิ ในเมื่อเจ้าก็สู้ข้าไม่ไหวอยู่แล้ว” ไป๋ชวนยักไหล่ เอ่ยด้วยหน้าทะเล้น “อีกอย่างกวาดพื้นแล้วอย่างไร เจ้าไม่เคยได้ยินหรือว่าในวัดเส้าหลิน พระที่กวาดพื้นต่างหากที่มีวรยุทธ์ร้ายกาจที่สุด”
พูดจบ หรงรั่วก็ออกหมัดโจมตีทันที ไป๋ชวนหลบได้อย่างสบายๆ ร่างกายเคลื่อนไหวอย่างพลิ้วไหว
ทั้งสองอยู่บนถนนสายเล็กที่ไร้ผู้คน ประมือกันอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
ไป๋ชวนเป็นชาวเหมียวแต่กำเนิด พื้นฐานวรยุทธ์ไม่ธรรมดา รับมือกับกรงรั่วที่ไม่มีความสามารถด้านวรยุทธ์เป็นเรื่องที่ง่ายมาก
ผ่านไปครู่เดียว หรงรั่วก็หายใจหอบ ยกแขนขาไม่ขึ้น
นางจ้องมองไป๋ชวนอย่างโกรธเคือง แก้มแดงก่ำ ผมหางม้าถูกรวบสูงขึ้นไป งดงามราวกับดวงอาทิตย์ในฤดูหนาว
“โธ่เอ๊ย วันนี้แค่แปดกระบวนท่าเจ้าก็ไม่ไหวแล้ว เห็นทีจะเป็นเพราะไม่ได้กินข้าวกลางวัน แม้แต่แรงก็ไม่มี”
ไป๋ชวนยิ้มทะเล้น ก่อนที่ไฟโทสะของหรงรั่วจะพุ่งสูงขึ้นมา ทันใดนั้นก็ล้วงเอาซาลาเปาสีขาวสองลูกที่ห่อในกระดาษออกมาจากกระเป๋าเสื้อ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...
ขอบคุณน้าค้า ที่ลงทุกวันเลยสนุกมากค่ะ...