พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 69

เมื่อถึงเวลาอาหารเย็น จักรพรรดิจาวเหรินก็ได้จัดเตรียมตำหนักหนึ่งต่างหากไว้สำหรับพวกเขาสองคน เพื่อเสวยพระกระยาหารค่ำ

เรื่องที่พระเจ้าหลวงมอบหอกเล่มโปรดให้กับเซียวปี้เฉิง ในไม่ช้าก็แพร่กระจายไปทั่ววังหลวง

“พระเจ้าหลวงมอบหอกเล่มนั้นเป็นรางวัลให้กับจิ้งอ๋องจริงหรือ?”

ฮองเฮาเฟิงไม่สามารถนั่งนิ่งได้อีกต่อไป ผ้าเช็ดหน้าผ้าไหมเนื้อดีถูกขยำอย่างแรงจนยับยู่ยี่

“หมายความว่าอย่างไร? หรือว่าพระเจ้าหลวงจะไปอยู่ฝั่งของจิ้งอ๋องแล้วจริงๆ อย่างนั้นหรือ?”

แม่นมอวี้รีบกล่าวปลอบโยนทันที “ฮองเฮาอย่าเพิ่งคิดไปเองเลยเพคะ ฝ่าบาทยังไม่แสดงท่าทีอะไรออกมาเลย พระเจ้าหลวงไม่สามารถตัดสินใจเรื่องนี้แทนฝ่าบาทได้หรอกเพคะ”

“ตั้งแต่สมัยโบราณ บู้บุ๋นเป็นสิ่งที่จัดตั้งแคว้น การให้จิ้งอ๋องช่วยเหลือรุ่ยอ๋องจึงเป็นสิ่งที่มั่นคงที่สุดนะเพคะ ฝ่าบาทไม่มีทางไม่เข้าใจความจริงในเรื่องนี้แน่นอนเพคะ”

“หากเขาเข้าใจจริงๆ เหตุใดจึงยังไม่ตั้งเทียนอวี้ให้เป็นรัชทายาทเสียที? หรือจะมีพระเจ้าหลวงคอยบงการอยู่เบื้องหลังอย่างนั้นหรือ?”

ฮองเฮาเฟิงอดไม่ได้ที่จะบ่นเล็กน้อยอย่างหงุดหงิด บุตรชายของนางเป็นทั้งบุตรชายคนโต อีกทั้งยังเป็นทายาทอย่างชอบธรรม ไม่ว่าจะในด้านอารมณ์หรือเหตุผลก็ควรส่งตำแหน่งนี้ให้เขาถึงจะถูกต้อง

“ข้ารู้อยู่แล้วว่า พระเจ้าหลวงนั้นเข้าข้างเด็กคนนั้น”

เมื่อฮองเฮาเฟิงคิดได้เช่นนั้น ก็ลืมไปเสียสนิทว่า จักรพรรดิจ้าวเหรินไม่ใช่ทั้งผู้สืบทอดสายตรง หรือบุตรชายคนโต หากไม่ใช่เพราะ “ความลำเอียง” ของพระเจ้าหลวง แม้นางจะเป็นพระชายาองค์ชายเก้า ก็คงไม่สามารถเป็นฮองเฮาได้

แม่นมอวี้ถอนหายใจ นี่ก็ไม่สามารถตำหนิฮองเฮาเฟิงที่ระแวงอย่างมากเช่นนี้ได้ พระเจ้าหลวงประทานหอกที่มีความหมายเช่นนี้ให้กับเซียวปี้เฉิง ใครบ้างจะไม่คิดเกี่ยวกับเรื่องนั้นกัน?

แม้แต่จักรพรรดิจาวเหรินเองก็อดไม่ได้ที่จะวิ่งไปดู

ตั้งแต่เด็กจนโต เขาไม่เคยได้รับคำชมจากพระเจ้าหลวงเลยสักครั้ง แต่เซียวปี้เฉิงและอวิ๋นหลิงกลับได้รับความโปรดปรานอย่างสุดซึ้ง เขาจึงอดไม่ได้ที่จะอิจฉาบุตรชายและลูกสะใภ้ของตัวเอง

อวิ๋นหลิงถูกจักรพรรดิจาวเหรินมองมาจนรู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อย เพราะกลัวว่า เขาจะเอ่ยถึงเรื่องหินขึ้นมา หลังจากทานอาหารเย็นแล้ว นางก็นั่งอยู่สักพัก แล้วลากเซียวปี้เฉิงออกไป

แคว้นต้าโจวไม่มีกฏห้ามออกจากเคหสถานในเวลากลางคืน ดังนั้นชีวิตในยามค่ำคืนของประชาชนจึงคึกเป็นอย่างมาก ร้านอาหารทางทิศตะวันออกของตัวเมืองจะไม่ปิดจนกว่าจะรุ่งสาง

ทางทิศตะวันออกของเมืองเป็นย่านที่อยู่อาศัยของคนมีอำนาจคนสำคัญ ส่วนจวนที่กระจัดกระจายอยู่ห่างออกไปไกลอย่างมาก ดังนั้นเมื่อถึงช่วงยามซวี เมืองทางตะวันออกจึงไม่เปิดอีกต่อไป

ดวงจันทร์ที่เย็นเฉียบเพิ่งแขวนอยู่บนท้องฟ้าว่างเปล่ายามค่ำคืนอันมืดมิด ประตูของแต่ละจวนถูกปิดอย่างแน่นหนา บนถนนที่ว่างเปล่าไร้ซึ่งผู้คนสัญจร ได้ยินเพียงเสียงเกือกม้า และเสียงรถม้าดังขึ้น

ในรถม้า ความตื่นเต้นบนใบหน้าของเซียวปี้เฉิงยังไม่จางหายไป แม้เขาจะไม่สามารถใช้มันได้ในรถม้า แต่เขาก็ไม่อาจตัดใจวางหอกพู่แดงลงได้เลย

อวิ๋นหลิงจึงอดไม่ได้ที่จะถามเขาว่า “มีความสุขถึงเพียงนั้นเลยหรือ?”

ตลอดทั้งบ่ายเขาจับมันไม่ยอมปล่อยเลย โดยไม่แม้แต่จะสนใจทานอาหารเย็น เพียงเช็ดทำความสะอาดหอกอยู่อย่างนั้น

เซียวปี้เฉิงมองไปที่นางด้วยความปิติยินดีที่หางตา แล้วกล่าวอย่างจริงจังว่า “หอกนี้ไม่เพียงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อเสด็จปู่ แต่มันยังมีความสำคัญกับข้าด้วย การที่สด็จปู่นำหอกเล่มนี้มอบให้กับข้า นั่นก็แสดงว่า เขายอมรับผลงานของข้าในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้จากก้นบึ้งของหัวใจ”

เขาไม่สนใจในราชบัลลังก์เลย ความฝันในวัยเด็กของเขา ไม่ใช่การเป็นจักรพรรดิที่เป็นที่รักของปวงชนเหมือนจักรพรรดิจาวเหริน

แต่เช่นเดียวกับพระเจ้าหลวง ที่คู่ควรสมกับชื่อเสียงของเขา กลายเป็นกำแพงที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริงของแคว้นบ้านเมือง ปกป้องแคว้นต้าโจว

“วันนี้ไม่สะดวกที่จะใช้มันในวัง รอกลับไปถึงจวน ข้าจะแสดงให้เจ้าได้ชม”

เมื่ออวิ๋นหลิงเห็นความฮึกเฮิมอันแรงกล้าของเขา ก็นึกขึ้นได้ถึงรูปลักษณ์ที่สง่างามและเต็มไปด้วยพลังของเขาในตอนที่เขาเล่นหอกเมื่อครั้งในอดีต จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกคาดหวังเล็กน้อย

เซียวปี้เฉิงไม่เก่งเรื่องการใช้ดาบยาว แต่พรสวรรค์ในการเป็นนักแม่นหอกของเขานั้นเกินกว่าจะเปรียบเทียบได้

นางจำได้ว่า พระเจ้าหลวงเคยกล่าวไว้ว่า หอกเป็นอาวุธที่ฝึกฝนได้ยากยิ่ง โดยทักษะของมันเหนือกว่าอาวุธระยะประชิดอื่นๆ

วิธีการโจมตีหลักคือ การแทง แต่มันยังสามารถกวาดล้างทหารนับพันเหมือนกับไม้เท้าที่ทรงพลังได้ และมีพลังเป็นราชาแห่งอาวุธเย็นที่สามารถเทียบได้กับดาบในอาวุธสั้น

นางยิ้มเบาๆ โดยในขณะที่กำลังจะเอ่ยปากพูด แต่ทันใดนั้นใบหน้าของนางก็มืดมนลงทันที

“มีคนกำลังเข้ามาใกล้พวกเรา เป็นความเร็วที่เร็วมาก อีกฝ่ายมาไม่ดี จำนวนคนมาก ประมาณสิบกว่าคน หรือมากกว่านั้น!”

อวิ๋นหลิงไม่มีพลังปราณภายใน แต่พลังจิตของนางเทียบได้กับการตรวจจับ

นางไม่ได้เริ่มที่จะปล่อยพลังจิตออกมา เพื่อตรวจจับสิ่งรอบข้าง แต่รู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงความประสงค์ร้ายและจิตสังหารที่รุนแรงที่เข้ามาใกล้ได้

พลังปราณภายในของเซียวปี้เฉิงนั้นลึกซึ้ง แม้จะไม่สามารถเทียบได้กับความสามารถเชื่อมต่อกับภายนอกที่ชั่วร้ายของอวิ๋นหลิง แต่เมื่อนักฆ่าเข้าใกล้รถม้ามากขึ้นเรื่อยๆ เขาก็สัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของฝ่ายตรงข้ามทันที

“มีสิ่งผิดปกติรอบๆ เกิดขึ้น ระวัง!”

เมื่อเซียวปี้เฉิงออกคำสั่ง เยี่ยเจ๋อเฟิงที่นำขบวนอยู่ด้านนอกก็ตกตะลึงเล็กน้อย และตอบสนองอย่างรวดเร็ว

“มีการลอบสังหาร! ปกป้องท่านอ๋องกับพระชายา!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ