พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 68

สรุปบท ตอนที่ 68 รางวัลของพระเจ้าหลวง: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 68 รางวัลของพระเจ้าหลวง – พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ โดย Anchali

บท ตอนที่ 68 รางวัลของพระเจ้าหลวง ของ พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ ในหมวดนิยายโรแมนติกโบราณ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Anchali อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

“เอาล่ะ ถ้าหากไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ก็อย่าแออัดอยู่ที่ตำหนักฉางหนิงกันอยู่เลย เอะอะเสียงดัง จนข้าหายใจไม่สะดวกแล้ว”

เมื่อพระเจ้าหลวงแก่ชราลง การหายใจของเขาจึงไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเขาอยู่ พระพันปีจึงไม่แม้แต่จะจุดธูปหอม เมื่อฮองเฮาเฟิงเห็นว่าเขาดูเหนื่อยล้า ส่วนเป้าหมายของตนนั้นก็สำเร็จลุล่วงแล้ว จึงรีบพาองค์หญิงหกกล่าวทูลลา

อวิ๋นหลิงและเซียวปี้เฉิงเองก็ต้องการจากไป แต่กลับถูกพระเจ้าหลวงรั้งเอาไว้

“พวกเจ้าทั้งสองอย่าเพิ่งรีบร้อนไป รอทานอาหารเย็นก่อนแล้วค่อยกลับจวนก็ยังไม่สาย อีกอย่างข้ายังมีของที่จะมอบให้เจ้าสาม”

เซียวปี้เฉิงตกตะลึงเล็กน้อย หลายปีมานี้ ดูเหมือนนี่จะเป็นครั้งแรกที่พระเจ้าหลวงประทานของบางสิ่งบางอย่างให้แก่เขา

น้อยครั้งมากที่พระเจ้าหลวงจะประทานรางวัลให้แก่องค์ชายและพระราชนัดดาเหล่านี้ ในวัยเด็กหากใครสามารถได้รับขนมที่เขาให้หนึ่งชิ้น ก็สามารถใช้เป็นทุนอวดไปได้หลายวัน

พรสวรรค์ในศิลปะการต่อสู้ของเซียวปี้เฉิงนั้นโดดเด่น ในเวลานั้นเขาได้รับการอบรมสั่งสอนด้วยตัวเองจากพระเจ้าหลวงเป็นเวลานานหลายปี แต่ไหนแต่ไรมักได้รับแต่บทลงโทษไม่เคยได้รับรางวัลเลย

บัดนี้เมื่อได้ยินที่พระเจ้าหลวงกล่าวว่า ต้องการประทานรางวัลให้แก่เขา แล้วเขาจะไม่ดีใจได้อย่างไร?

เมื่อพระเจ้าหลวงกลับมาที่ห้องบรรทม สายตาของเขาก็จับจ้องไปที่หอกพู่แดงบนชั้นวางอาวุธ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยเหี่ยวย่นของเขาเผยให้เห็นสายตาที่ลุกโชนที่ไม่อาจซ่อนเร้นได้

“ตอนนั้นที่ข้าสอนศิลปะการต่อสู้ให้แก่เจ้า เมื่อเจ้ามองไปที่อาวุธมากมายบนชั้นวางก็ถูกใจเข้ากับหอกพู่แดงนี้ อีกทั้งยังถามข้าว่า หากเจ้าเรียนรู้วิชาแม่นหอกชุดนั้นได้แล้ว จะสามารถยกหอกพู่แดงนั้นเป็นรางวัลให้แก่เจ้าได้หรือไม่”

เซียวปี้เฉิงยิ้มเบาๆ บนใบหน้ามีความรู้สึกนึกถึงเล็กน้อย “ตอนนั้นเสด็จปู่ยังพนันไว้กับข้าอีกว่า หากข้าสามารถคว้าชัยชนะในสนามรบได้สิบครั้ง ก็จะมอบหอกยาวหนึ่งกระบอกให้ข้าเป็นรางวัลเช่นกัน”

อวิ๋นหลิงมองดูหอกพู่แดงที่ไม่ได้มีรูปลักษณ์โดดเด่นอย่างประหลาดใจ

ด้ามแท่งเหล็กสีดำสนิทจับคู่กับหอกที่ส่องแสงเย็น แม้ว่ารูปร่างจะดูเรียบง่าย แต่นางกลับรู้สึกได้ถึงจิตสังหารที่ไม่อาจเก็บซ่อนได้

ในกลิ่นเหล็กของอาวุธเย็นเหล่านี้ มีกลิ่นคาวเลือดผสมอยู่ด้วยเล็กน้อย โดยคิดว่าจะต้องมีดวงวิญญาณมากมายที่ต้องจบชีวิตลงด้วยหอกนี้

สีหน้าของเซียวปี้เฉิงมืดมน “น่าเสียดายที่หลานไม่สามารถทำตามความคาดหวังของเสด็จปู่ได้สำเร็จ...”

เขาอยู่ในสนามรบตั้งแต่อายุได้สิบห้าปี จากที่ไม่มีใครรู้จัก จนกระทั่งสามารถชนะศึกติดต่อกันได้เก้าครั้ง เอาชนะเผ่าทูเจวียอย่างต่อเนื่องจนต้องสูญเสียแผ่นดิน กลายเป็นจิ้งอ๋องเทพสงครามผู้ชนะสิบทิศในหัวใจของประชาชนแคว้นต้าโจว

แต่น่าเสียดายที่ในการรบครั้งที่สิบ เขาบังเอิญล้มลงโดยไม่ทันตั้งตัว ดวงตาของเขาจึงสูญเสียแสงสว่างไป และตั้งแต่นั้นมา เขาก็ไม่เคยอยู่ในสนามรบอีกเลย

ในหลายปีนั้นพระเจ้าหลวงเองก็ต่อสู้นองเลือดที่ชายแดน จนกลายเป็นคนสติเลอะเลือน จำเรื่องราวในอดีตไม่ได้

ส่วนหอกยาวกระบอกนี้ ก็ถูกลืมไปพร้อมกับเรื่องราวในอดีตและการเดิมพันเหล่านั้น

พระเจ้าหลวงยิ้ม “ข้าดูเหมือนจะไม่เคยบอกกับเจ้านะ ว่าให้เจ้าใช้ชัยชนะทั้งสิบมาแลกกับหอกยาวนี้”

เขาหยิบหอกพู่แดงขึ้นมาด้วยมือที่ผอมบาง หลังจากกวัดแกว่งมันสองสามครั้งอย่างชำนาญ โดยมีเสียงแหวกอาหาศดังขึ้น

“เพราะหอกยาวนี้ ครั้งหนึ่งเคยติดตามข้ามานานกว่าสิบปี!”

ทันทีที่สิ้นเสียงลง ดวงตาของพระเจ้าหลวงก็แข็งค้าง ขว้างหอกไปที่ประตูอย่างแรง มันเจาะเข้าที่ผลมะยงชิดที่สุกงอมลงมาตอกเข้ากับกำแพงวังอย่างแม่นยำ

ทักษะการขว้างหอกที่แม่นยำ!

อวิ๋นหลิงแอบชื่นชมอยู่ในใจ สำหรับชายสูงอายุในวัยเจ็ดสิบปี การเคลื่อนไหวของพระเจ้าหลวงนี้อาจเรียกได้ว่า เป็นทักษะที่น่าอัศจรรย์

“ไม่รู้ว่าหอกเล่มนี้สังหารชีวิตคนไปกี่ชีวิตกัน ในตอนนั้นข้าใช้หอกเล่มนี้ยึดสิบเมืองของแคว้นต้าโจวกลับมา”

“กษัตริย์ของเผ่าทูเจวียองค์สุดท้าย ก็สิ้นพระชนม์ภายใต้หอกเล่มนี้!”

เซียวปี้เฉิงอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านไปทั้งตัว เขามองไปที่หอกด้วยความชื่นชม และหวนนึกถึงอดีตอย่างเปิดเผย

“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะเสด็จปู่!” ดวงตาของเซียวปี้เฉิงเป็นประกาย เขากล่าวด้วยเสียงทุ้มว่า “เสด็จปู่มอบหอกนี้ให้หลาน หลานจะไม่มีทางฝังกลบท่วงท่าอันสง่างามของมันอย่างแน่นอน! ยอมตายเพื่อปกป้องแคว้นต้าโจวของข้า!”

พระเจ้าหลวงพยักหน้าด้วยความปลื้มใจ สมกับเป็นคนที่เขาให้ความสำคัญที่สุดในเหล่าพระราชนัดดาจริงๆ

อวิ๋นหลิงมองไปที่พระเจ้าหลวงอย่างน้อยอกน้อยใจ “พระเจ้าหลวงเพคะ พระองค์ทรงมอบหอกให้กับท่านอ๋อง แต่หลานสะใภ้อย่างข้ากลับไม่มีอะไรเลย!”

พระเจ้าหลวงจ้องมองนางด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง “สาวน้อยอย่างเจ้าอย่าโลภเกินไปหน่อยเลย ข้าให้จี้ดวงดาวกับเจ้าไปแล้ว เจ้ายังจะต้องการอะไรอีก!”

อวิ๋นหลิงแลบลิ้นออกมา สำหรับนาง หินอุกกาบาตนั้นมีค่าเสียยิ่งกว่ารางวัลทองคำหนึ่งหมื่นตำลึงเสียอีก

“เอาละเอาละ อย่ามัวแต่มาอยู่ที่นี่กันเลย ให้ข้าได้อยู่คนเดียวสงบๆ สักพัก เดี๋ยวเมื่อคนเหล่านั้นเข้ามา ข้าคงไม่สามารถอยู่อย่างสงบสุขได้อีกแล้ว”

ใบหน้าของพระเจ้าหลวงเต็มไปด้วยความรังเกียจ ขยะแขยง เขาโบกมือไล่พวกเขาเหมือนไล่แมลงวัน

อวิ๋นหลิงพยักหน้า โดยไม่ได้รบกวนตาเฒ่าผู้ทรงอำนาจและน่ารักผู้นี้อีกต่อไป นางรู้ว่า เมื่อพระเจ้าหลวงกลับมาเป็นปกติแล้ว ไม่ช้าก็จะต้องมีองค์ชายและเหล่าพระราชนัดดาหลายคนเข้ามาเยี่ยมเยียนในวังเป็นแน่

ตอนนี้พระพันปีก็กลับตำหนักแล้ว เห็นได้ชัดว่าพระเจ้าหลวงจะไม่รั้งอยู่ที่จวนจิ้งอ๋องต่อไป

อวิ๋นหลิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง โดยหลังจากเดินมาได้ครึ่งทางจึงหันกลับไปกล่าวว่า “หากวันใดท่านคิดถึงข้า ก็ให้ส่งคนมาส่งสาส์นรายงาน แล้วข้าจะเข้าวังมาเยี่ยมท่าน หากคนครัวทำอาหารไม่อร่อย ท่านก็บอกข้า ข้าจะเข้าครัวให้ท่านด้วยตัวเอง”

“แล้วยังมีไก่ เป็ด ห่าน และหมูในเรือนเกษตร หลังจากที่ท่านกลับเข้าวังข้าก็จะดูแลมันเป็นอย่างดี เมื่อขุนพวกมันจนอ้วนพี ข้าจะเชือดและทำมันเป็นอาหาร ถึงตอนนั้นข้าจะส่งคนมารับท่าน!”

สีหน้าของพระเจ้าหลวงเปลี่ยนไปเล็กน้อย โดยยังคงมีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความรังเกียจ ทว่ามุมริมฝีปากของเขากลับไม่สามารถควบคุมรอยยิ้มเอาไว้ด้วย

“เข้าใจแล้ว ถึงในวังจะไม่มีของอร่อยให้ข้ากิน ข้าจะต้องไปใช้หมูสองตัวของเจ้าด้วยหรืออย่างไร? อืดอาดยืดยาด ยังไม่รีบออกไปอีก!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ