สรุปตอน ตอนที่ 67 งานเลี้ยงสังหาร – จากเรื่อง พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ โดย Anchali
ตอน ตอนที่ 67 งานเลี้ยงสังหาร ของนิยายโรแมนติกโบราณเรื่องดัง พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ โดยนักเขียน Anchali เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
ตอนนี้อวิ๋นหลิงเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้าหลวง ส่วนจักรพรรดิจาวเหรินก็ทำอะไรนางไม่ได้ ทำได้เพียงระบายความโกรธลงที่โอรสของตนเอง
เขาแอบรู้สึกประหลาดใจเช่นกัน เดิมทีคิดว่า การที่พระเจ้าหลวงมีท่าทีพิเศษต่ออวิ๋นหลิง เป็นเพราะเขานั้นสมองเลอะเลือน เป็นเพราะความรู้สึกของการสูญเสียบุตรสาวไปยังคงฝังลึกอยู่ในใจของเขา
แต่ตอนนี้พระเจ้าหลวงได้กลับมาเป็นปกติอย่างสมบูรณ์แล้ว ทว่าท่าทีของเขาที่มีต่ออวิ๋นหลิงก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเลย ถึงขนาดยินดีนำจี้ดวงดาวมอบให้แก่นาง ดูเหมือนว่า อวิ๋นหลิงจะมีน้ำหนักมากในใจของเขา
“เช่นนั้นกระหม่อมขอทูลลาก่อนพ่ะย่ะค่ะ”
หลังจากที่เซียวปี้เฉิงถูกตำหนิ ก็ไม่ได้รู้สึกคับข้องใจแต่อย่างใด ตรงกันข้ามแอบดีใจเสียด้วยซ้ำ
เห็นได้ชัดว่าเป็นเสด็จพ่อที่ตอบตกลงให้จี้กับอวิ๋นหลิงเป็นรางวัล แต่กลับเป็นคำพูดที่เชื่อถือไม่ได้ ทว่าโชคดีที่เขานำหินมาแล้ว ไม่เช่นนั้นปีศาจหญิงคงจะหนีไปก่อนอย่างแน่นอน
อวิ๋นหลิงตามเซียวปี้เฉิงไปยังตำหนักฉางหนิง นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้พบกับพระพันปีหลังจากที่นางนั้นเดินทางย้อนเวลามายังอดีต
โดยแตกต่างจากภาพจินตนาการของสตรีผู้น่าเกรงขามไปอย่างสิ้นเชิง พระพันปีเกิดมาพร้อมกับความเมตตาและความอัธยาศัยดี ถือศีลกินเจมานานหลายปี มีรัศมีความสงบเรียบร้อยทั่วร่างของนาง เสื้อผ้าอาภรณ์ก็เรียบง่าย มีปิ่นปักผมเพียงสองชิ้นประดับอยู่บนศรีษะของนางเท่านั้น
“พระเจ้าหลวง ฝ่าบาททรงหายดีแล้วจริงหรือเพคะ?”
เมื่อเห็นพระพันปี น้ำเสียงของพระเจ้าหลวงก็อ่อนโยนขึ้นอย่างหาได้ยาก “น้องหญิง หลายปีมานี้ข้าทำให้เจ้าต้องเป็นกังวลแล้ว”
แม้จะลืมมเหสีคนแรกที่ด่วนจากไปเร็วเพราะตนเองไม่ได้ แต่พระพันปีก็เป็นคนที่อยู่เคียงข้างกับพระเจ้าหลวง ผ่านร้อนผ่านหนาวมาด้วยกันไม่แยกจากนานนับหลายสิบปีเช่นกัน ดังนั้นนางจึงเป็นที่รักของพระเจ้าหลวงอย่างมาก
“ฝ่าบาททรงจำหม่อมฉันได้แล้วจริงๆ ด้วย!”
เมื่อได้ยินคำว่า “น้องหญิง” พระพันปีก็อดไม่ได้ที่จะดวงตาแดงก่ำ จับมือพระเจ้าหลวงพร้อมกับหลั่งน้ำตาพาเขาเข้าไปในตำหนังฉางหนิง
เห็นได้ชัดว่า พระเจ้าหลวงไม่คุ้นชินกับฉากที่ต้องแสดงอารมณ์มากมายเช่นนี้ ดังนั้นจึงเกลี้ยกล่อมพระพันปีอย่างเงอะงะว่า “เจ้าอายุเท่าไรกันแล้วอย่ามามัวร้องไห้อยู่เลย หากร้องไห้จนทำให้ตาเจ็บ เดี๋ยวเจ้าจะเป็นเหมือนเจ้าสามที่มองไม่เห็นข้าเอาได้ อีกอย่าง...เด็กๆ ยังอยู่ข้างๆ นะ...”
“ใช่ใช่ เด็กๆ ยังอยู่ข้างๆ”
พระพันปีนึกถึงอวิ๋นหลิงขึ้นมาได้ จึงรีบกล่าวทักทายนางอย่างอบอุ่น ถอดสายประคำออกจากมือของนาง
“เจ้าคือ หลานสาวแท้ๆ ของจิงเหวินกง ฉู่อวิ๋นหลิงใช่หรือไม่? สิบปีผ่านไปเจ้าโตถึงเพียงนี้แล้วหรอกหรือนี่ ตอนนั้นที่เจ้ากับเซียวปี้เฉิงรีบเกี่ยวดองกัน เวลานั้นข้าไม่ได้อยู่ในวัง ข้าได้ยินข่าวมาว่า เจ้าตั้งครรภ์แล้ว เช่นนั้นก็เอาลูกประคำนี้ไปเสียเถอะ ถือเป็นน้ำใจของข้า”
จิงเหวินกงเป็นปู่ของอวิ๋นหลิง ในตอนนั้นครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นที่ปรึกษาของพระพันปี ต่อมาจึงได้มาเป็นพระอาจารย์ของฮ่องเต้ ถือได้ว่าเป็นคนที่คุ้นเคยกับพระพันปีเลยทีเดียว
อาจเป็นเพราะชั้นของความสัมพันธ์นี้ บวกกับหลายปีที่ผ่านมานี้พระพันปีถือศีลกินเจ ไม่ข้องเกี่ยวกับโลกภายนอก ดังนั้นก่อนหน้านี้จึงไม่ได้ตำหนิโทษเรื่องงานเลี้ยงคืนหยวนเซียว
“ขอบพระทัยพระพันปีที่ทรงเมตตาเพคะ”
อวิ๋นหลิงรับสายประคำเรียบง่ายมาด้วยท่าทางเชื่อฟัง โดยในใจรู้สึกไม่แน่ใจเล็กน้อยเกี่ยวกับท่าทีของพระพันปี
ส่วนเซียวปี้เฉิงเพียงมองดูก็รู้ว่า อวิ๋นหลิงนั้นกำลังคิดอะไร เขาแอบแตะนิ้วของนางอย่างเงียบๆ แล้วกล่าวเสียงกระซิบว่า
“สร้อยประคำเส้นนี้เสด็จย่าได้มันมานับสิบปีแล้ว มันไม่เคยอยู่ห่างจากนางเลย บัดนี้นางยินดีที่จะมอบมันให้แก้เข้า คิดว่านางคงจะพอใจเจ้ามากทีเดียว”
ในขณะที่พูด ฮองเฮาเฟิงก็ได้มาถึงตำหนักฉางหนิง โดยตามมาด้วยองค์หญิงหกที่ไม่ได้พบกันเป็นเวลานาน
ครั้งก่อนที่นางต้องประสบกับความสูญเสียครั้งใหญ่ด้วยน้ำมือของอวิ๋นหลิงและเซียวปี้เฉิง องค์หญิงหกจึงเงียบขรึมไปอยู่พักหนึ่ง เมื่อเห็นอวิ๋นหลิง ประกายความโกรธก็วาบขึ้นมาในดวงตาของนาง แล้วไม่นานก็ระงับมันอย่างรวดเร็ว
ฮองเฮาเฟิงถามสารทุกข์สุกดิบ เมื่อเห็นสร้อยประคำในมือของอวิ๋นหลิง รอยยิ้มอันอ่อนโยนก็หยุดชะงักไปทันทีด้วยความสงสัย
คนที่มีชื่อเสียงฉาวโฉ่อย่างฉู่อวิ๋นหลิงมีสิทธิ์อะไรถึงได้รับความโปรดปรานจากพระเจ้าหลวงและพระพันปีอย่างง่ายดายอยู่เสมอเลย!
“พระเจ้าหลวงหายดีแล้ว นี่เป็นเรื่องที่ดีมากจริงๆ ไม่รู้ว่า สถานการณ์ของปี้เฉิงและอวี้จือตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างแล้ว”
พระเจ้าหลวงจึงกล่าวด้วยเสียงทุ่มว่า “ช่วงนี้อิงเอ๋อร์ตื่นแต่เช้าทุกวัน อีกทั้งยังหลับช้ายิ่งกว่าสุนัข ก็ปล่อยให้นางใช้เวลาอย่างสงบเถอะ เจ้ามีเพื่อนหม่าป่าสหายสุนัขตั้งมากมาย เสียงดังยิ่งนัก หากพวกเขาทะเลาะกันขึ้นมาแล้วไปโดนอิงเอ๋อร์เข้าล่ะจะทำอย่างไร?”
ภายใต้การส่งสัญญาณของฮองเฮา องค์หญิงองค์หกก็ใจสลายทันที น้ำตาของนางเอ่อคลอ แล้วทิ้งตัวลงตรงหน้าของพระพันปี จากนั้นกล่าวด้วยน้ำสียงกระวนกระวายใจ
“เสด็จย่า! ก่อนหน้านี้หรงเอ๋อร์เคยทำเรื่องผิดพลาดมาก่อน แต่บัดนี้หม่อมฉันเปลี่ยนแปลงตัวเองแล้ว ไม่ได้ติดต่อกับเหล่าคุณหนูที่ไม่ชอบทำตามกฏระเบียบเหล่านั้นอีกแล้ว หากอาซ้อสามไม่ยอมรับน้ำใจ หม่อมฉันคงรู้สึกโทษตัวเองยากที่จะอภัยอย่างยิ่งเพคะ!”
ที่องค์หญิงหกกระวนกระวายอย่างมากนั่นไม่ใช่เพราะ นางเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้นแล้วแต่อย่างใด แต่เพราะกลัวว่า อวิ๋นหลิงจะไม่ยอมรับคำเชิญ และจะไม่สามารถให้คำอธิบายกับฮองเฮาเฟิงได้
ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา นางรู้สึกคับข้องใจอย่างมาก หลังจากถูกโบยหนึ่งร้อยไม้ คัดลอกคัมภีร์หลายร้อยเล่มจนมือบวมแดง หลังจากกลับเข้าวังก็ต้องถูกฮองเฮากักบริเวณอีก เหล่าสหายที่สนิทชิดเชื้อกันเมื่อก่อนก็ไม่ได้พบสักคน
หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าคงจะใช้ชีวิตต่อไปไม่ได้อีกแล้ว!
แต่เสด็จแม่กล่าวกับนางว่า นางจะต้องนำภาพลักษณ์ของตนเองกลับมาต่อหน้าพักตร์ของพระเจ้าหลวงและคนอื่นๆ ให้จงได้
พระพันปีตบมือขององค์หญิงหกเบาๆ แล้วกล่าวอย่างเอ็นดูว่า “พระชายาจิ้งอ๋อง ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็จงตอบรับไปเสียเถอะ ราชวงศ์ก็เหมือนกับประชาชนทั่วไป สันติภาพถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดนะ!”
พระพันปีไม่สนใจเรื่องทางโลกมานานหลายปี จึงสูญเสียความสามารถในการตัดสินใจไปนานแล้ว ดังนั้นเมื่อเห็นองค์หญิงหกร้องไห้ยอมรับความผิดพลาด จึงใจอ่อนลงทันที
ใบหน้าของเซียวปี้เฉิงมืดมนเล็กน้อย ฮองเฮาเฟิงและองค์หญิงหกจงใจแสดงละครต่อหน้าพระพันปีเช่นนี้ หากเขาปฏิเสธ ก็จะดูคิดเล็กคิดน้อยจนเกินไป
อวิ๋นหลิงดึงแขนเสื้อของเขา ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “ในเมื่อยากที่จะปฏิเสธคำเชื้อเชิญ เช่นนั้นข้าก็ตอบรับ ทว่าเช่าเรือสำราญลำหนึ่งนั้นไม่ถูกเลย ให้ข้าเป็นคนจ่ายเองดีกว่า”
องค์หญิงหกรีบตอบกลับทันที “อาซ้อสามใจกว้างยิ่งนัก เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้!”
หากอวิ๋นหลิงอยากจะจ่ายค่าเช่าเรือสำราญด้วยตัวเอง เช่นนั้นก็เชิญเลย!
ฮองเฮาเฟิงแอบเหลือบมองไปที่องค์หญิงองค์หก สายตาของนางกลอกไปทั่วร่างของอวิ๋นหลิงด้วยรอยยิ้ม แล้วสุดท้ายก็มาตกลงบนท้องของนาง ด้วยดวงตาที่ฉายแววความเย็นชา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
เติมเหรียญอย่างไร...
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...