พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 690

ไหนเลยอวิ๋นหลิงจะฟังความผูกพันของสองคนนี้ไม่ออก นางรู้สึกเบิกบานใจ

อันนี้ไม่ใช่เรื่องสอดรู้ชาวบ้าน แต่เป็นต้นกล้าน้อย ๆ ที่เริ่มผลิดอกออกผล

“เหมือนเรื่องหลัวมี่โอวกับจูลี่เย่ในโบราณตะวันออกมาก”

เซียวปี้เฉิงหัวช้าในด้านความรักเล็กน้อย แต่เขาเคยได้ยินเรื่องหลัวมี่โอวกับจูลี่เย่จากการฟังของอวิ๋นหลิง

ทันทีที่ได้ยินประโยคนี้เขาก็เข้าใจความหมายที่แอบแฝงในคำพูดของกู้ฮั่นม่อแล้ว

เขาพูดด้วยความแปลกใจ “พวกเจ้ากำลังจะบอกว่าอู๋จีมีใจให้มิ่งชูหรือ?”

สีหน้าอวิ๋นหลิงตื่นเต้นเล็กน้อย ไม่ได้เรียบเฉยเหมือนตอนรับฟังเรื่องตระกูลหลิ่วกับตระกูลถัง

“ถ้าเป็นเรื่องจริง ข้าก็อยากเห็นสีหน้าของเสนาบดีเฟิงกับเสนาบดีหลี่เหลือเกิน”

เซียวปี้เฉิงจินตนาการชั่วครู่ จากนั้นก็อยากรู้เรื่องนี้เป็นอย่างมาก

สองตระกูลนี้ปะทะอย่างดุเดือดมาหลายปี ถ้าเป็นเรื่องจริง ไม่เท่ากับเป็นเรื่องอึกทึกใหญ่โตหรอกหรือ?

น่าสนใจยิ่งกว่าเรื่องห่านหัวโตกับจางอวี้ซู เขาคิดว่าเสนาบดีหลี่กับเสนาบดีเฟิงต้องเป็นลมทันทีแน่

กู้ฮั่นม่อเอียงหน้า ซักถามด้วยความสงสัย “พระชายาพ่ะย่ะค่ะ หลัวมี่โอวกับจูลี่เย่คือผู้ใดพ่ะย่ะค่ะ?”

“เป็นคู่รักกัน แต่ทั้งสองตระกูลนี้มีความแค้นใหญ่ต่อกัน แต่พวกเขาเจอหน้าครั้งแรกต่างก็ปฏิพัทธ์มีใจต่อกัน เพราะโดนกีดกั้นเรื่องความรัก บิดามารดาของจูลี่เย่จึงให้นางแต่งกับชายที่เรืองอำนาจอื่น นางจึงเสร้งกินยาตายเพื่อหลอกคนที่บ้าน”

“แต่หลัวมี่โอวคิดว่าจูลี่เย่ตายไปแล้ว จึงดื่มยาพิษฆ่าตัวตาย ตอนที่จูลี่เย่ฟื้นขึ้นมาก็พบว่าหลัวมี่โอวตายไปแล้ว นางจึงชักดาบแทงตัวเองด้วยความเศร้าโศก ทั้งสองตระกูลรู้จุดจบอันเศร้าระทมนี้ ความแค้นที่เคยมาก็เลิกแล้วต่อกัน”

อวิ๋นหลิงอธิบายเรื่องนี้พอสังเขป บอกเขาว่าเป็นละครของชาวตะวันออก

กู้ฮั่นม่อกระพริบตาปริบ ๆ “ชาวตะวันออกกับพวกเราต่างกัน ถ้าเกิดกับอู๋จีและมิ่งชู ตอนจบของเรื่องนี้ก็ต้องเขียนใหม่ ควรเตือนให้เสนาบดีทั้งสองท่านดูแลสุขภาพตัวเองถึงจะถูก”

หนุ่มสาวสองคนนี้ไม่มีทางทำเรื่องโง่เขลาเบาปัญญาเด็ดขาด ทว่าพวกคนแก่ก็ไม่แน่

อวิ๋นหลิงหันไปมอง “ฮั่นม่อ เท่าที่เจ้ารู้จักตาเฒ่าสองคนนี้ ถ้าผู้ใหญ่คัดค้าน เจ้าคิดว่าพวกเขาจะทำเช่นไร?”

กู้ฮั่นม่อครุ่นคิดชั่วครู่ ก่อนจะพูดเนิบ ๆ

“คงไม่บอกคนในครอบครัวก่อน รอให้มีงานทำนอกเมืองหลวงแล้วก็แอบไปแต่งงานกันเงียบ ๆ รอให้ผ่านไปสามปีก่อนแล้วค่อยกลับไป ไม่แน่ว่าอาจจะมีลูกชายลูกสาวแล้วก็ได้ ต่อให้พวกเสนาบดีไม่เกรี้ยวกราดก็ไม่ทำเรื่องโง่ๆเพราะเห็นแก่หน้าหลาน”

เซียวปี้เฉิงครุ่นคิด ดูภายในอาจเห็นว่าทั้งเสนาบดีเฟิงกับเสนาบดีหลี่เป็นคนพูดน้อย แต่ความจริงแล้วกลับมีกลเม็ดแพรวพราย

หากเอาเรื่องที่สองคนนี้แอบสอบเข้าสำนักศึกษาชิงอี้ ก็มีสิทธิ์เป็นอย่างที่กู้ฮั่นม่อคาดการณ์

“เจ้ารู้อะไรเยอะดีนี่ แต่มีลูกสองคนภายในสามปีนั้นเห็นจะยากหน่อย”

ครรภ์ที่สองของเขากับอวิ๋นหลิง ถึงตอนนี้ยังไม่มีวี่แววเลย

กู้ฮั่นม่อยิ้มแสดงความคิดเห็น “ขอบคุณสำหรับคำชมของรัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ แต่ถ้าอยากช่วยพวกเขาสองคนจริง ถึงเวลานั้นก็ส่งพวกเขาไปทำงานต่างถิ่น แล้วยืดระยะเวลาทำงานสามปีเป็นห้าปีก็ได้พ่ะย่ะค่ะ”

เซียวปี้เฉิงได้ยินก็รู้สึกว่าเฟิงอู๋จีมีวาสนาที่ได้รู้จักเพื่อนที่หวังดีต่อเขาเพียงนี้ ถือเป็นเรื่องโชคดีของชีวิต

ทว่าเขาฟังคำพูดต่อจากนี้ของกู้ฮั่นม่อแล้วรู้สึกไม่ชอบมาพากล

“ถ้ากลัวผู้ใหญ่รู้ รัชทายาทก็สามารถส่งพวกเขาไปไกล ๆ ยิ่งไกลยิ่งดี พวกผู้ใหญ่จะได้ไม่รับรู้ ครั้งก่อนอู๋จียังเคยบอกว่านับถือทหารที่ไปปลูกต้นไม้ที่ทะเลทรายมาก อยากกลายเป็นผู้ที่มีอุดมการณ์แน่วแน่บ้าง”

เซียวปี้เฉิงจ้องหน้าเขา อดถามไม่ได้ “ไยเจ้าต้องหว่านล้อมให้ข้าส่งเขาไปปลูกต้นไม้ที่ทะเลทรายด้วย ช่วงนี้อู๋จีทำอะไรให้เจ้าไม่ชอบใจรึ?”

กู้ฮั่นม่อชะงักงัน พูดอย่างไม่เข้าใจ “ไยรัชทายาทจึงพูดเยี่ยงนี้ ลูกศิษย์ก็แค่พูดไปงั้น ๆ ไม่เคยคิดที่จะให้เขาไปปลูกต้นไม้ที่ทะเลทรายจริงๆหรอก เพราะเขาแค่อยากสานฝันให้เป็นจริง แต่จะให้มิ่งชูไปลำบากกับเขาก็ไม่ดี”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ