เนื่องจากมีหิมะตกโปรยปราย รถสามล้อจึงแล่นช้ากว่าก่อนหน้านี้มากนัก
การเดินทางที่เดิมใช้เวลาเพียงหนึ่งชั่วโมงก็ต้องเพิ่มเป็นสองชั่วโมงกว่าจะถึง
ถึงกระนั้น ความเร็วของรถสามล้อก็ยังทำให้เว่ยฉือเลี่ยผู้เป็นนายและบ่าวรับใช้ประหลาดใจยิ่งนัก
ถูหว่าเดาะลิ้นแล้วถอนใจ “ถึงชาวฮั่นจะอ่อนแอพอๆ กับลูกไก่ แต่ข้าถูหว่าก็ยอมศิโรราบให้พวกเขาจริงๆ การมีหัวคิดฉลาดเช่นนี้ช่างยอดเยี่ยมโดยแท้!”
แต่การเดินทางอันยาวนานเช่นนี้ก็เพียงพอให้คนสองคนดื่มหมดไปหนึ่งกา
ตอนที่ถูหว่าลงรถ เขาเดินอย่างเลื่อนลอย เหมือนหมีสีน้ำตาลตัวใหญ่ที่ขโมยวอดก้ามาดื่มจนเมามาย แยกทิศเหนือใต้ออกตกไม่ถูก
อวิ๋นหลิงกล่าวขอโทษ “ข้าไม่ได้คิดให้รอบคอบ ไม่นึกว่าจะเมารถกันถึงเพียงนี้ ลืมเตรียมยาแก้เมารถไว้ล่วงหน้า ประเดี๋ยวจะให้ลู่ฉีพาไปโรงหมอสำนักศึกษาแล้วกัน ในนั้นมียาขาย กินแล้วก็จะหาย”
นางคิดว่าการขี่ม้านั้นยากกว่าการนั่งรถที่โยกคลอนเป็นไหนๆ ชายสองคนที่ขี่ม้าบนทุ่งหญ้าจะรู้สึกเวียนหัวไปได้อย่างไร
เว่ยฉือเลี่ยพยักหน้า ข่มกลั้นความรู้สึกพะอืดพะอมไว้ เอ่ยว่า “จะว่าพี่สะใภ้ได้อย่างไร เป็นข้ากับถูหว่าเองที่ไม่เอาไหน”
ทันทีที่อวิ๋นหลิงได้ยินก็รู้สึกว่าเขาคงจะรู้สึกคลื่นไส้เป็นเอามาก วาจาก็ดูไร้เรี่ยวแรงไม่เหมือนเมื่อก่อน
ใบหน้าของอีกฝ่ายไม่สู้ดีนัก แต่มีหนวดเคราเฟิ้มปิดบังอยู่ จึงมองไม่เห็นอะไรเลย
แต่อวิ๋นหลิงกวาดตามองเว่ยฉือเลี่ยปราดหนึ่งโดยไม่ตั้งใจ รู้สึกว่าเคราสีน้ำตาลของเขาดูสะอาดตาและเรียบร้อยกว่าเดิมมากทีเดียว
ฟู...นุ่ม...เหมือนขนแกะม้วนขด
ชาวทูเจวียถือว่าการไว้เคราเป็นความงามโดยแท้ แม้กระทั่งนวดเคราก็ต้องดูแลเป็นอย่างดี
เวลานี้เอง เซียวปี้เฉิงก็ก้าวเข้ามาแล้วกล่าวว่า “ไปพักผ่อนที่โรงหมอสำนักศึกษาเถอะ ผู้ดูแลเจิ้งจัดห้องหับไว้ล่วงหน้าแล้ว ข้าจะสั่งให้ทหารเฝ้ายามย้ายห่อสัมภาระเข้าไปเดี๋ยวนี้เลย ไว้หลังมื้อเที่ยงค่อยพาเยี่ยมชมสำนักศึกษา”
องค์หญิงหกได้ยินแล้วก็ลังเลไปครู่หนึ่ง ก่อนรวบรวมความกล้าชักเท้าเดินเข้าไป
นางรู้สึกว่าในฐานะองค์หญิงของแคว้น ก็มีหน้าที่ต้องพาเว่ยฉือเลี่ยไปเยี่ยมชมสำนักศึกษาด้วย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออวิ๋นหลิงตั้งครรภ์ ให้นางต้อนรับแขกของอีกฝ่ายจะเหมาะสมกว่า
“พี่สะใภ้สามมีลูกแฝด หิมะตกพื้นลื่น ควรพักผ่อนอยู่ในห้องจะดีกว่า มิสู้ให้หรงเอ๋อร์กับพี่สามพาท่านข่านเที่ยวชมทิวทัศน์ของสำนักศึกษาในช่วงบ่ายเถิด”
เซียวปี้เฉิงมองนางด้วยสายตาประหลาดใจเล็กน้อย “เจ้าไม่กลัวหรือว่ามาเดินกับพวกเราแล้ว คนอื่นจะสงสัยสถานะของเจ้าเอาได้”
ถึงแม้สำนักศึกษาจะยังไม่ได้เปิดเรียนอย่างเป็นทางการ แต่ในช่วงเทศกาลฉลองตรุษก็ยังมีศิษย์และอาจารย์จากที่อื่นมาพำนักอยู่ไม่น้อย
องค์หญิงหกเอ่ยยิ้มบางๆ “ไม่มีอะไรต้องกังวล เดิมทีข้าเป็นบรรณารักษ์ของสำนักศึกษาชิงอี้ เป็นคนของสำนักศึกษาเหมือนกับผู้ดูแลเจิ้ง พี่สามจะเรียกใช้ให้ไปรับรองท่านข่านก็สมเหตุสมผล”
เซียวปี้เฉิงเห็นว่านางคิดเผื่อถึงอวิ๋นหลิงด้วย สีหน้าก็อ่อนลง
“ขอบใจนะโย่วหรง เช่นนี้ช่วงบ่ายเจ้าก็ไปเยี่ยมชมสำนักศึกษากับพวกเราได้ หมู่นี้พี่สะใภ้สามของเจ้าง่วงนอนและอ่อนเพลียอยู่บ่อยๆ เหนื่อยจากการเดินทางมาครึ่งค่อนวันแล้ว ให้นางได้พักผ่อนนานๆ หน่อย”
อวิ๋นหลิงหาวหวอดๆ ทั้งน้ำตา พยักหน้ารับความหวังดีขององค์หญิงหกด้วยความยินดี
หลังจากนางตั้งท้องลูกคนที่สองที่ต่างจากลูกคนแรก ก็มักจะชอบง่วงนอน เมื่อครู่โยกคลอนอยู่บนรถพักใหญ่ สลัดความง่วงงุนออกไปตั้งนานแล้ว
“เช่นนั้นก็ลำบากเสี่ยวลิ่วแล้ว”
เป็นอันตกลงตามนี้
ท่ามกลางความประหลาดใจระคนดีใจที่ราวกับตกลงมาจากท้องฟ้า เว่ยฉือเลี่ยอึ้งงันไปครู่หนึ่ง ลอบปลาบปลื้มอยู่ในใจ
หรือว่าถูหว่าจะพูดถูก องค์หญิงหกมีใจให้เขาจริงๆ?
ไม่อย่างนั้นจะเสนอพาเขาเที่ยวชมสำนักศึกษาไปทำไม
ใบหน้าของเขาฉายแววดีใจอยู่หลายส่วน แต่ถูกหนวดเคราปิดซ่อนไว้อย่างดี
ถูหว่าไม่ได้หนักแน่นเหมือนอย่างเว่ยฉือเลี่ย พอได้ยินพลันปรบมือดีใจลิงโลดทันที เริ่มเต้นรำรอบกองไฟทันที
“เยี่ยมเลย วิเศษมาก หก...โอ๊ย!”
พวกเขาเป็นศิษย์กลุ่มแรกของสำนักศึกษาชิงอี้ สองสามีภรรยาต่างก็เชื่อว่าจำเป็นต้องประทับชื่อศิษย์เหล่านั้นที่สนับสนุนพวกเขาด้วยความแข็งขันและไว้วางใจอย่างไม่มีเงื่อนไขไว้ตลอดไป
นี่เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งต่อสำนักศึกษาชิงอี้
เว่ยฉือเลี่ยฟังจบแล้วก็รู้สึกเลื่อมใสอย่างสุดซึ้ง
เขาใช้สองมือถอดหมวกสักหลาดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ก้มลงโค้งคำนับไปทางก้อนหินยักษ์
เซียวปี้เฉิงมองด้วยความประทับใจ เขามองออกว่าเหมาเหมารู้สึกมาจากก้นบึ้งหัวใจ ไม่ใช่แสดงให้เขาเห็น
บุรุษบึกบึนชาวทูเจวียผู้นี้ดูเหมือนจะสนใจการศึกษาหาความรู้เป็นพิเศษ
“ผู้ที่สามารถอยู่ในสำนักศึกษาชิงอี้ได้นั้นโชคดีนัก แม้แต่ข้าในฐานะอ๋องทูเจวียก็รู้สึกอิจฉาเหลือแสน”
สมัยเป็นเด็กอยู่เมืองสุย มารดาและท่านตาใช้กิ่งไม้ต่างพู่กัน ใช้ทรายต่างกระดาษ สอนให้เขาเขียนอักษรทีละเส้นทีละขีด
สามารถเข้าเรียนในสำนักศึกษาเช่นนี้ได้ เป็นสิ่งที่เขาไม่กล้าจะฝันถึง
องค์หญิงหกมองประเมินเว่ยฉือเลี่ยเงียบๆ จากด้านข้าง ถูกประกายตาที่เจิดจ้าเป็นพิเศษของเขาดึงดูดไว้อย่างอดมิได้
นางเคยเห็นประกายตาเช่นนี้ในดวงตาของรุ่ยอ๋อง พี่ชายคนโต
ทำให้อดรู้สึกถึงความใกล้ชิดอยู่บ้างไม่ได้
หลังจากถอดหมวกสักหลาดออก ผมสีน้ำตาลหนายาวของเว่ยฉือเลี่ยก็สยายลงมา
เรือนผมของเขาเรียบเนียนราวกับขนแกะเนื้อละเอียด ต่างจากผมของถูหว่าที่หยาบและมัดเอาไว้
สิ่งที่ทำให้องค์หญิงหกสุดแสนประหลาดใจก็คือผมของเว่ยฉือเลี่ยนั้นหยิกจริงๆ!
ไม่รู้ว่าเหตุใด ดูๆ ไปขนปุกปุยเช่นนี้ ก็น่ารักไม่หยอกเลย

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
ทำไมใช้เหรียญไม่ได้ติดต่อกันเป็นอาทิตย์ละคะ...
ทำไมแสดงความคิดเห็น แล้วข้อความหายอ่ะ...
ซื้อตอนแล้วไม่ได้ปลดล๊อคค้างไว้เหรอคะ แบบนี้ก็ย้อนกลับมาอ่านไม่ได้สิคะ มือกดโดนผิดวิ่งไปหน้าอื่นต้องเสียเงินอีกรอบงี้เหรอ...
ทำไมซื้อตอนปลดล๊อคแล้ว กลับไปย้อนอ่านต้องปลดล๊อคใหม่คะ...
ทำไมตอนซื้อแล้วล๊อคไม่ได้คะ...
ทำไมซื้อตอนแล้วเปิดหน้าใหม่แล้วย้อนกลับไปอ่านไม่ได้คะ ล๊อคเหมือนเดิมต้องจ่ายเงินซื้อใหม่ตลอดรึคะ...
ทำไมปลดล๊อคแล้ว กดข้ามไปตอนใหม่แล้วย้อนกลับมาอ่านไม่ได้คะ...
ทำไมซื้อตอนไม่ได้คะ...
เติมเหรียญอย่างไร...
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...