พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 728

“ถึงจะแต่งออกไปไกล ก็ไม่แน่ว่าเหมาเหมาต้องข่มขู่เสี่ยวลิ่วให้พลีกายมอบใจเสียหน่อย ถ้านางเป็นฝ่ายอยากแต่งออกไปไกลเองล่ะ”

การคาดเดาของอวิ๋นหลิงไม่ใช่เรื่องเหลวไหล แต่เป็นสาเหตุที่ว่าเหตุใดองค์หญิงหกจึงออกจากวัง

ถึงแม้องค์หญิงหกจะล้มเหลวในการออกจากวังมาก่อนหน้านี้ แต่ในใจก็ยังไม่ล้มเลิกความคิดที่จะอยู่ให้ห่างจากวังหลวง

ยังจำได้ว่านางถามองค์หญิงหกก่อนหน้านี้ว่าออกจากวังแล้วอยากจะไปที่ใด

องค์หญิงหกตอบว่าตอนนั้นนางไม่มีจุดมุ่งหมาย เพียงอยากจะไปให้ไกล ที่ไหนก็ได้ ให้ห่างจากวังหลวงมากที่สุด

จากนั้นอวิ๋นหลิงถามต่อว่าไฉนจึงบังเกิดความคิดนี้เล่า

องค์หญิงหกบอกว่านางอยู่ในเมืองหลวงไม่มีความสุขเลยสักที่

เวลานางสุขสมหวังจะมีผู้คนมากหน้าหลายตาเข้ามาห้อมล้อม แต่หลังจากพลาดพลั้งตกต่ำลงก็เหลือเพียงสายตาเย็นชาและเย้ยหยัน

เฉพาะช่วงที่ไปสำนักศึกษาชิงอี้ จึงได้ขจัดความกังวลทั้งหมดทั้งมวลออกไปได้ เป็นเวลาที่นางอยู่ในสภาพจิตใจที่สงบและผ่อนคลายที่สุด

แต่หลังจากทะเลาะกับจักรพรรดิจาวเหริน สำนักศึกษาก็กลายเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่ทำให้นางโศกเศร้า

“เพราะนึกเรื่องแม่นางหลีกับฮั่นม่อแล้วก็ทำให้นางรู้สึกเจ็บปวดและสับสน ดังนั้นเมื่อนางออกไป จึงเลือกทิศทางที่ตรงกันข้ามกับสำนักศึกษาชิงอี้โดยสิ้นเชิง”

อวิ๋นหลิงกล่าวอย่างหนักแน่น วิเคราะห์อย่างชัดเจนและสมเหตุสมผล

เซียวปี้เฉิงก็คล้อยตามไปเช่นกัน ตอนมาสำนักศึกษาชิงอี้ครั้งนี้ องค์หญิงหกไม่ได้คาดหวังและตื่นเต้นเหมือนเมื่อก่อน

นางแค่อยากหาสถานที่ห่างไกลจากวังหลวง เนื่องจากในเมืองหลวงอันใหญ่โตไม่มีที่ไหนให้ไป นางจึงเลือกกลับมาที่สำนักศึกษา ยังคงเป็นหวงเสี่ยวลิ่วต่อไป

แต่เซียวปี้เฉิงก็ไม่กล้าคิดว่าองค์หญิงหกจะยอมรับผู้ชายอย่างเหมาเหมาได้

“บางทีโย่วหรงอาจอยากอยู่ห่างๆ ก็จริง แต่จะเลือกเหมาเหมาหรือไม่ ก็ยังพูดยาก”

อวิ๋นหลิงพยักหน้า “ความรักเป็นสิ่งที่อธิบายยาก ไม่มีใครรับประกันได้ว่าความรักจะเกิดขึ้นปุบปับเมื่อใด”

เซียวปี้เฉิงกล่าว “สรุปแล้วในฐานะพี่ชาย ไม่ว่าจะอย่างไรข้าก็เคารพการตัดสินใจของโย่วหรง ขอเพียงนางไม่สมัครใจจะแต่งออกไปไกล ก็ไม่มีใครสามารถบังคับนางได้”

ลืมที่เสี่ยวเฟิงทำเรื่องชั่วร้ายไปเสีย ระหว่างเขากับองค์หญิงหกก็ไม่มีความเคียดแค้นชิงชังต่อกัน นอกจากเรื่องที่ว่าอีกฝ่ายเคยเย่อหยิ่งเอาแต่ใจในอดีต นางก็ไม่เคยทำอะไรรุนแรงไร้เหตุผล

ท่าทีของพระเจ้าหลวงที่มีต่อนางไม่เคยเปลี่ยนไปเลย เซียวปี้เฉิงรู้อยู่แก่ใจดีว่าเสด็จปู่หวังให้เขามีจิตใจกว้างขวาง ไม่พัวพันกับความรัก ความเกลียดชัง และความเคืองแค้น

เมื่อดูจากเรื่องที่เขาส่งต่อบัลลังก์ให้จักรพรรดิจาวเหรินแทนที่จะเป็นอันชินอ๋อง ก็รู้ได้ว่าตาแก่น้อยเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับจิตใจที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่

“ไม่ว่าเหมาเหมาจะเป็นพรหมลิขิตของนางหรือไม่ อย่าใช้เรื่องความบริสุทธิ์มาข่มขู่ให้แต่งงาน แคว้นต้าโจวก็ไม่จำเป็นต้องเอาการแต่งงานที่มีความสุขขององค์หญิงมาแลกกับผลประโยชน์”

เซียวปี้เฉิงกล่าวด้วยความมั่นใจ

เขาเป็นผู้สืบทอดบัลลังก์แห่งแคว้นต้าโจวและเป็นพี่ชายขององค์หญิงหก เขาจะไม่ยอมให้สิ่งนี้เกิดขึ้นไม่ว่าในกรณีใดๆ

อวิ๋นหลิงมองเขาด้วยสายตาอ่อนโยน ผงกศีรษะตามด้วยรอยยิ้มพราย

ดังนั้นในวันต่อมา ขณะที่สองสามีภรรยามีงานยุ่ง ก็เพียงสังเกตเว่ยฉือเลี่ยกับองค์หญิงหกอย่างเงียบๆ

ทั้งไม่ได้ขัดขวางทั้งสองอยู่ด้วยกัน และไม่ได้จงใจสร้างโอกาสให้จับคู่

ยามมีเวลาว่าง ก็พาเว่ยฉือเลี่ยไปเที่ยวรอบๆ ทั่วทุกซอกทุกมุมของสำนักศึกษา โดยอธิบายให้เขาฟังถึงปรัชญาต่างๆ ของการก่อตั้งสำนักศึกษา ตลอดจนวัตถุประสงค์และหน้าที่ของระบบและกฎระเบียบต่างๆ

เมื่อพวกเขางานยุ่ง องค์หญิงหกก็จะมารับไม้ต่อทำหน้าที่แทนให้

เว่ยฉือเลี่ยตั้งใจฟัง บันทึกทุกอย่างลงกระดาษและท่องจำจนขึ้นใจ

ชั่วพริบตาเดียว เจ็ดวันก็ผ่านพ้นไป

บรรลุเป้าหมายในการมาที่นี่ไปกว่าครึ่งหนึ่งแล้ว แต่ยังมีอีกเรื่องสำคัญที่สุดที่ต้องทำนั่นคือ การแต่งงานกับองค์หญิง

นึกถึงเรื่องนี้ทีไร เว่ยฉือเลี่ยก็ดถอนใจไปเสียทุกที “เวลากำลังจะหมดลงแล้ว กะเวลาไว้ อาจจะอยู่ต่อไปได้อีกสามถึงห้าวัน”

หลังจากกลับถึงวังแล้วก็เตรียมออกเดินทางกลับสู่แดนทุ่งหญ้า

“อะไรนะ เหลือเวลาอีกสามถึงห้าวันเท่านั้น!”

ถูหว่าทำหน้าบูดเบี้ยว ดูอาลัยอาวรณ์ไม่อยากจากไป เผยให้เห็นความกลัดกลุ้มใจเฉกเช่นเดียวกับผู้เป็นนาย

แต่ทั้งสองต่างกลุ้มใจกันคนละเรื่อง

เขากินอาหารที่สำนักศึกษาชิงอี้ตั้งแต่เช้าจรดค่ำทุกวัน ลืมเรื่องที่จะแต่งงานกับองค์หญิงด้วยซ้ำ ถึงขั้นรู้สึกว่าหากองค์หญิงหกไม่เห็นด้วยก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่

เอาจริงๆ นะเขาตัดสินใจเองก็พอ

เว่ยฉือเลี่ยพูดไม่ออกไปพักหนึ่ง แต่ดีที่เขาคุ้นเคยกับความทึ่มทื่อของถูหว่าเสียแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ