ระหว่างที่สามีภรรยาสองคนรู้สึกหนักในใจเป็นอย่างยิ่ง พอเห็นอวิ๋นหลิงและองค์หญิงหกออกไปจากหน้าพระที่นั่งบำรุงฤทัย
ตรงกันข้ามกับจิตใจห่อเหี่ยวของจักรพรรดิจาวเหริน สีหน้าของนางผ่อนคลายมากกว่าเมื่อก่อนและฝีเท้าของนางก็ก้าวเร็วขึ้นเล็กน้อย
นางไม่ได้กลับตำหนักซู่อวี้ หากแต่เดินไปทางทิศอาญาสี่
อวิ๋นหลิงรออยู่ในสวนหลวงอยู่สักพักหนึ่ง ไม่เห็นฝูกงกงมาหานางเพื่อตรวจชีพจรให้จักรพรรดิจาวเหรินตามที่คาดไว้
ในช่วงปลายฤดูหนาว อากาศเดี๋ยวหนาวเดี๋ยวร้อน
เซียวปี้เฉิงเป็นห่วงสุขภาพของนางมาก จึงพานางกลับไปที่ตำหนักบูรพา
จนกระทั่งถึงกลางดึกเงียบสงัด คนมากมายในตำหนักบูรพาได้พักผ่อนแล้ว ตงชิงจึงหาวเดินส่งข่าวมา
“...ฝ่าบาทเพคะ ฝูกงกงส่งจดหมายมาบอกว่าฮ่องเต้มีเรื่องสําคัญปรึกษาท่าน”
“ข้ารู้แล้ว อีกประเดี๋ยวจะออกเดินทาง”
เซียวปี้เฉิงยังคงนอนดึกเพื่อตรวจหนังสือพับที่ค้างอยู่ในหลายวันนี้
เขามองอวิ๋นหลิงที่เตรียมตัวขึ้นเตียงพักผ่อน อยากให้นางนอนก่อน เขาจะไปที่พระที่นั่งบำรุงฤทัยคนเดียว
อวิ๋นหลิงกลับใส่เสื้อหนาวที่เพิ่งถอดออกไปใหม่อีกครั้ง
“ข้าจะไปกับท่านด้วย ตอนนี้เสด็จพ่ออารมณ์ไม่มั่นคง ข้ากลัวว่าเขาจะกริ้วท่าน”
จะว่านางคิดมากไปก็ได้ จะว่าคับแคบเกินไปก็ช่าง
สรุปก็คืออวิ๋นหลิงก็คือไม่วางใจจักรพรรดิจาวเหริน ใครใช้ให้อีกฝ่ายเคยถูกตัดสินลงโทษก่อนล่ะ
เขารักองค์หญิงหกมากแค่ไหน เขาลำเอียงกับลูกชายมากแค่ไหน
ตอนนี้นางอย่างน้อยก็เป็นหญิงตั้งครรภ์ หากตามไปด้วย จักรพรรดิจาวเหรินจะได้ไม่ตําหนิ
ถือโอกาสดูสุขภาพของจักรพรรดิจาวเหรินด้วย
พูดจากใจจริง อวิ๋นหลิงไม่ต้องการให้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับจักรพรรดิจาวเหริน อีกฝ่ายควรครองบัลลังก์อีกหลายปีแล้วค่อยเกษียณ
มิฉะนั้นต้องทําให้เจ้าก้อนถ่านหินของนางเหนื่อยตายเป็นแน่
เซียวปี้เฉิงพยักหน้า รู้ว่านางเป็นคนที่มีนิสัยเตือนอะไรไม่ค่อยฟัง จึงเดินไปหยิบเสื้อคลุมจิ้งจอกหิมะมา เองและเรียกรถไม้สามล้อไปยังพระที่นั่งบำรุงฤทัย
ภายในพระที่นั่งบำรุงฤทัยมีแสงเทียนมืดสลัว
จักรพรรดิจาวเหรินยังคงสวมชุดลําลองนั่งอยู่บนเตียง ใบหน้าเหนื่อยล้า แต่กลับไม่มีท่าทีง่วงนอนแม้แต่น้อย
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าออกมานอกตำหนัก ก็รู้ได้ว่าเป็นเซียวปี้เฉิงมา ก็อดไม่ได้ที่จะอ้าปากพูดเสียงจริงจังด้วยตาที่แดงก่ำ
“ข้าฝากโยว่หรงให้เจ้าดูแล เหตุใดช่วงนี้เจ้าถึงไม่ดูนางให้ดี ถึงปล่อยให้นางถูกเว่ยฉือเลี่ยหมอนั่นหลอกเอาได้?”
เมื่อม่านถูกยกขึ้น เสียงของอวิ๋นหลิงก็ดังขึ้นมา
“เสี่ยวลิ่วไม่ใช่เด็กแล้วนะเพคะ ไม่มีใครสามารถผูกนางไว้กับตัวได้ตลอดเวลา นับประสาอะไรกับนางที่มีความคิดในการตัดสินผู้คนและสิ่งต่าง ๆ ด้วยตัวของนางเองแล้ว”
พอจักรพรรดิจาวเหรินเห็นนางตามมาด้วย ก็เม้มริมฝีปากและระงับอารมณ์เหล่านั้นเล็กน้อย
เขาพูดอย่างเหนื่อยล้าว่า “เจ้าตั้งครรภ์มาเกือบห้าเดือนแล้ว ดึกขนาดนี้ไม่พักผ่อนอีก ยังมาพระที่นั่งบำรุงฤทัยทําอะไร ข้าไม่มีแรงที่จะทะเลาะกับเจ้า”
“ลูกเองก็เช่นกัน อีกอย่างมาที่นี่เหตุใดจะต้องทะเลาะกันด้วย ก็แค่ห่วงใยสุขภาพของท่านไม่ได้หรือ?ยิ่งไปกว่านั้นหากท่านไม่อยากทะเลาะ ก็ย่อมไม่มีทางที่จะทะเลาะแน่นอน”
อวิ๋นหลิงสังเกตอย่างละเอียดอยู่สองสามครั้ง ก็เห็นว่าถึงแม้จักรพรรดิจาวเหรินจะมีสีหน้าห่อเหี่ยว แต่สถานการณ์โดยรวมก็ยังค่อนข้างมั่นคง
ดูเหมือนว่ายาที่ปรุงอย่างพิถีพิถันก่อนหน้านี้จะได้ผล สมรรถภาพทางร่างกายของอีกฝ่ายแข็งแรงกว่าช่วงก่อนหน้านี้มาก อารมณ์ที่ขึ้น ๆ ลง ๆ ก็ไม่มีโรคความดันโลหิตสูงเวียนหัวอีกต่อไป
เซียวปี้เฉิงก้าวไปข้างหน้าเพื่อรินน้ำชาอุ่น ๆ และส่งไป “ช่วงนี้เว่ยฉือเลี่ยไม่เคยพูดถึงเรื่องกับเจ้าหญิง พวกเราทุกคนคิดว่าเขาล้มเลิกความคิดนี้ ไม่เคยคิดว่าจะพูดถึงโยว่หรงเป็นการส่วนตัว”
“ซึ่งก็เป็นตอนที่กลับวังเมื่อเช้านี้ โยว่หรงถึงได้พูดถึงเรื่องนี้กับพวกเรา”
จักรพรรดิจาวเหรินรับถ้วยชาไปอย่างเงียบ ๆ ทันทีที่เขาเห็นอวิ๋นหลิงก็ไม่มีความปรารถนาที่จะใส่อารมณ์ ก็แค่รู้สึกเหนื่อยใจเท่านั้น
คำพูดฟุ้งซ่านที่คิดได้เมื่อครู่ก็ลืมไปหมดเกลี้ยงแล้ว
“ถ้าเช่นนั้นระหว่างทางที่พวกเจ้ากลับมา ก็ไม่ได้เตือนนางให้ล้มเลิกความคิดนี้หรือ?ทำไมยังให้นางมาขอร้องต่อหน้าข้าอีก เหตุใดไม่ห้ามไว้”
จักรพรรดิจาวเหรินถอนหายใจยาว ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าโศก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...
ขอบคุณน้าค้า ที่ลงทุกวันเลยสนุกมากค่ะ...