พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 744

สรุปบท ตอนที่ 744 ไม่ร้องร้อง พี่ชายยิ้ม ๆ: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ

ตอน ตอนที่ 744 ไม่ร้องร้อง พี่ชายยิ้ม ๆ จาก พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 744 ไม่ร้องร้อง พี่ชายยิ้ม ๆ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายโรแมนติกโบราณ พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ ที่เขียนโดย Anchali เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

บรรยากาศในตำหนักเงียบไปชั่วขณะ มีความแปลกประหลาดเล็กน้อย

เป็นครั้งแรกที่อวิ๋นหลิงรู้สึกว่าเด็ก ๆ ฉลาดมากขนาดนี้ก็ไม่ใช่เรื่องดี

นางจึงแสร้งทําเป็นไม่ได้ยินอะไรเลย เดินไปจับเอาลูกทั้งสองคนกลับมาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“อ๋องน้อยเอ๋ย อย่านั่งตรงนี้ไม่พูดคุยเลย มากินไก่ทอดกับทุกคน ดื่มเหล้าและพูดคุยกันเถิด”

อวิ๋นหลิงกล่าวอย่างอบอุ่นและอ่อนโยน น้ำเสียงราวกับลุงและป้าที่มีอัธยาศัยดีอยู่ในสวนสาธารณะผู้สูงอายุ

นางใช้สายตาส่งสัญญาณให้หลิวฉิง ฝ่ายหลังก็เข้าใจทันทีและใช้คางชี้ไปที่กู้จื่ออวี๋

“น้องหลิงให้เจ้ามาก็มา อย่าแกล้งทําเป็นหูหนวกเป็นใบ้อยู่ตรงนั้นดูเหมือนตัวเองเจ๋งมาก ต่อหน้าผู้ใหญ่หัดทำตัวรู้เรื่องบ้าง อย่าให้คนต้องมานั่งสั่งสอน รู้ไหม?”

สายตาของกู้จื่ออวี๋มองซ้ำแล้วซ้ำเล่า “...ผู้ใหญ่?”

“ใช่น่ะสิ เสด็จอาของเจ้ารับพวกถวนถวนเป็นลูกบุญธรรม ตามลําดับอาวุโสเจ้าควรเรียกน้องหลิงว่าป้า!”

“พี่ใหญ่เป็นศิษย์พี่ของน้องหลิง เจ้าเองก็ต้องเรียกว่าป้า ส่วนพวกเขาสองคนก็ต้องเรียกว่าอา ถูกต้องไหม?”

หลิวฉิงชี้ไปที่เซียวปี้เฉิงและกงจื่อโยว โดยไม่สนใจใบหน้าที่ตึงเครียดของกู้จื่ออวี๋เลย

นางมีสีหน้าจริงจัง เห็นได้ชัดว่าไม่ได้ล้อเล่นแม้แต่น้อย อีกทั้งยังรู้สึกว่ากู้จื่ออวี๋ควรเรียกแบบนี้จริง ๆ

ในสายตาของกู้จื่ออวี๋ เขายอมให้หลิวฉิงแกล้งหลอกเขา!

กู้จื่ออวี๋หัวเราะอย่างเย็นชา “พูดแบบนี้ ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ข้าก็ควรเรียกเจ้าว่าป้าสองด้วยไหม?”

หรือว่าอยากให้เขาเรียกว่าเสด็จป้าดี?

กู้จื่ออวี๋กวาดสายตาไปมองกู้ฉางเซินที่หัวเราะไม่ออก แต่ไม่ได้พูดประโยคในใจนี้ออกมา

หลิวฉิงลูบคางแล้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “เจ้าเองก็รู้ดี ว่าข้าเป็นคนไม่เคร่งครัดเรื่องเล็กน้อยแบบนี้มาโดยตลอด เจ้าจะเรียกข้าอย่างไรก็ได้ ไม่อยากเรียกป้าสอง จะเรียกว่านายท่านสองก็ได้ ข้าฟังแล้วยังรู้สึกชินกว่า”

กู้จื่ออวี๋แทบจะโกรธผู้หญิงคนนี้แล้ว

ป้าสองนายท่านสองอะไร นางเคยเป็นสนมของเขา!

เมื่อมองไปแล้วเห็นเขามีสีหน้าน่าเกลียดมาก กงจื่อโยวจึงรีบคลี่คลายความขัดแย้งทันที "เอาน่าช่างมันเถิด ๆ อย่ามัวแต่สนใจคําเรียกเลย!”

“อีกอย่างข้าทั้งหน้าตาสวยหนุ่มประดุจดอกไม้ขนาดนี้ เรียกอาจะดูแก่แค่ไหน ถ้าอ๋องน้อยไม่รังเกียจล่ะก็ เรียกข้าว่าพี่เศรษฐีหนุ่มก็ได้ จะว่าไปแล้วบรรพบุรุษของเราก็มีมิตรภาพดีมากเลยหนา มามามา พี่จะแนะนําพี่สะใภ้ให้เจ้ารู้จัก”

กงจื่อโยวคุยกันเหมือนเพื่อนเก่า มีภูมิคุ้มกันต่อความกดอากาศที่หนาวเย็นจากรอบกายของกู้จื่ออวี๋ ลากเขาไปนั่งข้าง ๆ อย่างสนิทสนม

ใบหน้าของกู้จื่ออวี๋เต็มไปด้วยการต่อต้าน เนื่องจากที่มี "ผู้ใหญ่" มากมายขนาดนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้สายตาที่ดุร้ายของนายท่านสองบางคน จึงไม่กล้าสร้างเรื่องง่าย ๆ อีก

เขาสังเกตกงจื่อโยวอยู่สองสามครั้งและคิ้วของเขาก็อดขมวดแน่นไม่ได้

“ท่านก็คือเจ้าสำนักของสำนักทิงเสวี่ยตอนนี้หรือ?”

บุคคลลึกลับที่มีชื่อเสียงบนแผ่นดินใหญ่เก้าแคว้น เหตุใดถึงแต่งหน้าทาแป้ง แต่งตัวสวยงามเหมือนผู้หญิงงาม!

“มันแตกต่างจากในจินตนาการของข้ามาก หากท่านไม่อ้าปากพูด ข้าก็ยากที่จะแยกแยะได้ว่าใครกันแน่คือองค์หญิงแห่งแคว้นถังใต้”

ขณะที่กู้จื่ออวี๋พูดอย่างเย็นชา ในแววตาของเขายังมีความเย้ยหยันเล็กน้อยด้วย

เขาไม่ชอบตุ๊ดเหล่านั้นในแคว้นถังใต้ ดังนั้นเขาจึงดึงแขนเสื้อขึ้นมาอย่างไม่เกรงใจ ปัดกลิ่นหอมเครื่องสำอางค์ จากนั้นถึงได้นั่งตัวตรง

กู้ฉางเซินอดที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อยไม่ได้ พร้อมกล่าวเตือนด้วยเสียงนิ่งเรียบว่า

“จื่ออวี๋ เวลาพูดต้องรู้จักกาลเทศะ”

กู้จื่ออวี๋เม้มริมฝีปาก หน้าตาตึงเครียดโดยไม่พูดอะไรสักคํา

เขาไม่ไว้หน้าแบบนี้ ถ้าเป็นคนธรรมดาก็กระอักกระอ่วนจนไม่รู้จะทำอย่างไรตั้งนานแล้ว แต่วงจรสมองของกงจื่อโยวที่ไม่เหมือนคนอื่นนั้น เมื่อได้ยินคําพูดนี้กลับยิ้มแฉ่งและมีความสุขมาก

“จริงหรือ?คําพูดนี้ของเจ้าข้าชอบฟัง สมแล้วที่ข้าลดน้ำหนักทุกวันในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมา บํารุงรักษาอย่างใส่ใจ ในที่สุดก็ถือว่ารักษาความงามนี้ไว้ได้!”

กู้จื่ออวี๋ “...”

เขารู้สึกว่าสมองของผู้ชายคนนี้ไม่เต็มเล็กน้อย

แต่เขาควบคุมได้ดีมาโดยตลอด จนกระทั่งถึงตอนนี้เคยสัมผัสผู้หญิงเพียงแค่สองคนเท่านั้น ไม่เคยโลภในความงามเลย

ส่วนรอยคล้ำใต้ตาที่หนักนั้น นั่นก็เพราะเขาต้องตื่นเช้ากว่าไก่นอนดึกว่าสุนัขเพื่อจัดการราชการในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และยังต้องระวังคนใกล้ตัวใช้มีดแทงตลอดเวลา

แต่คําพูดเหล่านี้เป็นความลับและน่าละอายเกินไป เขาเป็นคนที่รักหน้าตามาโดยตลอด

ต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ กู้จื่ออวี๋ไม่สามารถอธิบายความจริงต่อหน้าคนอื่นได้

เขากวาดตามองทุกคน นั่งอยู่ที่นั่นอย่างเงียบ ๆ ไม่พูด เห็นได้ชัดว่าตัวเองไม่รับการต้อนรับ รวมถึงความรู้สึกห่างเหินที่สุภาพและมีมารยาทของคนอื่น

กู้จื่ออวี๋เฉย ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้มาก เขาใช้ชีวิตแบบนี้มานานกว่าสิบปีแล้ว

ทุกคนที่เข้าใกล้ทั้งหมดล้วนระมัดระวังและไม่มีใครรู้สึกผ่อนคลายเมื่ออยู่กับเขา อีกทั้งจะไม่พูดความในใจกับเขาด้วย

ถึงแม้จะเคยชินแล้ว แต่เมื่อเห็นกู้ฉางเซินสนิทกับคนเหล่านี้โดยไม่มีอุปสรรคแม้แต่น้อย ทันใดนั้นเขามีความรู้สึกโดดเดี่ยวขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ได้

ในใจรู้สึกเศร้าผิดปกติ

ขณะที่กู้จื่ออวี๋อึดอัดหน้าอกนั้น ฮั่วถวนก็กระโจนเข้าหาเขาตอนไหนไม่รู้ พร้อมกับพูดอย่างนุ่มนิ่มว่า

“พี่เจ้างั่งอ๋องน้อย ยายาขม พี่ป่วยแล้วหรือ?”

เด็กเล็กไม่เข้าใจการพูดจาทิ่มแทงทางวาจาของผู้ใหญ่

ฮั่วถวนจําได้แค่ประโยคนั้นของหลิวฉิงว่า “หวานเป็นลมขมเป็นยา” จึงนึกว่ากู้จื่ออวี๋ป่วย พร้อมกับยื่นมือเล็ก ๆ ไปสัมผัสที่หน้าผากของเขา

อาจเป็นครั้งแรกที่เห็นคนแปลกหน้ามา เสวี่ยถวนจึงให้ความสนใจและอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับกู้จื่ออวี๋มาก

เมื่อเทียบกับฮั่วถวน เสวี่ยถวนมีความอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของคนอื่นมากกว่า

เขายื่นมือเล็ก ๆ ทั้งสองมือออกมา กดไปแก้มที่ตึงเครียดของกู้จื่ออวี๋และคลึงนวด พยายามเพื่อให้มุมปากของเขางอขึ้นอย่างมาก

ปกติเวลาเขาและพี่ชายถูกหมามี๊ดุ ท่านปู่ทวดก็จะทําแบบนี้

“ป้าสองดุดุ ไม่ร้องร้อง พี่ชายยิ้ม ๆ...”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ