อวิ๋นหลิงได้รับคําตอบอย่างรวดเร็ว
ในตอนเย็น ในที่สุดหลิวฉิงก็กลับวัง
สองสามีภรรยาหลงเย่เองก็อยู่ หลังจากที่หลิวฉิงกลับมายังแคว้นต้าโจว พี่น้องอย่างพวกนางก็มักจะต้องตัวติดกันตลอดเวลา
หลังจากทราบโรคนอนไม่หลับของกู้จื่ออวี๋จากอวิ๋นหลิง นัยน์ตาของหลิวฉิงดูเย็นชาและสีหน้าเฉย ๆ มาก
“กู้จื่ออวี๋ก็เป็นคนแบบนี้ เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงสนใจเขามากเกินไป ตอนแรกก็ไม่ได้อยากให้เขามาอยู่แคว้นต้าโจวด้วยกัน ตัวเขาหาเรื่องมาทรมานเอง”
กงจื่อโยวรู้สึกว่าหลิวฉิงไม่ค่อยชอบกู้จื่ออวี๋อย่างเห็นได้ชัด จึงยกชามข้าวที่อยู่ข้าง ๆ ขึ้นมาซุบซิบว่า
“จะว่าไป สรุปว่าเจ้ากับมีความแค้นอะไรนักหนากับกู้จื่ออวี๋กันแน่?ก่อนหน้านี้อวิ๋นหลิงบอกว่าตอนที่เจ้าอยู่ในเป่ยฉิน ภายในหนึ่งเดือนเจ้าเคยลอบสังหารเขาไปเจ็ดครั้ง”
ในชามเต็มไปด้วยผักต้มและเนื้อวัว กงจื่อโยวที่รักอาหารอร่อยมาตลอดต้องปฏิบัติตามคําแนะนําของอวิ๋นหลิงเพื่อรักษารูปร่าง
“สำนักทิงเสวี่ยของพวกเจ้าคล่องแคล่วมากไม่ใช่หรือ?”
“ความคล่องแคล่วก็ไม่ได้ใช้เพื่อการนินทา คนของพวกเราเข้าไปในวัง อย่างมากก็แค่สืบหาที่ซ่อนเงินส่วนตัวและทรัพย์สมบัติของนางสนมมากกว่า ใครจะไปสนใจความขัดแย้งทางอารมณ์ของพวกเขา”
เมื่อได้ยินคําพูดนี้ เซียวปี้เฉิงเหมือนรู้สึกถูกยิงที่หัวเข่าโดยไม่ทราบสาเหตุ
ตะเกียบของหลิวฉิงที่อยู่ในชามดังแกร๊ก ๆ อยู่สองสามครั้ง และไม่ได้ก้มหน้าก้มตากินข้าวแล้ว เห็นได้ชัดว่าหลังจากพูดถึงกู้จื่ออวี๋ก็อารมณ์ไม่ดีและไม่อยากอาหารแล้ว
“กู้จื่ออวี๋เป็นลูกชายคนสุดท้องของจักรพรรดิองค์ก่อน มีพี่น้องสิบกว่าคน เขาอายุน้อยเกินไป การแย่งชิงบัลลังก์ไม่สามารถมาถึงเขาได้”
“แต่เจ้าชายหลายคนในรุ่นก่อนได้แข่งขันกับจักรพรรดิองค์ก่อนมาโดยตลอด เมื่อสิบกว่าปีก่อนได้วางแผนก่อรัฐประหารพระราชวัง จักรพรรดินีและพระโอรสกับพระธิดาองค์อื่น ๆ ล้วนสิ้นพระชนม์ต่อหน้าเขาอย่างน่าสังเวช เขาเป็นต้นกล้าเดี่ยวต้นสุดท้าย”
กงจื่อโยวอึ้งไปชั่วขณะ คิดไม่ถึงว่าหลิวฉิงจะพูดเรื่องนี้ก่อน จึงเก็บสีหน้าซุบซิบและทำสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นหน่อย
“ในตลาดมีข่าวลือระหว่างราชวงศ์เป่ยฉิน บอกว่าวันแรกที่จักรพรรดิเสี่ยวฉินเพิ่งขึ้นครองบัลลังก์ร้องไห้ไม่หยุด อย่างไรก็ตามก็ไม่ยอมนั่งเก้าอี้มังกรตัวนั้น เพราะราชินีจักรพรรดิองค์ก่อนถูกลูกศรคมยิงบนเก้าอี้มังกร ต่อมาเหล่าข้าราชการจึงได้เปลี่ยนเก้าอี้สีทอง พิธีขึ้นครองบัลลังก์จึงดําเนินต่อไป”
หลิวฉิงพยักหน้า “ใช่แล้ว ข่าวลือในตลาดเป็นความจริง”
กงจื่อโยวขมวดคิ้วต่อเนื่อง “นี่มันรุนแรงเกินไปหน่อยไหม ต่อให้แย่งชิงอํานาจ ทําไมถึงฆ่าลูกหลานของราชวงศ์ให้สิ้นซากล่ะ นั่นก็เป็นญาติทางสายเลือดของพวกเขาหนา”
ไม่ใช่ว่าไม่มีบันทึกการเปลี่ยนแปลงในวังในหนังสือประวัติศาสตร์ แต่ไม่ว่าจะทะเยอทะยานแค่ไหน หน้าตาก็ยังต้องรักษา ผู้แย่งชิงส่วนใหญ่จะเลือกที่จะกดขี่ลูก ๆ ของจักรพรรดิที่ล้มล้างอํานาจเหนือศีรษะและใช้ความตายมาปราบปราม
หลิวฉิงกล่าวอย่างเย็นชา “บางครั้งคนกับสัตว์เดรัจฉานก็ไม่ต่างกัน ถ้าเพียงแค่ฆ่าก็ยังดี บางคนแม้แต่ญาติทางสายเลือดรุ่นเล็ก ๆ ก็ต้องป้ายอัปยศอดสูและมลทิน แถมยังโยนความผิดให้องครักษ์และกบฏด้วย”
ทันทีที่นางพูดคํานี้ออกมา กงจื่อโยวและคนอื่น ๆ ก็เข้าใจว่าความลำบากของเจ้าหญิงของราชวงศ์เหล่านั้นที่กลัวความตาย
อวิ๋นหลิงคาดเดาด้วยความลังเลว่า “อ๋องน้อยเห็นทุกอย่างด้วยตาของเขาเองและทิ้งบาดแผลทางจิตใจหรือ?”
หลิวฉิงพยักหน้าอีกครั้ง “สิ่งเหล่านี้เจ้าอ๋องบอกกับข้าด้วยปากของเขาเอง ตอนแรกเขาแค่อยากให้ข้าล้มเลิกที่อยากจะสังหารกู้จื่ออวี๋ เลยบอกความลับของราชวงศ์เหล่านี้ให้ข้าฟัง หวังว่าข้าจะเข้าใจความเห็นอกเห็นใจกู้จื่ออวี๋สักหน่อย”
ในตอนนั้นกู้ฉางเซินเองก็เป็นหนึ่งในความวุ่นวาย
ในเวลานั้นเขาอายุเพียงสิบหกปีเพิ่งประสบความสําเร็จในการฝึกฝนดาบและมีความสามารถ แต่ตอนที่ติดตามกองทัพของแม่ทัพฟงไป มันก็สายไปก้าวหนึ่ง
เขาเห็นจักรพรรดิและจักรพรรดินีกอดกันแน่นด้วยความรักและล้มลงบนเก้าอี้มังกรอย่างเงียบ ๆ ด้วยตาตัวเอง
บนร่างกายของทั้งสองคนมีลูกศรนับไม่ถ้วน รอยเลือดไหลลงเป็นทางจากเก้าอี้มังกรไปถึงเท้าของเขา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...
ขอบคุณน้าค้า ที่ลงทุกวันเลยสนุกมากค่ะ...