ไหนพี่สะใภ้สามบอกว่า แค่แสร้งทำเท่านั้น เสด็จปู่ไม่มีทางลงมือมิใช่หรือ
“ยังจะนิ่งอยู่ทำไม กระดกก้นของเข้าขึ้นมา ไม่เช่นนั้นจะให้ข้าตีเจ้าได้อย่างไร”
พระเจ้าหลวงเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ ยกไม้ขนไก่ขึ้นมา ตีไปที่ก้นของเยี่ยนอ๋องเสียงดังสองที
“เรื่องนี้เสด็จพ่อของเจ้าทำไม่ถูก แต่เจ้าก็ไม่รู้ความเอาซะเลย วิธีที่จะเอาเครื่องประดับกลับมามีตั้งมากมาย เจ้าไม่รู้จักคุยกับเสด็จพี่ของเจ้าเป็นการส่วนตัวหรือ ทำไมต้องถือสาเด็กคนหนึ่ง ต่อหน้าขันทีและนางกำนัลตั้งมากมาย โวยวายจนขายหน้ากันไปหมด นี่ไม่เท่ากับรนหาเรื่องหรอกหรือ”
เยี่ยนอ๋องร้องอย่างเจ็บปวดออกมาสองเสียง ลูบที่ก้นพลางแสยะยิ้มด้วยความเจ็บ ทำหน้าขรึมเม้มริมฝีปากเอาไว้
พระเจ้าหลวงเลิกคิ้วขึ้น เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ “ทำไม เจ้ายังรู้สึกน้อยใจอย่างนั้นหรือ”
เยี่ยนอ๋องรีบใช้ศิลปะการเปลี่ยนสีหน้าทันที ยิ้มพลางยกนิ้วโป้งขึ้นมา “ไม่ใช่แน่นอน หลานแค่รู้สึกว่าทรงอายุปูนนี้แล้ว ทำไมกำลังมือยังมีพลังมาก ช่างเป็นนักรบที่ทรงพลังสง่างามไม่น้อยไปกว่าตอนหนุ่มเลยจริงๆ”
พระเจ้าหลวงทำเสียงขึ้นจมูก ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาว่า “พูดมา นางหนูหลิงให้เจ้าใช้ไม้นี้ใช่หรือไม่”
“แค่กๆ......ทรง ทรงรู้ได้อย่างไร......”
“คนนิสัยหุนหันพลันแล่นอย่างเจ้า ถ้าหากสามารถคิดวิธีแสร้งทำมาเป็นเล่นละครต่อหน้าข้าละก็ คงช่วยเมียเจ้าเอาเครื่องประดับคืนมาได้อย่างราบรื่นตั้งนานแล้ว”
พระเจ้าหลวงกลอกตาให้เขา ทำท่าเหมือนรังเกียจเยี่ยนอ๋องมาก
“ไหนลองพูดมาซิว่าทำเช่นนั้นแล้ว หลังจากนี้เมียเจ้าจะเข้าหน้ากับซูโยวได้อย่างไร ทั้งสองคนเผชิญหน้ากันรู้สึกกระดากหรือไม่ ยังจะเพิ่มปัญหาให้นางอีก”
เยี่ยนอ๋องถูกด่าไปหนึ่งยก คอตกลงไปทันที ที่สุดก็รับรู้ถึงจุดที่ตนเองทำได้ไม่เหมาะสมแล้ว
พวกเขาสองสามีภรรยาเข้ากับเสด็จพี่ได้ดีมาก เจตนาเดิมคือไม่อยากจะให้ตี้หวู่เหยาต้องลำบากใจ แต่กลับทำเรื่องที่จะทำให้ภรรยาต้องรู้สึกเป็นทุกข์
พระเจ้าหลวงโยนไม้ขนไก่กลับไปยังอ้อมอกของเยี่ยนอ๋อง ถอนหายใจออกมา เอ่ยด้วยเสียงเคร่งขรึมว่า “เล่ามาให้ละเอียด ช่วงนี้พวกเจ้าอยู่กับสองแม่ลูกซูโยวเป็นอย่างไรบ้าง ถ้าหากนางหนูหลิงไม่มีแผนการในใจ ไม่มีทางยุยงให้เจ้ามาพบข้าแน่”
เรื่องขี้ฟ้องและร้องเรียน เยี่ยนอ๋องถนัดที่สุด รีบเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นออกมาจนหมด รวมไปถึงเรื่องครั้งที่แล้วที่พี่น้องถูกเรียกตัวเข้าวัง เปิดการประชุมครอบครัวราชวงศ์ด้วย
หลังจากนั้น เขาก็ถ่ายทอดสิ่งที่อวิ๋นหลิงฝากให้เขามาบอกกับพระเจ้าหลวง ด้วยคำพูดที่สละสลวย
“ที่จริงเสด็จพี่เป็นคนดีมาก......ทุกครั้งที่ไปตำหนักโยวซิน ล้วนดูแลข้าอย่างใส่ใจราวกับเด็กคนหนึ่ง เพียงแต่ต้องเข้าวังบ่อยๆ ก็รู้สึกเหนื่อยจริงๆ”
“เสี่ยวหนีชิวของพี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ใหญ่ก็เพิ่งจะมีอายุสิบเดือน เป็นช่วงเวลาที่ติดแม่ที่สุด ตอนนี้เป็นเดือนหกที่อากาศร้อน เกรงว่าเด็กจะตากแดดจึงไม่สามารถพามาด้วยได้ ข้าดูพี่สะใภ้ใหญ่เองก็ทุกข์ใจมาก แต่เป็นเรื่องที่เสด็จพ่อกำชับมาจึงไม่กล้าเอ่ยปาก”
“พี่สะใภ้สามยิ่งไม่ต้องพูดถึง ช่วงนี้นางไปอยู่เป็นเพื่อนเสด็จพี่กับโม่อี้ซือทุกเช้า ด้วยท้องที่ใหญ่โตขนาดนั้น ข้ายังเหนื่อยแทนนางเลย”
“ส่วนน้องห้ากับจื่อเถา ก็มัวแต่ยุ่งอยู่กับร้านรถไม้จนไม่มีเวลาว่าง ไปกลับเที่ยวหนึ่งก็ลำบากมาก”
พระเจ้าหลวงเอามือไขว้หลังฟังเรื่องทั้งหมด แววตาขรึมเคร่งลง
เขารู้ความจริงที่องค์หญิงอี๋อันกลับเมืองหลวงแล้ว ช่วงนี้อีกฝ่ายมักจะมาน้อมทักทายที่ตำหนักฉางหนิงอยู่บ่อยๆ แต่หลังจากที่เข้าสู่ชีวิตวัยเกษียณแล้ว น้อยมากที่จะเฝ้าสังเกตเรื่องในวังหลวง จึงเข้าใจสถานการณ์อย่างจำกัด
“เพิ่งจะอยู่อย่างสงบได้ไม่กี่เดือน เสด็จพ่อของเจ้าก็เริ่มก่อเรื่องแล้ว ถึงว่านางหนูหลิงให้เจ้ามาหาข้า......นางฉลาดมาก ถ้านางแอบมาหาข้าเพื่อฟ้องเรื่องนี้คงทำให้เสด็จพ่อของเจ้าไม่พอใจ จึงได้ใช้เจ้าเป็นเครื่องมือ และเจ้าก็เป็นคนโง่คนหนึ่ง มองอะไรไม่ออกเลย”
พระเจ้าหลวงไม่ได้นินทาอวิ๋นหลิง พูดจนจบประโยค เขาก็มองไปทางเยี่ยนอ๋องอย่างรังเกียจอีกครั้ง
เยี่ยนอ๋องจึงเข้าใจทุกอย่างขึ้นมาทันที ที่จริงพี่สะใภ้สามก็เหมือนกับทุกคน ไม่อยากจะไปวนเวียนอยู่ที่ตำหนักโยวซินทุกวัน แต่ก็ไม่อยากให้จักรพรรดิจาวเหรินหาเรื่อง
ตอนนี้เขากับอีกฝ่ายปะทะคารมกัน กลับถูกอวิ๋นหลิงเห็นหนทางแก้ปัญหาได้
เยี่ยนอ๋องคิดมาถึงตรงนี้ ก็ตบมือยินดีขึ้นมา “ฮ่าๆ พี่สะใภ้สามไม่เสียแรงที่เป็นพี่สะใภ้สามของข้า”
จักรพรรดิจาวเหรินเหลือบไปมองกระจกแบบตะวันตก บนกระจกที่สวยงามบานนั้น สะท้อนภาพอันน่าอนาถของเขาออกมา
รอยบวมที่มีขนาดใหญ่เกือบเท่าไข่ไก่ ภายใต้แสงแดดที่ส่องมาจากนอกหน้าต่าง เปล่งประกายขึ้นมา
เขาตบเข่าฉาดพลางกัดฟันพูดว่า “เป็นเพราะเมื่อก่อนข้าตามใจนางจนเหลิง ครั้งนี้ต้องลงโทษนางให้ได้ ถ้าหาไม่ลดขั้นนาง คงไม่มีทางเรียนรู้ที่จะเห็นข้าอยู่ในสายตา”
เห็นจักรพรรดิจาวเหรินโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ควันแทบออกหู ฝูกงกงรีบเอ่ยปลอบใจว่า
“ฝ่าบาทอย่าทรงกริ้ว พระสนมใจร้อนไปชั่วขณะ ทรงเองใช่ว่าจะไม่รู้ ในเรื่องที่เกี่ยวกับเยี่ยนอ๋อง พระสนมไม่เคยถอยเลยแม้แต่ครึ่งก้าวไม่ว่ากับใคร”
“ตอนที่พระสนมตั้งครรภ์เยี่ยนอ๋อง ได้รับความลำบากไม่น้อยเลย กระหม่อมจำได้ในปีนั้นตำหนักเว่ยยางเต็มไปด้วยกลิ่นยา ทำให้หลังจากนั้นอีกนานกลิ่นยาก็ยังไม่จางหาย.....เยี่ยนอ๋องคือชีวิตจิตใจของนาง ก็ไม่แปลกที่นางจะควบคุมสติไม่ได้ชั่วขณะ”
ที่จริงในใจของฝูกงกงรู้สึกว่า จักรพรรดิจาวเหรินรู้สึกผิดต่อองค์หญิงอี๋อันนั้นเป็นเรื่องปกติ แต่ไม่ว่าอย่างไรโม่อี้ซือก็เป็นแค่คนนอก
เยี่ยนอ๋องเป็นคนนิสัยใจร้อนทำอะไรมักขาดการยั้งคิด อีกฝ่ายสมควรได้รับการลงโทษ แต่ก็ลงโทษได้เพียงเพราะสาเหตุจากองค์หญิงอี๋อัน แต่ไม่ใช่เพราะโม่อี้ซือ
เพียงแต่ตอนนี้จักรพรรดิจาวเหรินกำลังโกรธ เรื่องนี้ไม่สามารถพูดให้ชัดเจนได้ ได้แต่ปลอบใจและชี้แนะ
ฝูกงกงติดตามอยู่ข้างกายจักรพรรดิจาวเหรินมาหลายปี ไม่ช้าก็พูดปลอบจนอารมณ์เขาสงบลงได้
จักรพรรดิจาวเหรินหวนนึกถึงอดีต แววตาสับสน ที่สุดก็เก็บคำพูดที่ว่าจะลดขั้นพระสนมหลี่กลับไป
“นอกจากข้าจะโกรธแล้ว ยิ่งรู้สึกคิดไม่ถึงมากกว่า......อาฝูเอ๋ย ข้าไม่เคยคิดเลยว่า จะมีวันที่นางถึงกับกล้าเอาดาบชี้มาที่ข้า”
น้ำเสียงของเขาแฝงความรู้สึกผิดหวังและเศร้าใจอย่างบอกไม่ถูก
ไม่นานมานี้ เสี้ยววินาทีที่นักฆ่าบุกเข้ามาจากทั่วทุกทิศ พระสนมหลี่เป็นคนเข้ามาขวางตรงหน้าเขาโดยไม่สนใจความปลอดภัยของตัวเอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
เติมเหรียญอย่างไร...
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...