ดูท่าทีคาดหวังด้วยความยินดีของอีกฝ่าย เซียวปี้เฉิงเอ่ยยิ้มว่า “แน่นอนอยู่แล้ว เหล้ามงคลของอู๋จีแก้วนี้ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ต้องไปดื่มแน่”
แต่เหล้าที่ดื่มไม่ใช่เหล้ามงคลของเขากับคุณหนูตระกูลลู่
“จะว่าไปแล้ว อีกสองปีอู๋จีก็จะจบการศึกษาจากสำนักศึกษาแล้ว ถึงเวลาต้องถูกส่งไปทำงานที่อื่นสามปี ตระกูลลู่ไม่ถือสาหรือ”
ท่านพ่อเฟิงยิ้มร่าพลางพูดว่า “อาลักษณ์ลู่เป็นคนเข้าใจเหตุผล ย่อมไม่ถือสาเรื่องเล็กแค่นี้ รออู๋จีแต่งงานช่วงสิ้นปีแล้ว ทั้งสองคนรีบมีลูกสักคนก็พอ สามปีจะบอกว่านานก็ไม่นานจะสั้นก็ไม่สั้น แค่ชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น กระหม่อมทำงานหนักอยู่ข้างนอกสิบกว่าปี ลูกของกระหม่อมก็เติบโตกันได้ปกติมิใช่หรือ”
สำหรับเรื่องการส่งไปทำงานต่างพื้นที่ ผู้อาวุโสของตระกูลเฟิงกับตระกูลลู่ต่างก็ยอมรับได้ มีเพียงคุณหนูลู่หยินซีที่ตำหนิเล็กๆน้อย
แต่ต่อหน้าเรื่องการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างตระกูลใหญ่ ความคิดเห็นของนางไม่ได้มีผลอันใดเลย
เฟิงอู๋จีที่อยู่ข้างๆได้ยินสิ่งที่ท่านพ่อพูด สีหน้ายิ่งดำคล้ำเข้าไปใหญ่
เขาเพิ่งจะกลับมาในช่วงปิดเทอม เพิ่งจะทำความเข้าใจได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ถูกจัดการทุกอย่างไว้อย่างชัดเจนแล้ว
“ท่านพ่อ ท่านก็จริงเชียว พูดเรื่องเหล่านี้ต่อหน้าองค์รัชทายาททำไมกัน ข้า......”
พูดได้เพียงครึ่งประโยค จู่ๆเฟิงอู๋จีก็มองเห็นเงาร่างที่คุ้นเคยสายหนึ่งอยู่ห่างออกไปหลายเมตร ร่างกายชะงักค้างไปทันที
หญิงสาวที่สวมชุดกระโปรงสีมรกตกำลังเดินเข้ามา มวยผมที่ดำขลับเสียบดอกไม้ประดับสีชมพูเอาไว้หนึ่งดอก ใบหน้าสวยงามภายใต้แสงแดดราวกับดอกบัวที่เบ่งบานในฤดูร้อน
บังเอิญพบเข้ากับพวกเฟิงอู๋จี หลี่เมิ่งชูได้ยินสิ่งที่ท่านพ่อเฟิงพูดอย่างชัดเจนทุกถ้อยคำ
นางชะงักฝีเท้า ย่อตัวคำนับ “ถวายบังคมองค์รัชทายาท คำนับท่านรองเสนาบดีกระทรวงเกษตร”
“คือ คือว่าเมิ่งชู......ทำไมเจ้าจึงมาอยู่ที่นี่”
เซียวปี้เฉิงนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ หัวใจกระตุกวูบ เอ่ยในใจว่าไม่ได้การแล้ว ทำไมจึงบังเอิญให้นางหนูคนนี้เห็นเข้าเสียแล้ว
“องค์รัชทายาท ศิษย์ออกมาซื้อของว่าง บังเอิญเห็นท่านกับใต้เท้ารองเสนาบดีที่นี่ จึงได้เดินมาคำนับเพคะ”
หลี่เมิ่งชูชี้ไปยังตะกร้าที่มีผ้าเช็ดหน้าคลุมอยู่ ข้างในเป็นของว่างที่นางเพิ่งจะไปซื้อมาจากถนนของกิน ให้พี่ชายกับน้องสาวของนาง
“ศิษย์ยังมีงานต้องทำ ไม่รบกวนการพูดคุยของท่านกับใต้เท้าเสนาบดีแล้ว”
จากนั้น นางก็คำนับและเดินจากไป เงาร่างหายไปในโรงยา
เดิมทีเซียวปี้เฉิงยังรู้สึกตื่นเต้นแทนเฟิงอู๋จีอยู่บ้าง แต่หลี่เมิ่งชูกลับไม่มีท่าทีตื่นตระหนกและลุกลี้ลุกลนที่ได้ยินเรื่องของชายคนรักจะแต่งงานกับหญิงอื่นเข้าโดยไม่ตั้งใจ สีหน้าเรียบเฉยจนน่ากลัว
เห็นทีระหว่างคู่รักคู่นี้จะมีปัญหาเสียแล้ว
เมื่อคิดโยงไปถึงท่าทีลับๆล่อๆของเฟิงอู๋จีก่อนหน้านี้ เขาก็มั่นใจขึ้นมาหลายส่วน
ท่านพ่อเฟิงก็เก็บสายตาที่มองร่างของหลี่เมิ่งชูกลับมา สำหรับสาวน้อยของตระกูลหลี่คนนี้ไม่เคยให้ความสนใจมากนัก
เหลือบมองสีหน้าที่ไม่น่าดูของลูกชาย เขายิ้มอย่างเข้าใจ “ฮ่าๆๆ......องค์รัชทายาท อู๋จีเป็นเด็กขี้อายมาแต่ไหนแต่ไร ดูซิพูดจนเขารู้สึกอายแล้ว กระหม่อมไม่พูดมากแล้วจะดีกว่า กระหม่อมยังมีธุระต้องกลับไปสะสางที่จวน ต้องขอตัวก่อน อู๋จีเจ้าปรนนิบัติองค์รัชทายาทให้ดี อย่าได้ขาดตกบกพร่องเด็ดขาด”
เขารู้ว่าตอนนี้เซียวปี้เฉิงให้ความสำคัญกับลูกชายมาก ด้วยเหตุนี้จึงไม่ได้ถามเขาว่าทำไมจึงมาเดินอยู่บนถนนคนเดียว จึงคิดแค่ว่ามีธุระมาหารัชทายาท
หลังจากที่ยืนมองท่านพ่อเฟิงขึ้นรถม้าจากไปแล้ว เฟิงอู๋จีจึงถอนหายใจยาวออกมา ใบหน้ามีแววกังวลหนักอึ้ง
เซียวปี้เฉิงดึงพัดที่เอวออกมา ใช้ด้ามพัดเคาะไปที่ไหล่ของเขา
“ตอนนี้เล่าความจริงออกมาให้หมด เจ้ากับนางหนูเมิ่งชูทะเลาะกันใช่หรือไม่ ดูท่าทีของนางเมื่อครู่ นางรู้เรื่องของเจ้ากับคุณหนูตระกูลลู่ตั้งแต่ต้นแล้วใช่หรือไม่”
เฟิงอู๋จีพยักหน้าด้วยความนิ่งเงียบ ลังเลอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเล่าสาเหตุของเรื่องออกมา
ที่แท้ท่านพ่อได้เอาใจใส่เรื่องการแต่งงานขอเขาตั้งนานแล้ว ก่อนหน้านี้ภายใต้การเชื่อมสัมพันธ์จากเสนาบดีซ้ายเฟิง ได้ตัดสินใจที่จะให้เขาแต่งงานกับคุณหนูเล็กของตระกูลลู่
เซียวปี้เฉิงยิ่งพูดก็ยิ่งรู้สึกโมโห กวาดตามองเขาด้วยสายตาเย็นชา น้ำเสียงเข้มงวด
“หลิงเอ๋อร์ไม่มีทางมองดูเมิ่งชูเสียเปรียบแน่ ถ้าหากเจ้าแสร้งทำตัวเป็นคนดีเช่นนี้ ก็ไม่เหมาะที่จะเป็นนักเรียนของสำนักศึกษาชิงอี้อีกต่อไป”
เฟิงอู๋จีอ้าปากค้าง คำพูดนับพันนับหมื่นในใจที่สุดก็กลั่นออกมาเป็นหนึ่งประโยค “องค์รัชทายาทใจเย็นๆ ศิษย์ผิดไปแล้ว เพียงแต่ข้าเองก็เพิ่งจะรู้ข่าวการแต่งงานก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่วัน ยังไม่ทันได้ตั้งตัว ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี......”
ได้ยินดังนั้น สีหน้าของเซียวปี้เฉิงก็ดีขึ้นมาไม่น้อย เมื่อคิดดูแล้วที่โมโหไปเมื่อครู่ก็ทำเกินไปอยู่บ้าง
เพราะเจ้าหมอนี่เป็นเด็กดีมาก จะเกิดความสับสนไปชั่วขณะก็พอเข้าใจได้
เขาตบไหล่ของเฟิงอู๋จี เอ่ยอย่างหวังดีว่า “หลิงเอ๋อร์เคยบอกไว้ การสื่อสารนั้นสำคัญมาก ระหว่างสามีภรรยาต้องเปิดใจกัน จึงจะไม่เกิดความเข้าใจผิด เจ้าต้องหาเวลาว่าง นัดเมิ่งชูออกไปดื่มชาที่”ร้านจิ่งชา” ขอโทษและยอมรับผิดกับนาง อย่าลืมเอาของขวัญไปง้อนางด้วย”
เฟิงอู๋จี “......”
เด็กมีความขมขื่นในใจ แต่พูดออกมาไม่ได้
ระหว่างสามีภรรยาอะไรกัน เขากับเมิ่งชูแม้แต่คู่ที่มีใจให้กันยังนับไม่ได้เลย.....
ตั้งแต่ครั้งที่แล้วถูกสองสามีภรรยารัชทายาทเข้าใจผิด ความสัมพันธ์ระหว่างเมิ่งชูกับเขาก็คลุมเครือไม่น้อย
ทั้งสองคนยังคงอยู่ร่วมกันปกติเหมือนเดิม แต่พวกเขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนได้ก้าวข้ามขอบเขตระหว่างหญิงชายทั่วไปแล้ว แต่กลับไม่มีใครยอมเอ่ยปากทำลายกำแพงบางๆที่กั้นอยู่เสียที
หลายวันมานี้ เฟิงอู๋จีครุ่นคิดทั้งวันทั้งคืนอยากจะอธิบายให้คนในใจฟัง แต่พอก้าวเท้าออกมากลับเกิดความรู้สึกกลัว
เมิ่งชูไม่เคยพูดชัดๆเลยว่าชอบเขา การกระทำเช่นนี้ของตนเอง จะไม่สมเหตุสมผลเกินไปหรือ
ถ้าหากเกิดเรื่องน่ากระดากใจอะไรขึ้นมาอีก ภายหน้าจะอยู่ร่วมกันอย่างสบายใจได้อย่างไร
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
เติมเหรียญอย่างไร...
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...