ตอนนี้เป็นช่วงปลายเดือนเจ็ด เป็นวันหยุดฤดูร้อนพอดี เมื่อเห็นเฟิงอู๋จีที่นี่ เซียวปี้เฉิงก็ไม่ได้รู้สึกประหลาดใจ
เขาเดินเข้าไปตบไหล่ของอีกฝ่าย จู่ๆก็ถามขึ้นมาว่า “อู๋จี ข้างนอกแดดแรงมาก เจ้าไม่เขาไปข้างในแต่เดินไปมาอยู่หน้าประตูทำไม”
เฟิงอู๋จีตกใจสะดุ้งโหยง ขนสันหลังลุกซู่ เขารีบยื่นคอเข้าไปดูภายในโรงยาอย่างตื่นตระหนกแวบหนึ่ง จากนั้นก็รีบพาเซียวปี้เฉิงเดินไปยังใต้ร่มไม้ที่อยู่ห่างออกไปสิบกว่าเมตร
“องค์รัชทายาท ท่านเบาเสียงหน่อย”
เซียวปี้เฉิงรู้สึกมึนงงไม่เข้าใจสถานการณ์ ถามอย่างสงสัยว่า “เจ้าทำท่ากินปูนร้อนท้องทำไมกัน”
ร่างของเฟิงอู๋จีชะงักค้างไปชั่วครู่ กระแอมเบาๆก่อนจะอธิบายว่า “คืออย่างนี้พ่ะย่ะค่ะองค์รัชทายาท ข้ามาส่งคู่มือการรับสมัครให้กับหยวนเส้า......พอดีข้ามีธุระด่วนกะทันหัน รบกวนท่านช่วยส่งต่อให้เขาด้วย”
ว่าแล้ว เขาก็ยื่นสมุดบางๆเล่มหนึ่งให้เซียวปี้เฉิง หมุนตัวคิดจะจากไป
เซียวปี้เฉิงหรี่ตาลง คว้าไหล่ของเฟิงอู๋จีเอาไว้ด้วยความตาไวมือเร็ว
“เจ้ามีธุระด่วนอะไร เมื่อครู่ตอนที่ข้านั่งอยู่บนสามล้อไม้ เห็นเจ้าเดินไปเดินมาอยู่หน้าประตูตั้งแต่ไกลๆแล้ว ถ้ามีธุระด่วนทำไมยังอ้อยอิ่งอยู่ที่นี่ แล้วทำไมไม่ให้คนรับใช้ส่งของมา”
ใบหน้าของเฟิงอู๋จีแดงขึ้นมาเล็กน้อย พูดไม่ออกไปชั่วขณะ
เซียวปี้เฉิงจับโกหกเขาได้ในทันที เพราะอีกฝ่ายไม่ถนัดเรื่องนี้เลย
“ทำไมเจ้าต้องทำตัวลับๆล่อๆเช่นนี้ด้วย รีบพูดความจริงมาให้หมด”
เฟิงอู๋จีใบหน้าแข็งทื่อ กำลังปวดหัวอยู่ว่าจะอธิบายอย่างไรดี ก็เห็นรถม้าที่คุ้นตาคันหนึ่งขับผ่านมา ในใจแอบสบถว่าซวยแล้ว รีบหันหลังกลับไปทันที
แต่ก็สายไปแล้ว ม่านของรถม้าถูกลมกระพือจนเลิกขึ้น หลังจากที่ชายวัยกลางคนที่สวมชุดขุนนางเห็นเขากับเซียวปี้เฉิง ดวงตาก็เป็นประกายขึ้นมาทันที
ไม่ช้า รถม้าก็หยุดลงที่ข้างถนน
ชายวัยกลางคนที่สวมชุดขุนนางคนหนึ่งเดินลงมาจากรถม้า เขาคือพ่อของเฟิงอู๋จี
เขากล่าวคำนับ “องค์รัชทายาททรงพระเจริญ คิดไม่ถึงว่าจะเจอกันที่นี่ ช่างบังเอิญจริงๆ”
เซียวปี้เฉิงพยักหน้าเบาๆ ทำท่าประคองลม “ที่แท้ก็เป็นรองเสนาบดีกระทรวงเกษตรนี่เอง”
ท่านพ่อเฟิงก่อนหน้านี้เป็นขุนนางบุ๋นอยู่นอกเมืองหลวง วิ่งทำงานไปทั่วแคว้นต้าโจวเป็นเวลาสิบกว่าปี ปีที่แล้วหลังจากเรื่องที่สองแม่ลูกเฟิงเหยียนปฏิบัติต่อเฟิงอู๋จีอย่างใจร้ายใจดำถูกเปิดเผย เขาจึงยื่นเรื่องต่อราชสำนักโยกย้ายตำแหน่ง
โดยคำนึงถึงผลงานทางการเมืองของเขา สุดท้ายจักรพรรดิจาวเหรินก็ย้ายเขาไปทำงานที่กระทรวงเกษตร ตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่สี่
แคว้นต้าโจวนอกจากหกกรมแล้วยังมีเก้ากระทรวง หน้าที่หลักของกระทรวงเกษตรคือกำกับดูแลเรื่องที่เกี่ยวกับคลังเสบียงหลวง หน้าที่ของท่านพ่อเฟิงในตอนนี้ก็เทียบได้กับเป็นนักบัญชีและผู้รับจ่ายเงิน
แม้ว่าเขาจะเป็นคนซื่อและจริงใจ แต่ก็ทำบัญชีได้โปร่งใสชัดเจน เฟิงอู๋จีน่าจะได้รับสืบทอดจุดเด่นนี้มาจากเขา
เซียวปี้เฉิงเห็นเขายังคงสวมชุดขุนนางอยู่ ก็เอ่ยถามขึ้นว่า “เลิกประชุมตั้งนานแล้ว รองเสนาบดีเฟิงทำไมยังไม่กลับไปพักผ่อนที่จวน กินอาหารเที่ยงแล้วหรือยัง”
“ขอบคุณความห่วงใยขององค์รัชทายาท เมื่อครู่ตอนที่กระหม่อมไปเอาเสื้อในร้านเสื้อ ได้กินบะหมี่เรียบร้อยแล้ว”
เซียวปี้เฉิงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “ทำไมท่านรองเสนาบดีต้องไปรับเสื้อผ้าที่ร้านด้วยตนเองเล่า”
เรื่องเหล่านี้ปกติแล้วจะมอบให้ผู้ดูแลในจวนเป็นคนจัดการมิใช่หรือ
ได้ยินดังนั้น ท่านพ่อเฟิงก็กวาดตามองเฟิงอู๋จีแวบหนึ่ง ยิ้มอย่างเขินอายก่อนจะพูดว่า “เรียนองค์รัชทายาท เสื้อผ้าชุดนี้กระหม่อมได้สั่งตัดขึ้นเป็นพิเศษเพื่อลูกชายจาก “ถนนทอผ้า” นึกขึ้นได้ว่าวันนี้เป็นวันที่ต้องรับมอบเสื้อผ้า จึงได้ไปเอากลับมาด้วย”
“ถนนทอผ้า”เป็นร้านของสองสามีภรรยาหลงเย่กับกงจื่อโยว ตั้งแต่เปิดร้านมา ก็อาศัยฝีมือการตัดเย็บระดับสูงที่ประณีตและการออกแบบที่แปลกใหม่ กลายเป็นที่นิยมของผู้คนในเมืองหลวงไม่ว่าจะเป็นชายหญิงคนแก่หรือเด็กไปในชั่วพริบตา
เขาเหลือบไปมองเฟิงอู๋จีแวบหนึ่ง เห็นเจ้าหมอนี่สีหน้าซีดลงเล็กน้อย เม้มริมฝีปากไว้แน่นไม่พูดจา ใบหน้าที่ตึงแน่นมองไม่เห็นอารมณ์ใดๆ
ฟังคำบอกเล่าของท่านพ่อเฟิง การแต่งงานครั้งนี้ท่านเสนาบดีซ้ายเฟิงเป็นคนประสานให้เกิดขึ้น
เซียวปี้เฉิงครุ่นคิด เอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “ท่านรองเสนาบดี ตระกูลลู่ที่ท่านพูดถึงใช่คนที่อยู่กรมคลังใช่หรือไม่”
“ถูกต้อง เป็นหลานสาวคนเล็กของใต้เท้าลู่”
อีกฝ่ายปีนี้อายุสิบเจ็ดแล้ว เป็นช่วงอายุที่เหมาะสมแก่การแต่งงานพอดี
เซียวปี้เฉิงแอบด่าในใจ เสนาบดีซ้ายเฟิงจิ้งจอกเฒ่าผู้โชคร้าย คู่หมั้นคู่หมายจะเลือกใครก็ได้ แต่ดันไปเลือกตระกูลลู่แห่งกรมคลัง
เมื่อก่อนตาแก่คนนี้โอ้อวดว่าตระกูลเฟิงเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงมายาวนาน ไม่มีทางชื่นชอบตระกูลลู่ที่มีชาติกำเนิดจากการเป็นพ่อค้า และทำให้ตระกูลรุ่งเรืองขึ้นมาได้ในภายหลัง เขารังเกียจที่คนอื่นเต็มไปด้วยกลิ่นเงินทองแดง ปฏิบัติต่ออาลักษณ์ลู่ด้วยความเย็นชาเสมอมา คิดจะให้ลูกสาวในตระกูลแต่งงานกับราชวงศ์เท่านั้น
ตอนนี้ตระกูลเฟิงเสื่อมอำนาจลง ถึงกับเปลี่ยนความคิดที่จะแต่งงานเพื่อเชื่อมสัมพันธ์ซะแล้ว
ให้คุณหนูที่เกิดจากภรรยาเอกในตระกูลลู่แต่งงานกับลูกชายของอนุภรรยาของตระกูลเฟิง ก็ไม่รู้ว่าใครหวังสูงกันแน่ แต่ที่สามารถแน่ใจได้เลยก็คือ เสนาบดีขวาเฟิงถูกใจในชื่อเสียงที่ดีและอำนาจทางการเงินของตระกูลลู่
เรื่องราวของเสี่ยวเฟิงกับเฟิงจิ่นเฉิง ทำให้ชื่อเสียงของตระกูลเฟิงเสียหายอย่างรุนแรง ตอนนี้จิ้งจอกเฒ่ากำลังร้อนใจที่จะล้างมลทินและเรียกคืนชื่อเสียงที่ดีกลับมา
อีกทั้งตระกูลลู่เป็นผู้กำกับดูแลกรมคลัง ท่านพ่อเฟิงก็เป็นรองเสนาบดีกระทรวงเกษตร อำนาจและหน้าที่การงานก็ทับซ้อนกัน ถ้าแต่งงานกับตระกูลลู่ สามารถสนับสนุนพ่อลูกเฟิงอู๋จีได้อย่างดีแน่นอน
แต่ว่า......ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าคดีใหญ่มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลลู่
ถ้าหากหลังจากนี้ถูกตรวจสอบจนพบความไม่ชอบมาพากล ไม่เท่ากับเป็นการผลักเฟิงอู๋จีที่เป็นเด็กดวงซวยเข้าไปในสถานการณ์เลวร้ายหรอกหรือ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
เติมเหรียญอย่างไร...
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...