แสงจันทราประดับท้องนภา สายลมพัดผ่านมาพร้อมกับเสียงจักจั่น
ภายในโรงยาโหยวเจียน เฟิงอู๋จีเปลี่ยนอาภรณ์เสร็จสรรพ ก็เดินเก้อเขินออกจากฉากกั้นลม
“แค่ก...รัชทายาท ลูกศิษย์เปลี่ยนเสื้อเสร็จแล้ว”
เซียวปี้เฉิงเงยหน้ามอง เกือบจะกลั้นหัวเราะไม่ไหว
เมื่อเห็นเฟิงอู๋จีใส่เสื้อสตรีวัยกลางคนผ้าหยาบ ปักผมด้วยปิ่นปักผมหลวมๆ ยืนเก้งก้างแล้วมองเขา
“ปลอมตัวได้เหมือนมาก”
เซียวปี้เฉิงโยนถุงใส่เลือดสองอันให้เฟิงอู๋จี แล้วชี้ไปยังหน้าอกทั้งสองข้าง
“อันนี้เป็นถุงเลือด เจ้ายัดใส่หน้าอก เดี๋ยวถ้ามีผู้ร้ายมาลอบสังหาร เจ้าก็ทิ่มให้เลือดไหล สร้างฉากแสร้งตาย”
เฟิงอู๋จียัดใส่เสื้ออย่างเชื่อฟัง หางตาอดมองตัวเองในกระจกคันฉ่องไม่ได้ เสื้อนูนขึ้น หากมองประเมินด้วยสายตาน่าจะใหญ่กว่าของเมิ่งชูสองเท่า
หลังเตรียมทุกอย่างเรียบร้อย เขาก็นอนบนเปลหามผู้ป่วย ปล่อยให้ทหารใช้ผ้าห่มตัวบางคลุมตัว
เมื่อเฟิงอู๋จีมองอะไรไม่เห็นก็เริ่มกลัว
“รัชทายาท กระหม่อมใส่เพียงเสื้อเกาะ ควรสวมหมวกกันภัยด้วยหรือไม่?”
เดิมทีคิดว่ารัชทายาทจะรับประกันว่าเขาจะไม่เป็นอะไรแน่นอน ต้องเตรียมการอย่างรัดกุมแน่ ไหนเลยจะคิดว่าจะให้แค่เกราะไหมทองสีซีด...ดูแล้วเป็นของเก่าที่เก็บอยู่ในหีบมาหลายปี
หากมือสังหารมา คงต้องใช้อาวุธลับไม่ก็ธนูแน่นอน แล้วศีรษะของเขาไร้การปกป้อง จะไม่ให้กังวลใจได้อย่างไร
ใช่ว่าเขาจะเป็นคนขี้ขลาด แต่เขาเพิ่งสารภาพรักกับหญิงในดวงใจ ไม่อยากซวย ต้องอำลาจากโลกในวัยหนุ่ม
ทว่ากลับได้ยินเซียวปี้เฉิงพูดอย่างมีแผนในใจว่า
“วางใจเถอะ ข้าอยู่ทั้งคน เจ้าไม่ตายหรอก เสื้อเกราะไหมทองอันนี้เป็นของล้ำค่าที่ข้าเก็บไว้อย่างดี ตัวนี้ช่วยให้ข้ารอดชีวิตในสนามรบมาหลายครั้งแล้ว หวงแหนมาก ปกติไม่ค่อยเอาออกมาใส่หรอก ครั้งนี้เอาให้เจ้าโดยเฉพาะ เจ้าควรรู้จักพอแล้ว”
เฟิงอู๋จี “...”
ดังคาด เป็นของล้ำค่าที่เก็บไว้แต่ในหีบ มิน่าล่ะสีถึงซีด
โชคดีเขากลัวเมิ่งชูเป็นห่วง ไม่ได้บอกเรื่องนี้กับนาง ทว่าในเมื่อรัชทายาทพูดเยี่ยงนี้แล้ว คงไม่มีปัญหาใหญ่อะไร
เฟิงอู๋จีสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แสร้งปลอมตัวเป็นสตรีบาดเจ็บอย่างอดทน ไม่นานทหารก็ยกเปลหามขึ้น ยกเขาออกจากโรงหมอ
บนท้องถนนยาวในคืนเงียบงัน เยี่ยเจ๋อเฟิงควบอาชาแกร่งนำทาง ด้านหลังมีทหารล้อมรอบเปลหามผู้ป่วย
เซียวปี้เฉิงซ่อนตัวอยู่ในรถม้าด้านหลัง โดยมีระยะห่างสิบกว่าเมตร เขากำลังหลับตาทำสมาธิ ใช้พลังจิตสำรวจบริเวณรอบ ๆ ทุกอย่างอยู่ในการควบคุมของเขา
พลังจิตของเขาแข็งแกร่งขึ้นเยอะ สองปีมานี้ว่างๆก็จะแอบฟังความลับผู้อื่น การตรวจสอบด้วยเรดาร์ของพลังจิตฝึกจนช่ำชอง
ไม่พลาดกระทั่งการเคลื่อนไหวของหนู
ไม่นาน ผ่านไปไม่ถึงสองถ้วยน้ำชา ด้านข้างตรอกเปลี่ยวก็สัมผัสถึงลมหายใจของคนสี่ถึงห้าคนบนหลังคารอบๆ
น่าจะเป็นมือสังหารที่ดักซุ่มอยู่
ไม่นานด้านหน้าก็เกิดเสียงม้าตื่นตระหนก
“มีมือสังหาร คุ้มกันให้ดี”
เยี่ยเจ๋อเฟิงหน้าเปลี่ยนสี ตะคอกเสียงดุ ชักกระบี่เตรียมต่อสู้
ลูกธนูแหวกกลางอากาศ พุ่งมาโจมตีเปลหาม ถึงแม้ทหารด้านข้างจะใส่เสื้อเกราะ ทว่าไม่มีโล่ จึงรับมืออย่างลนลาน
“ทหารด้านซ้ายดึงธนูยิงกลับ ทหารแถวขวาปกป้องนักโทษ”
ท่ามกลางเสียงปะทะของดาบและธนู เฟิงอู๋จีนอนไม่ขยับกายบนเปลหามผู้ป่วย รู้สึกว่ามีลูกธนูพุ่งเข้าใส่หลายดอก
ถึงแม้บนตัวจะใส่เกราะไหมทอง ทว่าแรงจู่โจมนี้ทำให้เขาเสียวสันหลัง เจ็บตรงหน้าอก
“เรียนคุณชายใหญ่ ภารกิจครั้งนี้สูญเสียไปหนึ่งคนขอรับ”
คุณชายเสื้อเขียวไม่ได้เกรี้ยวกราด ถามว่า “แน่ใจหรือเปล่าว่าเขาตายสนิทแล้ว?”
หน่วยกล้าตายลังเล “เอ่อ...พวกข้าน้อยรีบถอย ไม่ได้ไปตรวจสอบ แต่เขาโดนยิงที่หน้าอกแล้วก็ไม่ส่งเสียงและไม่ขยับตัวเลย น่าจะตายทันทีแล้วขอรับ”
หน่วยกล้าตายไม่เหมือนคนทั่วไป แม้จะบาดเจ็บสาหัส ขอเพียงยังมีลมหายใจก็จะสามารถควบคุมสติได้
คุณชายเสื้อเขียวพยักหน้าเล็กน้อย “ครั้งนี้ไม่เป็นไร ถ้ามีอีกจะลงโทษ จำไว้ให้ดี หากเจอแบบนี้อีกให้ตัดรากถอนโคน อย่าทิ้งร่องรอยไว้แม้แต่นิดเดียว”
การจะสร้างหน่วยกล้าตายขึ้นมาได้นั้นจำเป็นต้องใช้เวลาและเงินทอง ทว่าหากช่วยไม่ได้ก็จะต้องสังหารเองกับมือ จะปล่อยให้ศัตรูเอาไปเป็นเชลยไม่ได้
“ข้าน้อยจะจดจำคำสอนของคุณชายใหญ่ขอรับ”
คุณชายเสื้อเขียวจิบน้ำชาพร้อมกับโบกมือ “ถอยไปได้ ถ้าส่งสารให้ตระกูลลู่เสร็จก็ไปจับตามองตระกูลหลิ่ว ดูว่าแต่ละวันนางไปไหน ทำอะไรบ้าง ต้องรายงานข้าทุกรายละเอียด”
หน่วยกล้าตายกำหมัดรับคำสั่ง รู้ว่าคุณชายใหญ่กำลังพูดถึงสตรีลูกอนุแห่งตระกูลหลิ่วที่เลอโฉม
หลังจากที่ลูกน้องไปแล้ว คุณชายเสื้อเขียวก็ค่อยลุกขึ้น พูดเองเออเองว่า
“ผิดไปเพียงก้าวเดียวก็ทำให้ตำหนักบูรพาสงสัยแล้ว สองผัวเมียคู่นี้ทำให้ปวดหัวยิ่งนัก สถานการณ์ไม่สู้ดีนัก...ช่างเถอะ เลื่อนการสู่ขอไปครึ่งปีแล้วกัน”
สิ้นเสียงคุณชายเสื้อเขียวก็หมุนพัดในมือ เดินชื่นชมภาพวาดสตรีที่แปะบนผนังรอบ ๆ
ถ้าอวิ๋นหลิงอยู่ที่นี่ก็จะเห็นว่าสตรีในทุกภาพวาดล้วนเป็นศิษย์โปรดของนาง
นัยน์ตาคุณชายเสื้อเขียวเผยแรงปรารถนาที่อยากได้มาครอบครอง
“ชิงเยี่ยนเอย ชิงเยี่ยนเอย ถึงเจ้าจะหลบเข้าสำนักศึกษาชิงอี้ก็เปล่าประโยชน์”
ต้องเป็นวัตถุในมือเขาสักวันอยู่แล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
เติมเหรียญอย่างไร...
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...