เสนาบดีซ้ายเฟิงคิดไม่ถึงว่าเมื่อครู่ตนเองยังหัวเราะเยาะเสนาบดีขวาหลี่อยู่ หันมาอีกทีก็ถูกฉีกตบหน้าเสียแล้ว
เมื่อเทียบกับเรื่องอัปยศอดสูที่เฟิงอู๋จีทำ หลี่หยวนเส้าก็แค่ต่อปากต่อคำกับท่านปู่เท่านั้นเอง ไม่ถือเป็นเรื่องใหญ่
ทีนี้ถึงตาเสนาบดีซ้ายหลี่หัวเราะงอหาย
“โฮ่ๆๆ ช่างเหมือนกันจริงๆ ตาเฒ่าเฟิงหลานชายคนโตที่เจ้าฝากความหวังอันสูงส่งเอาไว้ก็ไม่เลวนี่นา หยวนเส้ายังเทียบเขาไม่ได้เลย ลูกไม้ช่างหล่นไม่ไกลต้นจริงๆ”
เขาโต้กลับด้วยน้ำเสียงเหน็บแนมเช่นกัน ยังไม่ลืมที่จะเน้นย้ำไปยังจุดเจ็บของเสนาบดีซ้ายเฟิง
ต้องรู้ว่าพ่อของเฟิงอู๋จีในตอนนั้น เพื่อที่จะได้แต่งงานกับหญิงในหอนางโลม ไม่ลังเลเลยที่จะทะเลาะกับเขาต่อหน้าคนภายนอก
และนี่ก็เป็นเหตุที่ทำให้เสนาบดีซ้ายเฟิงโกรธจนเพิกเฉยต่อลูกชายอย่างท่านพ่อเฟิงในเวลาต่อมา ไม่ได้ให้ความช่วยเหลือในเส้นทางขุนนางของเขาเป็นพิเศษ
ยากมากที่หลานชายของเขาคนนี้จะดูมีความมุมานะอยู่บ้าง คิดไม่ถึงว่าเมื่อเทียบกับพ่อของเขาแล้ว ไม่มีอะไรที่สู้ไม่ได้เลย
“อย่างน้อยเฟิงอู๋จีก็เรียกข้าว่าท่านปู่ เจ้าแม้แต่หลานคนโตก็ไม่มีแล้ว เอาอะไรมาอวดดีกับข้านักเชียว”
เสนาบดีซ้ายเฟิงที่ไฟโทสะสุมทรวงไร้ที่ระบาย หันไปทะเลาะกับเสนาบดีขวาหลี่จนใบหน้าแดงก่ำ จากนั้นก็” ผูกมิตรด้วยกำลัง”อีกครั้ง
คนในโรงยารีบมาห้าม แยกตาแก่ทั้งสองออกจากกัน
หลังจากห้ามเสร็จแล้ว หลี่หยวนเส้าและท่านพ่อเฟิงก็ผลัดกันออกโรง คนที่เยาะเย้ยก็เยาะเย้ย คนที่เกลี้ยกล่อมก็เกลี้ยกล่อม
และวนเวียนอยู่ในเหตุการณ์เช่นนี้ไม่สิ้นสุด
หลังจากผ่านไปหลายวัน ตาแก่ทั้งสองก็ไร้เรี่ยวแรงจะทะเลาะกันแล้ว
ในลานเล็กๆ ทั้งสองคนนอนเคียงกันอยู่บนเก้าอี้หวาย มองดูเมฆขาวบนท้องฟ้าด้วยแววตาเศร้าสร้อย ใบหน้าเต็มไปด้วยแววแห่งการปลงตกจนใจแก่ไปแล้ว
“มองไม่เห็นอนาคตแล้ว เลี้ยงลูกมาโตป่านนี้ก็ไม่เชื่อฟัง มีประโยชน์อะไร”
“หมดหวังแล้ว เลี้ยงดูให้โตมาอย่างยากลำบาก ก็ไม่สำนึกบุญคุณกันอยู่ดี”
“มนุษย์โลกก็เป็นเช่นนี้เอง”
“เกิดเป็นคนในชาตินี้ไม่คุ้มค่าเลย”
ทั้งสองสบตากัน มีความรู้สึกเห็นอกเห็นใจคนที่ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันขึ้นมาหลายส่วน
ไม่ช้าก็รีบเบือนหน้าหนี จากนั้นก็ตะโกนขึ้นมาพร้อมกันว่า
“ไม่ว่าจะอย่างไร ข้าต้องมีอายุยืนยาวกว่าตาแก่อย่างเจ้าแน่ๆ”
เวลานี้เองเด็กในโรงยาเข้ามารายงานอย่างรีบร้อนว่า “ท่านเสนาบดีทั้งสอง กองบรรณาธิการของมีเงินเอาแต่ใจมาถึงแล้ว บอกว่าอยากจะสัมภาษณ์ทั้งสองท่านเรื่องวันวานแห่งมิตรภาพ”
เพราะหนังสือพิมพ์ฉบับที่แล้วได้รับความสนใจมาก ประชาชนต่างก็วิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้ และรู้สึกตื่นเต้นต่อเรื่องการแต่งงานของสองตระกูล
ดังนั้นหลังจากที่สำนักพิมพ์หารือกันแล้ว ตัดสินใจอาศัยจังหวะที่เรื่องยังคงมีความร้อนแรง ทำการสัมภาษณ์เจ้าของเรื่องทั้งสองคนอีกครั้ง เพื่อเป็นเนื้อหาในหนังสือพิมพ์ที่จะตีพิมพ์ในฉบับต่อไป
เสนาบดีซ้ายเฟิงสีหน้าเปลี่ยนไปทันที “ไม่พบพวกเขาได้หรือไม่”
เด็กในโรงยาลังเลก่อนจะตอบว่า “แต่กองบรรณาธิการถูกใต้เท้ารองเสนาบดีเชิญมาเป็นกรณีพิเศษ”
เสนาบดีซ้ายเฟิง “......”
ลูกอกตัญญู อกตัญญูจริงๆ
เสนาบดีขวาหลี่ก็ทำหน้าเหมือนท้องผูก เอ่ยพึมพำว่า “หลบไม่พ้นก็เผชิญหน้าเถอะ แต่ข้าจะขอเตือนตาแก่หนังเหนียวอย่างเจ้าไว้นะ อย่าพูดอะไรที่ไม่ควรพูดต่อหน้าคนกลุ่มนั้น”
เด็กในโรงยาเห็นทั้งสองคนเห็นด้วยแล้ว ก็รีบไปเชิญกองบรรณาธิการเข้ามา หลังจากที่กองบรรณาธิการมาถึงแล้ว
ก็พบว่าสองเสนาบดีซ้ายขวากำลังนั่งรับลมอยู่ในลานบ้าน โต๊ะที่วางอยู่ตรงกลางมีน้ำชาของว่างและกระดานหมากรุกวางอยู่ ดูมีความสุขกันดี
เป็นหมากัดไม่เห่าจริงๆ
“เครือข่ายความสัมพันธ์ของตระกูลยินและตระกูลลู่ได้ครอบคลุมไปทั่วทั้งราชสำนักตั้งแต่บนลงล่าง โชคดีที่พวกเรามีพลังของสำนักทิงเสวี่ยคอยช่วยเหลือ มิเช่นนั้นหากใช้สายลับของราชสำนัก ต้องถูกพวกเขาป้องกันอย่างเข้มงวดแน่”
เซียวปี้เฉิงกระทั่งสงสัยว่า หลายปีมานี้ท้องพระคลังของแคว้นต้าโจวยากจนมาก ล้วนถูกคนกลุ่มนี้แอบยักยอกไปหมด
ยิ่งเขาทำความเข้าใจมากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งค้นพบว่าสระน้ำนี้ลึกกว่าที่คิดเอาไว้
เฟิงอู๋จีเป็นตัวเลือกที่ตำหนักบูรพาจะทำการสนับสนุน ไม่สามารถเข้าไปเกี่ยวพันแปดเปื้อนอย่างเด็ดขาด ดังนั้นเมื่อวานเขาจึงแอบเป็นคนกลางติดต่อให้ท่านพ่อเฟิงกับสำนักพิมพ์มีเงินเอาแต่ใจพบกันเป็นการเฉพาะ
ดึงดันจะคอยผลักดันอยู่เบื้องหลัง ทำให้การแต่งงานระหว่างตระกูลเฟิงและตระกูลหลี่เป็นเรื่องแน่นอนไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
ไม่ว่าจะตระกูลเฟิงหรือตระกูลหลี่ ตอนนี้ต่างก็ไม่เหมือนเมื่อก่อน
เมื่อก่อนเขามักจะรู้สึกว่าทั้งสองตระกูลเกะกะไม่เข้าตา แต่ตอนนี้กลับต้องการให้พวกเขาร่วมมือกัน ตัดขาดเครือข่ายเหล่านั้น
อวิ๋นหลิงเก็บรอยยิ้ม เอ่ยอย่างจริงจังว่า “แต่ถ้าเอะอะขึ้นมา เดิมทีเรื่องการแต่งงานของเฟิงอู๋จีก็ล้มเลิกไปแล้ว ตระกูลลู่เองก็รู้ว่าพวกเราขัดขวางอยู่เบื้องหลัง ด้วยความเจ้าเล่ห์และความรู้สึกไวของพวกเขา ต้องรู้ตัวแน่ว่าพวกเราได้จับตาดูพวกเขาอยู่”
เซียวปีเฉิงขมวดคิ้ว พยักหน้าเบาๆ “ถูกต้อง หลายวันมานี้อาลักษณ์ลู่ไปมาหาสู่กับข้าบ่อยมาก ข้าจับสังเกตได้ว่าตาแก่คนนี้กำลังหยั่งเชิง”
แต่ไม่รู้ว่า ตระกูลยินและตระกูลลู่จะมาไม้ไหน
ในราชสำนักภายนอกยังคงดูปรองดองกันดี แต่ข่าวลือต่างๆในเมืองหลวง ยิ่งอยู่ก็ยิ่งร้อนแรงมากขึ้น
หลังจากที่หนังสือพิมพ์ประชาชนฉบับที่สามถูกตีพิมพ์และจำหน่าย ประชาชนในเมืองหลวงกำลังพูดถึงเรื่องของเสนาบดีซ้ายขวาอย่างสนุกปาก ก็มีข่าวลือแพร่กระจายออกมาอย่างเงียบๆ
“เจ้าได้ยินหรือยัง พระชายารัชทายาทตั้งท้องปีศาจ อายุครรภ์สิบเอ็ดเดือนแล้วยังไม่คลอดเสียที”
“ซี้ด......แต่พระชายารัชทายาทเป็นเทพธิดาไม่ใช่หรือ”
“ได้ยินว่าถูกปีศาจจู่โจม ครรภ์นี้ไม่เป็นมงคล คลอดออกมาต้องเป็นลูกที่นำหายนะมาแน่”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
ทำไมซื้อตอนไม่ได้คะ...
เติมเหรียญอย่างไร...
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......