เข้าสู่ระบบผ่าน

พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 839

ยังไม่ทันที่เฟิงอู๋จีจะได้สติกลับมา คนของกองบรรณาธิการก็ออกไปกันหมดแล้ว

เขาเช็ดเหงื่อบางๆที่ผุดขึ้นมาบนหน้าผากเพราะการพูดโกหกและตื่นเต้น รู้สึกโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง จากนั้นก็จ่ายเงินค่าน้ำชา

ไม่ว่าอย่างไร ก็ถือว่ารับมือให้ผ่านพ้นไปแล้ว

ไม่ช้าเรื่องการแต่งงานของเขากับเมิ่งชูจะถูกประกาศในหนังสือพิมพ์ ถึงตอนนั้นท่านปู่จะคัดค้านอย่างไร ก็ไม่มีทางวิ่งไปอาละวาดที่สำนักพิมพ์ เพราะคนอย่างเขารักศักดิ์ศรียิ่งกว่าอะไร

เฟิงอู๋จีคิดถึงตรงนี้ ฝีเท้าที่เดินกลับโรงยาก็ผ่อนคลายลงไปมาก

ในยามเย็นที่พระอาทิตย์กำลังจะหายลับไปหลังภูเขา พระจันทร์เปล่งแสงเงินที่ปลายขอบฟ้าเลือนรางอยู่ท่ามกลางเมฆหมอก

เขาเดินกลับมาถึงลานด้านหลังของโรงยาท่ามกลางเสียงร้องของแมลงและกบ ระหว่างที่เดินผ่านมุมหนึ่ง ความรู้สึกที่ไวรับรู้ได้ถึงแรงลมสายหนึ่งที่กำลังพัดเข้ามาหาตนเองอย่างรวดเร็ว

“ใคร”

เฟิงอู๋จีสีหน้าหวาดระแวง ทำท่าปัดป้องหมัดที่โจมตีเข้ามาอย่างกะทันหันด้วยความคล่องแคล่วว่องไว จากนั้นก็จับสองแขนของอีกฝ่ายเอาไว้ และทุ่มอีกฝ่ายลงไปอย่างแรง

ในคาบเรียนพลศึกษาของสำนักศึกษาชิงอี้ ครูฝึกล้วนเป็นคนที่เซียวปี้เฉิงคัดเลือกมาจากค่ายทหาร สิ่งที่สอนให้นักเรียนล้วนเป็นทักษะการต่อสู้ขั้นสูงและใช้ได้จริง

เห็นได้ชัดว่าคนที่เข้ามาโจมตีคิดไม่ถึงว่าเฟิงอู๋จีจะมีปฏิกิริยาโต้ตอบรวดเร็วเช่นนี้ ล้มลงกับพื้นพร้อมเสียงครวญคราง

เฟิงอู๋จีเพิ่งเห็นใบหน้าอีกฝ่ายชัดเจน เอ่ยด้วยเสียงตื่นตกใจว่า “พี่หยวนเส้า”

หลี่หยวนเส้าสีหน้าบึ้งตึงไม่พูดจา ลุกขึ้นมาชกไปที่ใบหน้าของเขาหนึ่งหมัด

ทีนี้เปลี่ยนเป็นเฟิงอู๋จีที่ล้มลงไปกองกับพื้น จากนั้นหมัดที่รัวราวกับสายฝนก็กระแทกลงบนร่างกายของเขา

“เจ้าเฟิงอู๋จีตัวดี ข้านับเจ้าเป็นเพื่อนเป็นพี่น้อง เจ้ากลับแอบหลอกลวงเมิ่งชู ถึงว่าก่อนหน้านี้เวลาที่ข้ากำชับให้เจ้าช่วยดูแลเมิ่งชู เจ้ากลับแสร้งทำเป็นซื่อบื้อไม่พูดไม่จาอะไรเลย”

หลี่หยวนเส้าพูดด้วยความโมโห ทุบตีคนที่อยู่ข้างล่างอย่างรุนแรง

“ข้าจะบอกเจ้าให้นะ อย่าคิดว่าครอบครัวลูกชายคนโตของตระกูลหลี่เสื่อมอำนาจแล้ว ข้าเองก็ถูกไล่ออกจากตระกูลหลี่ เจ้าก็สามารถวางมาดต่อหน้าเมิ่งชูได้ ถ้าหากข้ารู้ว่าตระกูลเฟิงของเจ้าปฏิบัติต่อนางไม่ดี อย่างไรก็ตามข้าจะให้พวกเจ้าได้รับผลที่ทำไว้แน่”

เฟิงอู๋จีเอามือป้องกันศีรษะไม่พูดอะไร เข้าใจดีว่าหลี่หยวนเส้ารู้ความจริงของเรื่องราวทั้งหมดแล้ว

แต่เมื่อได้ยินประโยคหลังนี้ หมายความว่าอีกฝ่ายไม่ได้จะขัดขวาง

หลี่หยวนเส้าเองก็ไม่ได้ลงมือรุนแรง เมื่อก่อนเขาเคยถูกทำร้ายในครอบครัวจนชินแล้ว ก็ไม่ได้รู้นึกเจ็บอะไร จึงถูกตีโดยไม่ตอบโต้ไปสิบกว่าที

หลี่หยวนเส้าทุบตีเฟิงอู๋จีไปพลาง และพูดขู่ไปพลาง ก่อนที่ไฟโทสะจะมอดลงและลุกขึ้นมาจากตัวเขา

เฟิงอู๋จีจึงเอ่ยขึ้นด้วยเสียงอู้อี้ว่า “พี่หยวนเส้า เมื่อครู่ข้าไม่ทันระวังก็เลยพลั้งมือทำร้ายท่าน ท่านเป็นอะไรหรือไม่”

“ฮึ เจ้าไม่ต้องมายุ่ง”

หลี่หยวนเส้านวดมือตัวเองที่เริ่มชาจากการทุบตี มองเฟิงอู๋จีด้วยสายตาเย็นชา สายตามีแววซับซ้อนใต้แสงจันทร์

พูดถึงหน้าตา เจ้าหมอนี่ถือได้ว่าโดดเด่น แต่ก็เทียบไม่ได้กับชื่อเสียงเรื่องความงามของมารดาผู้ให้กำเนิดเขา

พูดถึงชาติกำเนิด ที่จริงก็ไม่ควรออกหน้าออกตาสักเท่าไหร่ แต่ตอนนี้ครอบครัวได้ให้ความสำคัญ อนาคตสามารถคาดหวังได้ นับว่าคุณสมบัติผ่าน สามารถรับไว้สังเกตและพิจารณาต่อไป

พูดถึงการศึกษา แม้ว่าจะมีแค่ชื่อเสียงของการเป็นซิ่วไฉ แต่สามารถสอบเข้าสำนักศึกษาชิงอี้ในอันดับที่สอง แสดงว่าก็ไม่เลว ไม่ทำให้คนรุ่นหลังเดือดร้อนเรื่องสติปัญญา

พูดถึงศิลปะการต่อสู้......การทุ่มเมื่อครู่นี้ไม่สมเหตุสมผลเลย

แต่เห็นแก่ที่หลังจากนั้นเจ้าหมอนี่ไม่ตอบโต้ ก็พอจะสามารถไม่ถือสาได้ อีกอย่างการมีพื้นฐานวรยุทธ ภายหน้าก็สามารถปกป้องเมิ่งชูได้

เฟิงอู๋จีเห็นเขาเอาแต่จ้องมองตนเองด้วยสายตาพินิจพิจารณา อดไม่ได้ที่จะเอ่ยเสียงขรึมว่า “พี่หยวนเส้า ท่านโปรดมอบเมิ่งชูให้ข้าด้วยความวางใจได้เลย ถ้าหากข้าไม่ดีกับนาง ภายหน้าชีวิตข้าท่านมาเอาไปได้เลย”

หลี่หยวนเส้าเก็บสายตากลับมา เอ่ยด้วยสีหน้าเย็นชา “ฮึ เจ้าไม่ต้องพูดข้าก็ต้องทำอยู่แล้ว”

เขาปัดฝุ่นที่อยู่บนตัว จัดระเบียบเสื้อผ้าที่ยับย่น เอ่ยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์

แม้ว่าหลี่เมิ่งชูจะมีท่าทีสงบนิ่งไม่รู้สึกเจ็บแสบอะไร แต่ทนหลี่หยวนเส้าผู้เป็นพี่ชายผู้รักและปกป้องน้องสาวสุดชีวิตที่สอบเสร็จแล้วและไม่มีคาบเรียน วันๆเอาแต่คอยทะเลาะกับเสนาบดีขวาหลี่อยู่หน้าห้องคนไข้ไม่ไหว

“เรื่องการแต่งงานของเมิ่งชูไม่ต้องให้คนแก่อย่างท่านตัดสินใจ ในเมื่อท่านพ่อท่านแม่ก็เป็นคนไม่มีความเห็นอะไร ข้าบอกว่าการแต่งงานครั้งนี้ได้ก็คือได้”

“ไอ้เด็กเวร ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลหลี่เลยสักนิด ยังจะมาแส่อะไรอีก”

“เมิ่งชูเป็นน้องสาวของข้า ข้าย่อมต้องตัดสินใจให้นาง แต่ท่านต่างหากที่อายุปูนนี้แล้ว หยุดพักเสียบ้างเถอะ ดูคนที่ท่านเสนอให้แต่งงานซิล้วนเป็นผีห่าซาตานอะไรก็ไม่รู้ ถ้าไม่ใช่เพราะตอนนั้นท่านดึงดันจะให้แต่งงานเพื่อเป็นทองแผ่นเดียวกันกับตระกูลจาง ครอบครัวของลูกคนโตจะตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้หรือ ไม่แปลกที่ฝ่าบาทจะทรงให้ท่านพักฟื้นอยู่ที่บ้านเพื่อทบทวนความผิด”

“หลานเวร ไอ้หลานเวร”

เสนาบดีขวาหลี่โกรธจนตาเหลือก คิดถึงเมื่อก่อนหลานชายคนโตคนนี้เป็นคนที่รู้ความและเชื่อฟังมาก มักจะช่วยเขาแบ่งเบาความกังวลได้เสมอ ตอนนี้กลับมาทำให้เขาโมโหทุกวัน เหมือนเกรงว่าจะไม่ทำให้เขาโมโหจนตาย

เสนาบดีซ้ายเฟิงเห็นท่าทีหงุดหงิดโมโหของเขา รู้สึกสะใจมากจนพูดไม่ถูก

“จุ๊ๆ ตาเฒ่าหลี่เอ๋ยตาเฒ่าหลี่ นี่เป็นหลานคนโตที่เจ้ามักจะมาโอ้อวดต่อหน้าข้าใช่หรือไม่ ช่างกตัญญูเสียนี่กระไร”

เสนาบดีซ้ายเฟิงได้ใจและเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหน็บแนม แต่ไม่ช้าก็ยิ้มไม่ออก

ช่วงเที่ยงในวันเดียวกันนั้นหลังจากที่ท่านพ่อเฟิงกลับมาจากประชุมราชสำนัก ก็เอาไม้ขนไก่มาเพื่อขอรับการลงโทษ คุกเข่าลงตรงหน้าห้องคนไข้ พูดโน้มน้าวด้วยความจริงใจให้เขากับเสนาบดีขวาหลี่คืนดีกัน และยอมเห็นด้วยกับเรื่องการแต่งงานของเด็กทั้งสองคน

เสนาบดีซ้ายเฟิงโกรธจนกระทืบเท้า “พูดจาเหลวไหล ใครเคยดีกับตาแก่คนนี้กัน”

เขากับเสนาบดีขวาหลี่ไม่เคยมีความสัมพันธ์ที่ปรองดองกันมาก่อน เป็นความเกลียดและรำคาญอีกฝ่ายจากใจจริงต่างหาก

“ท่านอย่าทำเป็นไม่ยอมรับไปหน่อยเลย ตอนนี้เขารู้กันทั่วทั้งเมืองหลวงแล้ว เมื่อก่อนท่านกับใต้เท้าเสนาบดีขวายังเคยนอนร่วมเตียงห่มผ้าผืนเดียวกันเลย”

เสนาบดีซ้ายหลี่นิ่งอึ้ง ก่อนจะได้รู้จากปากลูกชาย หนังสือพิมพ์ประชาชนฉบับใหม่ได้ลงข่าวเรื่อง”ความรักระหว่างเพื่อนในอดีต”ของเขากับเสนาบดีขวาหลี่

เขาแย่งหนังสือพิมพ์ไป กวาดตาดูเนื้อหาของผู้เขียนบทวิจารณ์และคำสัมภาษณ์ของเฟิงอู๋จีหนึ่งรอบ โกรธจนหน้าเขียวคล้ำขึ้นมาทันที

“หลานเวร ไอ้หลานเวร”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ