เข้าสู่ระบบผ่าน

พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 838

หลี่หยวนเส้าพูดถึงตรงนี้ น้ำเสียงที่ราบเรียบก็มีความสั่นเทาขึ้นมา ไม่ง่ายเลยกว่าจะยับยั้งไม่ให้น้ำตาไหลออกมาอีก

ได้ยินคำพูดที่จริงใจ หลี่เมิ่งชูเองก็ดวงตาแดงก่ำขึ้นมา เข้าไปซบที่ไหล่ของเขาด้วยดวงตาที่แดงรื้น

“ท่านพี่พูดอะไรโง่ๆ พวกเราสามพี่น้องจะด้วยอยู่กันตลอดชีวิต”

หลี่หยวนเส้าสูดจมูก ผ่านไปชั่วครู่ก็ยิ้มพลางตบไปที่หลังของนาง เอ่ยด้วยเสียงอบอุ่นว่า “เอาล่ะเอาล่ะ วันนี้พี่ทำให้เจ้าเห็นเป็นเรื่องตลกแล้ว ข้าจะไปล้างหน้าเสียหน่อยจะได้ออกไปเจอผู้คนได้”

หลังจากที่พยายามสงบสติอารมณ์แล้ว เขาก็ตักน้ำมาล้างหน้าให้สะอาด เม้มปากพลางเดินออกไปข้างนอก ถามหาเฟิงอู๋จีกับเด็กในร้านยาโหยวเจียน

ไม่ว่าอย่างไร ก็ต้องสั่งสอนเจ้าหมอนี่สักครั้ง

ถือว่าเป็นการสร้างบารมี อนาคตหากเจ้าหมอนี่เจริญในหน้าที่การงานแล้ว จะได้ไม่กล้าปฏิบัติไม่ดีต่อเมิ่งชู

……

วันนี้เฟิงอู๋จีได้กลับบ้านตระกูลเฟิงเพื่อส่งข่าว ระหว่างทางที่กลับโรงยา ก็ถูกกองบรรณาธิการของสำนักพิมพ์มีเงินเอาแต่ใจห้อมล้อมเอาไว้

คนกลุ่มนี้ได้ยินข่าวก็มาปักหลักรอล่วงหน้า ชักแม่น้ำทั้งห้าและลากเขาเข้าไปในร้านน้ำชา ถามเรื่องเกี่ยวกับเสนาบดีซ้ายขวาที่ทะเลาะกันในช่วงเช้าไม่หยุด

เบื้องหลังของสำนักพิมพ์มีเงินเอาแต่ใจนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดข้อสงสัยเกี่ยวโยงกับตำหนักบูรพา สองสามีภรรยากงจื่อโยวได้ใช้ชื่อเสียงของจวนอ๋องจินในการก่อตั้งขึ้นมา

ประชาชนรู้ว่าหนังสือพิมพ์เอกชนฉบับนี้ มีคนในยุทธภพที่ลึกลับคนหนึ่งที่ใช้ชื่อว่า”นายท่านหลง”เป็นผู้ก่อตั้ง

แต่เป็นเพราะว่ามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับตำหนักบูรพามาก เฟิงอู๋จีจึงรู้ว่า”นายท่านหลง”คนนี้ก็คือพระชายาจินอ๋อง ดังนั้นตอนที่ถูกเชิญไปสัมภาษณ์ จึงให้ความร่วมมือกับพวกเขาเป็นอย่างดีในการเดินเข้าไปในร้านน้ำชา

เพราะเป็นศิษย์พี่ใหญ่ของพระชายารัชทายาท อย่างไรเสียก็ต้องให้เกียรติบ้าง

เห็นเขามีท่าทีเป็นมิตรและมีมารยาท กองบรรณาธิการอดไม่ได้ที่จะแอบชื่นชม ไม่เสียแรงที่เป็นนักเรียนจากสำนักศึกษาชิงอี้ ความสุภาพเรียบร้อยไม่ขาดตกบกพร่องเลยสักนิด

ไม่เหมือนก่อนหน้านี้ที่พวกเขาอยากจะไปเยี่ยมจวนเสนาบดีหลี่ กลับถูกบ่าวใช้ไม้ไล่ตีพวกเขาออกมาอย่างดุร้าย

แต่เมื่อเผชิญกับคำถามต่างๆนานาที่กองบรรณาธิการสัมภาษณ์ เฟิงอู๋จีก็จงใจตอบไม่ตรงคำถาม

“ขอถามคุณชายเฟิง ตามที่มีการร่ำลือในหมู่ชาวบ้าน เช้าวันนี้ท่านเสนาบดีซ้ายเฟิงและท่านเสนาบดีขวาหลี่ได้มีการต่อสู้กันในโรงยาโหยวเจียน เป็นเรื่องจริงหรือไม่”

เฟิงอู๋จีนิ่งอึ้งไป เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชื่อเสียงของสองตระกูล เขาย่อมไม่สามารถพูดความจริงออกไปได้ มิเช่นนั้นหากข่าวแพร่ออกไปไม่รู้จะเกิดปัญหาอะไรตามมาอีก

แต่เขาก็ไม่สามารถตอบคำถามได้ ถ้าเอาแต่หลีกเลี่ยงการสัมภาษณ์ ถ้าข่าวลือที่เป็นเท็จแพร่ออกไป ผลที่เกิดขึ้นจะร้ายแรงยิ่งกว่า

และนี่ก็เป็นเหตุผลหลักที่เขาไม่ได้ปฏิเสธ เมื่อถูกกองบรรณาธิการขอสัมภาษณ์

เมื่อเทียบกับการปล่อยให้ชาวบ้านพูดกันไปส่งเดช ไม่สู้ให้เขาเป็นคนเอ่ยออกมาเองจะดีกว่า

เฟิงอู๋จีพยักหน้า “มีเรื่องเช่นนี้จริง”

เรื่องนี้ปิดไม่อยู่ การปฏิเสธจะทำให้ดูแปลกพิลึก

“อืม......นี่เป็นวิธีการพิเศษในการคบหากันของท่านปู่กับเสนาบดีขวาหลี่ แม้ว่าเวลาที่พวกเขาอยู่ด้วยกันมักจะด่าอีกฝ่ายสองสามประโยคอยู่เสมอ แต่ก็เป็นดังคำที่ว่าเพื่อนด่าคือเพื่อนรัก......”

ในขณะที่เฟิงอู๋จีกำลังใช้สมองอย่างสุดความสามารถเพื่อแต่งเรื่องอยู่นั้น ลูกน้องในกองบรรณาธิการก็พูดแทรกขึ้นมาว่า “เข้าใจเข้าใจ ก็เพื่อนไม่ดีอย่างไรเล่า ข้ากับเพื่อนที่โตมาด้วยกันก็เป็นเช่นนี้ คนที่ไม่รู้เรื่องก็คิดว่าพวกเราสองคนมีความแค้นหนักหนาอะไรต่อกัน ที่จริงพวกเราสองคนสนิทสนมกันมาก มิตรภาพแน่นแฟ้นอย่างกับอะไรดี”

เฟิงอู๋จีดวงตาสว่างวาบ เอ่ยคล้อยตามเขาว่า “ถูกต้อง ท่านปู่ของข้ากับเสนาบดีขวาหลี่ก็เป็นเช่นนี้ ที่จริงตอนที่พวกเขายังหนุ่มก็ร่ำเรียนในสำนักศึกษาเดียวกัน นอนเตียงเดียวกันห่มผ้าผืนเดียวกัน เป็นเช่นนี้มาสิบกว่าปี เหล่าอาจารย์ในสำนักศึกษาชิงอี้ต่างก็เป็นพยานได้”

พูดถึงตรงนี้ ที่จริงหัวหน้ากองบรรณาธิการก็เชื่อไปแล้วเจ็ดแปดส่วน

แม้ว่าจะผิดหวังที่ความจริงสวนทางกับสถานการณ์ที่คาดเดาเอาไว้ แต่นายท่านหลงบอกว่า สิ่งสำคัญของข่าวคือความจริง ให้พวกเขาแสวงหาข้อเท็จจริง ไม่สามารถสร้างเรื่องขึ้นมาส่งเดชด้วยการคาดเดาส่วนตัว

เฟิงอู๋จียังคงเกรงว่าพวกเขาจะไม่เชื่อ หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็กัดฟันเค้นเสียงพูดออกมาว่า

“พูดตามตรงอย่างไม่ปิดบังพวกท่าน ที่จริงข้ากับแม่นางหลี่เมิ่งชูซึ่งเป็นลูกของครอบครัวลูกชายคนโตกำลังหารือเกี่ยวกับการแต่งงานกันอยู่ คิดว่าอีกไม่นานคงมีเรื่องดีๆเกิดขึ้น ในเวลาสำคัญเช่นนี้ผู้อาวุโสทั้งสองตระกูลเกิดความเข้าใจผิดกัน ช่างเกินความคาดหมายจริงๆ ถ้าหากสะดวกละก็ รบกวนสำนักพิมพ์ช่วยชี้แจงแถลงไขแทนพวกข้า ข้าน้อยจะซาบซึ้งใจเป็นอย่างยิ่ง”

ว่าแล้ว เขาก็ควักเอาตั๋วเงินหนึ่งร้อยตำลึงออกมา คิดว่าจะจ่ายค่าโฆษณาในหนังสือพิมพ์

กลับพบกว่าดวงตาของหัวหน้ากองบรรณาธิการเป็นประกายแวววาวขึ้นมา เผยรอยยิ้มดีอกดีใจออกมาเต็มใบหน้า

“โธ่เอ๋ย การออกมารวบรวมข่าวสารเป็นงานในหน้าที่ของพวกเราอยู่แล้ว ไหนเลยจะต้องให้คุณชายเฟิงจ่ายเงิน วางใจเถอะสำนักพิมพ์ของเราจะทำการลงข่าวเรื่องนี้ในหนังสือพิมพ์ฉบับต่อไปแน่ ข้าจะกลับไปเขียนต้นฉบับ ไว้เจอกันใหม่คุณชายเฟิง”

สำหรับคนทำงานอย่างพวกเขา สิ่งสำคัญคือมีข่าวที่เป็นประเด็นร้อน แม้ว่าการทะเลาะกันของสองเสนาบดีจะเป็นการเข้าใจผิด แต่ทั้งสองตระกูลจะดองญาติกันเป็นประเด็นใหญ่และร้อนแรงแน่นอน

เห็นทีเงินรางวัลในเดือนนี้ต้องถูกกลุ่มของพวกเขาเก็บเข้ากระเป๋าหมดแน่

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ