ไม่ทันที่นางจะป้องกันตัว เฟิ่งเหมียนใช้แรงดึงนางมาตรงหน้า เอวบางทางด้านซ้ายเผยให้เห็นในสายตาทันที
เสวียนจีรีบเอามือปิดบริเวณเอวซึ่งเป็นจุดจักจี้ของตัวเองด้วยสัญชาตญาณ แต่ก็สายไปเสียแล้ว มือที่เต็มไปด้วยพลังข้างหนึ่งได้จรดลงไปที่จุดนั้น และนวดคลึงไปมาอย่างไร้เยื่อใย
“อาฮ่าๆๆๆ อย่าๆ ท่านพี่ข้าผิดไปแล้ว ขอร้องอย่าบิด......อาฮ่าๆๆๆ”
ใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืน ลู่ฉีที่รับผิดชอบขับรถถูกเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งทำเอาตกใจสะดุ้งโหยง
เขาหันกลับไปมองแวบหนึ่ง เสียงหัวเราะหลังผ้าม่านป้องกันความหนาวไม่ได้หยุดลง กลับยิ่งรุนแรงมากขึ้น ระหว่างนั้นยังมีเสียง”ตุบตับ”ดังขึ้นด้วย ราวกับกำแพงรถถูกบางสิ่งกระแทกใส่
ภายในรถไม้ เสวียนจีหมอบลงตรงตักของเฟิ่งเหมียน แขนขาดิ้นรนสุดชีวิตราวกับปลาหมึก พยายามจะหนีให้พ้นจากมือปีศาจของเฟิ่งเหมียน
แต่เฟิ่งเหมียนใช้มือข้างหนึ่งกดหลังเอวของนางเอาไว้แน่น ส่วนอีกมือก็จี้ที่เอวอย่างฮึกเหิมไม่หยุด
“ข้าผิดไปแล้ว ข้าผิดไปแล้ว อาฮ่าๆๆ......ข้าสาบานจะไม่ทำอีกแล้ว”
เสวียนจีพลางหัวเราะพลางอ้อนวอน น้ำเสียงฟังดูแฝงแววตื่นตระหนกอยู่หลายส่วน
เพราะนางรูปร่างเล็ก ที่เชี่ยวชาญก็ไม่ใช่วิชาการต่อสู้เหมือนหลิวฉิงที่แข็งแกร่ง เมื่อปะทะศัตรูก็มักจะอาศัยพลังจิตและอาวุธ
แค่เปรียบเทียบเรื่องพละกำลัง ภายใต้การควบคุมของชายหนุ่มในวัยผู้ใหญ่อย่างเฟิ่งเหมียน ไร้เรี่ยวแรงในการต่อต้านอย่างแท้จริง ได้แต่ถูกจับกดอยู่บนหน้าตักให้เขาโจมตีจุดจักจี้
เสวียนจีคิดจะอาศัยวิชาเอาตัวรอดเหมือนปลาไหลที่ฝึกมาตั้งแต่เด็ก แต่เฟิ่งเหมียนไม่ปล่อยมือจากเอวเลยแม้แต่วินาทีเดียว ทำให้นางไม่สามารถรวบรวมพละกำลังได้ ได้แต่นอนอยู่บนตักเขาดิ้นไปมาราวกับหนอนตัวหนึ่ง
“ฮ่าๆๆ......ฮือๆ......ไม่ทำแล้วจริงๆ......ฮือๆ ข้าสาบาน......ฮ่าๆๆ”
นางหัวเราะจนสมองแทบจะขาดอากาศ หัวเราะจนในที่สุดก็มีน้ำตาไหลออกมาตามกายภาพ รองเท้าที่สวมอยู่ก็สะบัดทิ้งไปข้างหนึ่ง
เฟิ่งเหมียนมองดูนางที่มีท่าทีอับจนหนทางจนต้องร้องขอชีวิต รู้สึกสบายใจขึ้นอย่างบอกไม่ถูก ความหงุดหงิดที่หมุนเวียนอยู่ในใจช่วงนี้จางสลายหายไปไม่น้อย มุมปากโค้งขึ้นอย่างไม่ตั้งใจ
เขารู้สึกว่าไฟโทสะร้อนเพียงพอแล้ว ให้บทเรียนกับเสวียนจีก็พอสมควรแล้ว พยายามจะหยุดมือ แต่แล้วคนที่อยู่บนตักดิ้นรนจนจะกลิ้งลงไปแล้ว
เฟิ่งเหมียนคว้าตัวขึ้นมา มือที่สอดอยู่ตรงเอวของเสวียนจีเหมือนจะโอบแน่นขึ้นหลานส่วน
“อ๊ากฮ่าๆๆ”
เสวียนจีหัวเราะเสียงดังขึ้นมาทันที ในเสียงหัวเราะแผงความร้อนใจและโมโหอยู่สองส่วน
“ฮ่าๆๆ......เฟิ่งไข่เหล็ก ท่าน......ฮ่าๆๆ แน่จริงก็ลองจับอีกครั้ง”
จากนั้นเฟิ่งเหมียนก็ทำเสียงขึ้นจมูก ร่างกายตึงเครียดขึ้นมาทันที ท่าคว้าตัวของเขาทำให้เสวียนจีที่เดิมทีจะกลิ้งตกลงไปอยู่แล้วเข้ามาแนบสนิทกับช่วงหน้าท้อง ร่างกายที่อ่อนนุ่มทั้งยังบิดไม่มาไม่หยุดปะทะเข้ากับจุดยุทธศาสตร์ของเขาอย่างใกล้ชิด
ขณะที่เสวียนจีตะโกนคำว่า”เฟิ่งไข่เหล็ก”ออกมาด้วยความโมโห เฟิ่งเหมียนมีลักษณะเป็นดั่งชื่อตัวเอง ร่างกายแข็งทื่อ
เสวียนจีสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของเขา เบิกตากว้าง “ดีจริงๆ ข้าคิดกับท่านเป็นเพื่อน แต่ท่านกลับอยากจะ......”
คำว่า”แต๊ะอั๋ง”ยังไม่ทันพูดออกมา ก็ถูกเอามือปิดปากเอาไว้ ประคองให้นั่งลงดีๆด้วยความเร็วสูงสุด
“อย่าพูดจาเหลวไหล ข้างนอกยังมีคนขับรถอยู่ เจ้ายังอยากจะรักษาชื่อเสียงอยู่หรือไม่”
เฟิ่งเหมียนน้ำเสียงบูดบึ้ง กดเสียงต่ำรีบเตือนนางทันที สีหน้าแข็งทื่อ
เสวียนจีผลักมือเขาออกอย่างไม่พอใจ หอบหายใจแรงมาก พยายามสงบสติอารมณ์กับพลังงานที่ใช้ไปในเรื่องเหลวไหลเมื่อครู่
หางตาที่แดงก่ำยังมีน้ำตาที่ถูกบีบออกมาตอนหัวเราะ ท่าทีโมโหมาก ปอยผมสองข้างยุ่งเหยิง ดูแล้วเหมือนเมื่อครู่เพิ่งจะถูกทำมิดีมิร้ายอย่างไรไม่รู้
ดวงตาของเฟิ่งเหมียนสั่นไหวครู่หนึ่ง จึงสังเกตเห็นว่าเสื้อผ้าของนางยุ่งเหยิงและยับย่นระหว่างที่ดิ้นรน
เมื่อเห็นว่าดวงตาของกเฟิ่งเหมียนจะมีประกายไฟพวยพุ่งออกมาแล้ว เสวียนจีก็รีบพูดเสริมขึ้นมาอย่างรู้สถานการณ์
เพราะนางก็แค่อยากจะทำให้เฟิ่งเหมียนโกรธและทำให้ตัวเองเบิกบานใจเท่านั้น ไม่ได้อยากให้เขาบ่นหูชาไปครึ่งเดือน
เฟิ่งเหมียนเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ในเวลาเดียวกันรถไม้ก็หยุดลง นอกผ้าม่านมีเสียงกังวานของลู่ฉีดังขึ้นมา
“นักพรตเฟิ่ง แม่นางหยวนเป่า ถึงศาลต้าหลี่แล้ว”
“รู้แล้ว”
เสวียนจีรีบเลิกผ้าม่านขึ้น กระโดดลงไปสูดอากาศบริสุทธิ์ เฟิ่งเหมียนตามลงไปติดๆ
เมื่อครู่ลู่ฉีได้ยินเสียงเคลื่อนไหวอย่างเลือนราง เพียงแต่ได้ยินบทสนทนาในรถไม่ชัดเจน
ตอนนี้เขาแอบสังเกตทั้งสองคน ดวงตาจ้องมองไปยังใบหน้าแดงก่ำของเสวียนจี กวาดตามองผ่านดวงตาที่มีคราบน้ำตายังไม่แห้งดีและผมเผ้าที่ยุ่งเหยิง นิ่งอึ้งไปชั่วครู่
ลู่ฉีคุ้นเคยกับสภาพเช่นนี้มาก ปกติหลังจากที่กอดภรรยาตงชิงทั้งจูบทั้งหอมแล้ว อีกฝ่ายก็จะอยู่ในสภาพนี้
บวกกับสิ่งที่ได้ยินอย่างเลือนรางเมื่อครู่นี้ไม่ว่าจะเป็นคำว่า”เสื้อใน” “ไม่ใส่” “วิ่งเปลือยเปล่า” เป็นต้น ดวงตาเขาก็เบิกกว้างด้วยความตื่นตะลึงทันที
แย่แล้ว พระชายารัชทายาท
ลู่ฉีทำหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ในสมองกลับมีเสียงกรีดร้องอย่างคลุ้มคลั่งดังขึ้นไม่หยุด
เมื่อวานตอนที่พระชายาไปพบเขาเป็นการส่วนตัว ได้แอบกำชับเขาแล้วว่า ต้องช่วยสังเกตความผิดปกติระหว่างใต้เท้าเฟิ่งเหมียนและแม่นางหยวนเป่าให้ดี
ตอนนั้นเขายังมึนงงอยู่ว่าทั้งสองจะมีเรื่องอะไรผิดปกติได้ ตอนนี้ถือว่าเข้าใจแล้ว

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
ทำไมใช้เหรียญไม่ได้ติดต่อกันเป็นอาทิตย์ละคะ...
ทำไมแสดงความคิดเห็น แล้วข้อความหายอ่ะ...
ซื้อตอนแล้วไม่ได้ปลดล๊อคค้างไว้เหรอคะ แบบนี้ก็ย้อนกลับมาอ่านไม่ได้สิคะ มือกดโดนผิดวิ่งไปหน้าอื่นต้องเสียเงินอีกรอบงี้เหรอ...
ทำไมซื้อตอนปลดล๊อคแล้ว กลับไปย้อนอ่านต้องปลดล๊อคใหม่คะ...
ทำไมตอนซื้อแล้วล๊อคไม่ได้คะ...
ทำไมซื้อตอนแล้วเปิดหน้าใหม่แล้วย้อนกลับไปอ่านไม่ได้คะ ล๊อคเหมือนเดิมต้องจ่ายเงินซื้อใหม่ตลอดรึคะ...
ทำไมปลดล๊อคแล้ว กดข้ามไปตอนใหม่แล้วย้อนกลับมาอ่านไม่ได้คะ...
ทำไมซื้อตอนไม่ได้คะ...
เติมเหรียญอย่างไร...
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...