ภรรยานำโชคของเสนาบดี นิยาย บท 103

ซูจิ่วเย่ว์ยังรู้สึกไม่ค่อยดีอยู่บ้างเหมือนกัน แต่เธอก็ตอบกลับไปว่า “เอ่อ เดี๋ยวข้าขอตัวไปดูสักหน่อย”

อู๋ซีหยวนลุกขึ้นหลังจากที่จิ่วเย่ว์เดินออกจากบ้านไป จากนั้นเขาจึงหยิบเสื้อพื้นเมืองที่ไม่ได้ใส่มานานแล้วจากบนคั่งแถวข้างเตียง

แม้ว่าเสื้อพื้นเมืองนี้จะเป็นผ้าธรรมดาทั่วไป แต่ภรรยาของเขาตั้งใจเย็บให้เขาทุกฝีเข็ม จึงทำให้เขารู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมาก

ของตกแต่งในบ้านไม่ได้ต่างจากตอนที่เขาเป็นเด็กมากนัก แต่รายละเอียดกลับแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

ยกตัวอย่างเช่น ด้านข้างของตู้มีแจกันงานหยาบวางเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งใบ และมีดอกหล้าเหมยปักอยู่ในแจกันนั้นด้วยอีกหนึ่งก้าน

มีกระถางดอกไม้หลายใบวางอยู่ข้างๆ เตา และมีหัวผักกาดเขียวงอกขึ้นมาอยู่ในนั้น

ส่วนโต๊ะหนังสือของเขาถูกจัดเก็บไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ของทุกอย่างล้วนเป็นของเขาทั้งสิ้น ไม่มีของคนอื่นปะปนอยู่เลยสักชิ้น

เขาลุกขึ้นและเดินเข้าไปอยู่หน้าโต๊ะหนังสือ และพบว่ามีหนังสืออยู่หลายเล่มวางอยู่บนโต๊ะ

หนังสือเล่มบนสุดมีชื่อว่า คัมภีร์ตรีอักษร ซึ่งลักษณะของหนังสือเหมือนจะดูเปิดอ่านอยู่บ่อยๆ ส่วนหนังสือเล่มล่างมีชื่อว่า มหาวิทยาลัย และ ทางสายกลาง ซึ่งดูเหมือนว่าจะไม่เคยมีใครแตะต้องมันเลยด้วยซ้ำ

เขาหยิบหนังสือขึ้นมา และดูหนังสือเล่มที่อยู่ด้านล่างสุด หน้าปกมีอักษรสามตัวใหญ่เขียนว่า คิวซูทัศนา

เมื่อชาติที่แล้วเขาเคยเห็นหนังสือเล่มนี้มาก่อน หลังจากที่เขาเข้าร่วมสำนักราชเลขาธิการเข้าปีที่สาม หลิวเหวินจวิน เจ้ากรมกระทรวงครัวเรือน ได้นำหนังสือเล่มนี้มาถวายในงานวันคล้ายวันพระราชสมภพขององค์จักรพรรดิ องค์จักรพรรดิรู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่ได้รับหนังสือเล่มนี้มา แถมยังตกรางวัลให้กับหลิวเหวินจวินอีกเป็นจำนวนถึงหนึ่งพันตำลึงและภาพวาดอีกจำนวนนับไม่ถ้วน ทั้งยังตั้งชื่อให้กับบุตรชายของเขาที่พึ่งลืมตาดูโลกออกมาอีกด้วย

ตอนนั้นหลิวเหวินจวินกลายเป็นคนโปรดไปโดยปริยาย ไม่ว่าใครก็ต้องยอมสยบให้แก่เขา

เขาชื่นชอบการอ่านหนังสือมาตลอดชั่วชีวิต หนังสือเล่มนี้ได้บอกเล่าเรื่องราวสถานที่ต่างๆ มากมายของคิวซูทัศนา เขาเองไม่มีโอกาสเดินทางไปทัศนาจรตามลำน้ำภูเขา ดังนั้นเขาจึงมักคอยหาจังหวะและโอกาสเพื่อขอยืมหนังสือเล่มนั้นมาอ่าน แต่กลับไม่เคยได้มีโอกาสนั้นเลยสักครั้ง

แต่ตอนนี้กลับมีสำเนาหนังสือเล่มนั้นอยู่ในบ้านของเขา เดิมทีหวงฮู่เซิงรู้ดีว่าหากหนังสือเล่มนี้ถูกคัดลอกสำเนาไปแล้ว จะทำให้มูลค่านั้นลดลงเป็นอย่างมาก แต่เขาก็ยังคงทำการคัดลอกต่อ นั้นแสดงให้เห็นว่าหวงฮู่เซิงผู้นี้เป็นผู้ที่รักในการอ่านอย่างแท้จริง

ซูจิ่วเย่ว์เปิดม่านประตูเข้ามา พบว่าเขายืนอยู่ข้างๆ โต๊ะหนังสือ และในมือก็ถือหนังสือ คิวซูทัศนา เล่มนั้นอยู่

“ซีหยวนอยากจะอ่านหนังสือหรือ?” ซูจิ่วเย่ว์เอ่ยถามขึ้น

อู๋ซีหยวนพยักหน้า “อืม! ข้าอยากอ่าน!”

ซูจิ่วเย่ว์ยิ้มและถามเขาต่อว่า “แล้วเจ้าอ่านรู้เรื่องด้วยหรือ?”

อู๋ซีหยวนเม้มปากและส่ายหน้า ด้วยท่าทางเสียใจ “ซีหยวนไม่รู้หนังสือมากขนาดนั้นหรอก”

ซูจิ่วเย่ว์เองก็ไม่รู้หนังสือเหมือนกัน แต่หนังสือเล่มนี้ไม่ใช่แค่รู้หนังสือแล้วจะอ่านได้เข้าใจหรอกนะ

ตอนนี้นางดูแลอู๋ซีหยวนราวกับเด็กอายุเจ็ดแปดขวบเลยก็ว่าได้ ความสามารถในการเรียนรู้ของเขามีสูงมาก เรื่องบางเรื่องเขาแค่เรียนรู้เพียงครั้งเดียวก็สามารถทำได้แล้ว

เมื่อเห็นว่าท่าทางของเขาเหมือนจะรู้สึกผิดหวัง เธอจึงรีบหยิบหนังสือตำราอักษรพันตัวอีกเล่มหนึ่งวางไว้ในมือของอู๋ซีหยวนแทน

“คัมภีร์ตรีอักษร ซีหยวนท่องได้จนจบแล้ว งั้นต่อไปเรามาเรียน ตำราอักษรพันตัว กัน พวกเราค่อยๆ เรียนรู้ สักวันหนึ่งต้องอ่านมันเข้าใจได้อย่างแน่นอน!”

เมื่ออู๋ซีหยวนเห็นว่านางให้กำลังใจเขาด้วยใจจริง ในใจเขาก็แอบมีความสุขอยู่เหมือนกัน แต่ก็ยังตัดสินใจเลือกที่จะไม่บอกนางว่าตัวเองไม่ได้โง่เหมือนอย่างเคยอีกต่อไปแล้ว ค่อยๆ ก้าวไปทีละขั้นก็แล้วกัน ค่อยๆ ศึกษาเรียนรู้บทเรียนที่นางจัดหามาให้ไปทีละน้อย ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ไม่เลวเลยทีเดียวนะ

“เอาหล่ะ วางหนังสือลงได้แล้ว แม่ทำเกี๊ยวเสร็จแล้ว ให้ข้าพาเจ้าไปล้างหน้าบ้วนปากให้เรียบร้อย!”

นางพูดพลางก็ช่วยเขาจับปกเสื้อให้เป็นระเบียบ “เจ้าโง่เอ๊ยแค่เสื้อผ้ายังแต่งตัวไม่เรียบร้อยเลย ต่อไปอย่าลืมจัดปกเสื้อให้เรียบร้อยก่อนด้วยหล่ะ”

ก่อนหน้านี้ตอนที่เขาแต่งงานกับนางนั้น ความจำของเขาก็เริ่มฟื้นคืนมาได้บ้างแล้ว แต่ก็ยังต้องทำตัวเป็นนักปราชญ์ที่ชายหญิงมิควรถูกเนื้อต้องตัวกัน พวกเขาเลยแนบสนิทชิดใกล้กันได้แค่ตอนเวลากลางคืนเท่านั้น

เมื่อสัมผัสได้ถึงความอ่อนนุ่มจากมือของนาง อู๋ซีหยวนยิ่งอดไม่ได้ที่อยากจะหวนกลับไปปลุกตัวตนในอดีตให้กลับมาอีกครั้ง

เจ้าโง่! ดูสิว่าเจ้าพลาดอะไรไปแล้วบ้าง!

หลังจากที่เข้าไปในห้องแล้ว ซูจิ่วเย่ว์ก็จับอู๋ซีหยวนให้นั่งลงบนเก้าอี้ของเขา พร้อมกับพูดกำชับเขาว่า “เจ้านั่งนิ่งๆ รอข้าที่นี่ก่อนนะ เข้าใจไหม? ข้าจะไปช่วยแม่ทำกับข้าว! วันนี้เราจะได้กินเกี๊ยวที่ซีหยวนชอบที่สุดกันไง!”

อู๋ซีหยวนพยักหน้าคล้อยตาม ราวกับรับคำด้วยความเชื่อฟัง “วางใจเถอะ! ซีหยวนว่านอนสอนง่ายที่สุดแล้ว!”

พูดจบก็เหลือบไปมองหลานสาวคนโต พร้อมกับเชิดหน้าด้วยความภูมิใจว่า “ว่านอนสอนง่ายกว่าเถาเอ๋อร์ซะอีก!”

เถาเอ๋อร์ที่ถูกเอ่ยถึงทำสีหน้างุนงง นางเม้มปากและเถียงลุงน้อยของนางไปว่า “เถาเอ๋อร์ก็ว่านอนสอนง่ายนะ…”

ซูจิ่วเย่ว์เกือบจะหลุดหัวเราะออกมา นางยื่นมือไปลูบศีรษะของเถาเอ๋อร์ และพูดด้วยน้ำเสียงอันนุ่มนวลว่า “ใช่ เถาเอ๋อร์เป็นเด็กดีว่านอนสอนง่าย!”

อู๋ซีหยวนเองก็เอาศีรษะของตนเข้ามาใกล้ๆ และชี้ไปบนศีรษะที่ซูจิ่วเย่ว์ช่วยเขามวยผมไว้ “ซีหยวนก็มีหัวเหมือนกันนะ! เจ้าลูบหัวข้าบ้างสิ!”

ซูจิ่วเย่รีบลูบศีรษะเขาทันที โดยไม่กล้าที่จะเลือกที่รักมักที่ชัง “ซีหยวนเองก็ว่านอนสอนง่ายเหมือนกัน”

.

หลังจากทานอาหารเสร็จ หลิวซุ่ยฮวาก็นำของขวัญปีใหม่ รวมถึงเงินกำจัดปีศาจ ที่เตรียมไว้ให้สำหรับเด็กๆ ออกมา

คุณลุงใหญ่ของอู๋ซีหยวนอยู่หมู่บ้านเดียวกันกับพวกเขา และทั้งสองครอบครัวเคยสนิทสนมกันมาก่อน แต่หลังจากที่สมองของอู๋ซีหยวนได้รับความกระทบกระเทือนแล้วนั้น เอ้อร์จู้จากบ้านใหญ่ก็ได้พูดถึงเขาในทางที่ไม่ดีให้คนอื่นฟัง พอหลิวซุ่ยฮวาได้ยินเรื่องนี้แล้ว คนที่รักลูกชายมากอย่างเขาจึงไม่ยอมคบหาพูดคุยกับครอบครัวของคุณลุงใหญ่อีกต่อไปเลย

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภรรยานำโชคของเสนาบดี