ภรรยานำโชคของเสนาบดี นิยาย บท 108

แต่ว่าเวลานี้ซูจิ่วเย่ว์ไม่ได้อยู่ในห้อง ทันทีที่หลิวฉุยฮวาเข้าไปในห้องเธอก็เห็นเพียงลูกชายของเธอนั่งอยู่ที่โต๊ะอ่านหนังสือ เธอตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง "ซีหยวน? เจ้า... กำลังอ่านหนังสืออยู่หรือ?"

อู๋ซีหยวนยิ้มและพลิกหนังสือเพื่ออ่าน " คัมภีร์ตรีอักษรที่ภรรยาของข้าสอน! ข้าท่องมันได้ทั้งหมดแล้ว!"

หลิวซุ่ยฮวาดีใจเป็นอย่างมาก "ดี ดี ดี ซีหยวนลูกแม่เก่งที่สุดเลย!"

อู๋ซีหยวนก็หยิบพู่กันบนโต๊ะขึ้นมาจุ่มหมึกแล้วเขียนข้อความ"ท่านแม่ ท่านดูนี่สิ"

หลิวซุ่ยฮวาเดินเข้าไปดู แม้ว่าเธอจะอ่านไม่ออก แต่เธอก็ดูออกว่าลายมือของลูกชายเธอนั้นเขียนได้ดีมาก ๆ ไม่เหมือนเด็กที่กำลังหัดเขียนเลย

“มันเขียนว่าอะไรนะ?” เธอถาม

“ธรรมชาติดั่งเดิมของคน พื้นฐานจิตใจมีเมตตากรุณา” อู๋ซีหยวนอ่านทั้งเล่มอีกรอบ “ท่านแม่ ข้าเขียนได้ไม่เลวเลยใช่ไหม?”

หลิวซุ่ยฮวาแม้จะยากลำบากมากในการสนับสนุนเขาให้ได้เรียนหนังสือ สิ่งที่เธอต้องการที่สุดก็คือให้เขาสามารถพึ่งพาพู่กันของเขาเพื่อทำมาหาเลี้ยงชีพในอนาคต อย่าเป็นเหมือนกับพวกเขา ตลอดทั้งปีต้องอาศัยฟ้าดินในการเลี้ยงปากท้องปี ถ้าปีไหนดีหน่อยจะยังพอมีให้กินอิ่ม ถ้าปีไหนแย่ก็ต้องทนหิวกันทั้งครอบครัว

“เด็กดี เจ้าเขียนได้ดีมาก” สำหรับลูกชายของเธอแล้ว เธอไม่เคยลังเลที่จะชื่นชมลูกชายของเธอเลย

อู๋ซีหยวนก็มีความสุขมากเช่นกัน เมื่อเขายังเด็กแม่ของเขามักชมเขาเสมอ ต่อมาเมื่อเขาโตขึ้นและรับราชการเป็นขุนนาง แม่ของเขาก็อยากให้เขาเป็นคนรู้จักที่ต่ำที่สูงและนอบน้อมถ่อมตน เธอจึงไม่เคยกล่าวคำชมเชยเหล่านี้อีกเลย

“ท่านแม่..ข้าสามารถ...” เขาลังเลที่จะพูด

“ลูกเอ่ย ? เจ้าอยากทำอะไรรึ? บอกแม่มาสิ”

อู๋ซีหยวนกัดริมฝีปาก “ท่านแม่ ข้าอยากไปสถานศึกษาเพื่อเล่าเรียนหนังสือ”

เขารู้ว่าครอบครัวของเขามีรายได้พิเศษในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมานี้ เมื่อรวมกับเงินเก็บเล็กน้อยของภรรยาขอวเขาแล้ว ก็พอมีเงินอยู่บ้างเล็กน้อย

แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ เขาแทบไม่ได้ทำประโยชน์อะไรให้กับครอบครัวเลย เมื่อเอ่ยปากก็จะขอเงินจำนวนเยอะขนาดนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าเอ่ยปากพูดมันออกมา

ดวงตาและปากของหลิวซุ่ยฮวาก็เบิกกว้าง ผ่านไปสักพักเธอถึงได้สติกลับคืนมา เธอบีบข้อมือของอู๋ซีหยวนและจ้องมองไปที่ใบหน้าของเขา เธอทั้งประหลาดใจและมีความสุข "ซีหยวน เจ้านึกอะไรขึ้นมาได้แล้วใช่ไหม"

อู๋ซีหยวนพยักหน้า แล้วก็ส่ายหัว

รอยยิ้มบนใบหน้าของหลิวซุ่ยฮวาก็จางหายไป "นี่เจ้าหมายความว่าอะไร?"

อู๋ซีหยวนยื่นมือออกมา ทำท่าทางเอานิ้วชี้มาแตะนิ้วหัวแม่มือของเขา “จำได้นิดหน่อยเท่านั้น”

ความทรงจำในช่วงชีวิตทั้งสองของเขาถูกผสานเข้าด้วยกันแล้ว จนถึงตอนนี้เขาเองก็ไม่สามารถแยกมันออกได้อย่างชัดเจน

ความทรงจำอันไหนเกิดก่อนหรืออันไหนเกินหลังจากที่เขาสูญเสียความทรงจำไป?

เขาจึงทำได้เพียงให้คำตอบที่คลุมเครือแก่แม่ของเขา ถ้าภายหลังพูดผิด จะได้แก้ตัวได้ง่าย ๆ*

แม้ว่าเพียงเล็กน้อยที่เขาทำจะมีขนาดเท่าเมล็ดข้าวโพดก็ตาม แต่หลิวซุ่ยฮวาก็ยังคงมีความสุข

เธอกอดเขาและตบหลังเขาอย่างมีความสุข “ลูกเอ่ย! แม่รู้ว่าลูกจะหาย! ลูกจะต้องหายดีอย่างแน่นอน! มันดีมากเลย! เรียนหนังสือ! ไม่ว่าเจ้าอยากไปเรียนที่ไหนแม่ก็จะออกค่าเล่าเรียนให้!”

หลังจากนั้นไม่นาน ความตื่นเต้นของเธอก็ได้สงบลง และทันใดนั้นเธอก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “เรื่องที่เจ้าจำเรื่องราวได้แล้ว จิ่วยารู้หรือเปล่า”

อู๋ซีหยวนส่ายหัว และหลิวซุ่ยฮวาจะรีบลุกขึ้นและเดินออกไป "ถ้าอย่างนั้นต้องบอกเธอนะ ถ้าเธอรู้เข้าเธอจะต้องดีใจมากอย่างแน่นอน!"

อู๋ซีหยวนเอื้อมมือไปจับเธอ หลิวชุ่ยฮวาหันกลับมามองด้วยความประหลาดใจ "ทำไมรึ?"

อู๋ซีหยวนรู้สึกเขินอายเล็กน้อย "ท่านแม่... อย่าเพิ่งบอกจิ่วยาได้ไหม?"

หลังจากเขียนเสร็จ เขาดูลายมือของเขาอย่างพึงพอใจ

จากนั้นเขาก็ขยำกระดาษอย่างรวดเร็ว เปิดเตาไฟแล้วโยนมันเข้าไป

ภรรยาของเขาไม่ใช่ภรรยาที่ไม่รู้หนังสือเลยสักตัวเช่นแต่ก่อนแล้ว ถ้าเธอเห็นตัวหนังสือนี้เข้า เธออาจจะเดาเหตุการณ์คร่าว ๆ ออกได้ทั้งหมด นั่นไม่เป็นการทำลายแผนการของเขาหรอกหรือ?

ซูจิ่วเย่ว์ไม่รู้เรื่องพวกนี้เลย เธอถูกแม่สามีดึงมาคุยความในใจกับเธอ!

“จิ่วยา มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? แม่ของเจ้าเธอ…” หลิวชุ่ยฮวารู้สึกกระดากปากที่จะพูดเรื่องนี้

ซูจิ่วเย่ว์เข้าใจว่าแม่สามีคงได้ยินชาวบ้านซุบซิบนินทาแล้ว เธอก็ถอนหายใจ "ท่านแม่ ทั้งหมดเป็นเรื่องจริง"

หลิวซุ่ยฮวาขมวดคิ้วเล็กน้อย "เกิดอะไรขึ้น? ทำไมอยู่ดี ๆ ถึงได้เป็นแบบนี้..."

“เฮ้อ ! ท่านแม่ของหนูมักจะเอาข้าวของไปให้ที่บ้านพ่อแม่ของเธอ ถ้าที่บ้านมีฐานะดีมีกินมีใช้จะไม่ว่าอะไรเลย พอหนูกลับไปก็เห็นว่าในถังมีบะหมี่เหลือไม่มาก แต่ท่านแม่ยังจะแบกตระกร้าที่มีข้าวของเยอะแยะไปให้บ้านพ่อแม่ของเธอ ท่านพ่ออยู่ในบ้านไม่สามารถจัดการอะไรได้ น้องชายและน้องสาวยังเด็กอยู่ ถ้าหนูไม่ตัดสินใจแบบนี้ ต่อไปพวกเขาจะทำอย่างไร”

ซูจิ่วเย่ว์รู้ว่าเรื่องนี้อาจจะทำให้ครอบครัวของแม่สามีไม่พอใจเธอ แต่อย่างไรก็ตามเธอก็ตัดสินใจทำไม่ดีกับแม่ของเธอไปแล้ว คนอื่นจะมองว่าเธอเป็นจิตใจโหดเหี้ยมก็เป็นเรื่องปกติ

ในทางกลับกันเรื่องนี้ทำให้หลิวซุ่ยฮวาต้องมองเธอใหม่ "จิ่วยา เจ้าโตแล้ว พ่อแม่ของเจ้าเป็นคนธรรมดาทั่วไปที่มีเลือดมีเนื้อ ใครล่ะจะไม่เคยทำผิดพลาด"

“ลูกสาวที่แต่งงานออกเรือนไปแล้วมีชีวิตที่ดี จะช่วยเหลือครอบครัวพ่อแม่ตัวเองนั้นเป็นเรื่องปกติ เจ้าดูพี่สะใภ้รองของเจ้าสิ เธอก็มักจะช่วยเหลือครอบครัวพ่อแม่ของเธอบ่อย ๆ แม่แค่ทำเป็นหลับตาข้างลืมตาข้าง เพราะอะไรล่ะ? ก็เพราะสิ่งของที่เธอให้ล้วนเป็นสิ่งของที่เธอหามาด้วยตัวเองไม่ใช่หรือ? เธอยอมอดกินขนมและปักผ้าเช็ดหน้าให้มากขึ้นเพื่อเลี้ยงดูครอบครัวพ่อแม่ของเธอ นี่คือความกตัญญูของเธอในฐานะลูกสาว... เข้าใจไหมว่าแม่หมายถึงอะไร”

ซูจิ่วเย่ว์พยักหน้า “ข้าเข้าใจ”

หลิวซุ่ยฮวาตบมือของเธอเบา ๆ “ ถ้าคิดว่าตัวเองเป็นลูกไม่กตัญญู บางครั้งการกตัญญูที่ผิด ๆ ก็เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ลูกเอ่ย มันเป็นเรื่องที่ดีที่เจ้าจะมีความคิดเป็นของตัวเอง แต่ควรจะคิดให้มันรอบคอบ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภรรยานำโชคของเสนาบดี