ในใจของซูจิ่วเย่ว์เองก็ไม่ได้รู้สึกว่าเธอผิด เหตุผลที่ทำให้เธอไม่มีความสุขอาจเป็นเพราะเธอรู้สึกเสียใจที่ตอนเด็กเธอทำเรื่องไม่ดีกับแม่เธอเท่าไหร่
ไม่ว่าอย่างไร แม่ของเธอจะไม่ดีอีกสักแค่ไหน จะดีจะร้ายยังไงแต่ก็เป็นผู้มอบชีวิตให้เธอ
เธอพยักหน้า "ท่านแม่ ข้าตัดทิ้งได้"
หลิวซุ่ยฮวาเอื้อมมือออกไปและรวบผมไว้ที่หลังหูของเธอ จากนั้นก็พูดด้วยรอยยิ้ม "แม้ว่าท่านแม่ของเจ้าจะจากครอบครัวไป แต่อย่างไรก็ยังเป็นแม่ของเจ้า สิ่งนี้จะไม่ขัดต่อการกตัญญูกตเวทีกับท่านในภายภาคหน้า คนเรานั้นเมื่อทำสิ่งใดแล้วจะต้องมีปทัฏฐานในใจ ทำแล้วถามใจดู ให้รู้ว่าไม่มีสิ่งใดน่าละอาย”
ซูจิ่วเย่ว์รู้สึกว่าแม่สามีของเธอแตกต่างจากแม่ของเธอจริงๆ หากแม่ของเธอมีเหตุผลบ้าง ครอบครัวคงไม่เป็นแบบนี้
พวกเขาทั้งสองกำลังยุ่งอยู่กับการทำอาหารกลางวันไปด้วย พูดคุยกันไปด้วย
ข่าวลือในหมู่บ้านเริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ซูต้าหนิวเองก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาจึงลุกขึ้นและจัดการเรื่องทั้งหมดด้วยตัวเขาเอง เขาบอกว่าตัวเขานั้นต้องการจะหย่ากับภรรยา ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับลูกสาวของเขาเลย
ซูจิ่วเย่ว์รู้สึกว่าเธอมีมโนธรรมที่ชัดเจน เมื่อใดที่ควรออกไปข้างนอกเธอก็ออก มีอะไรที่ควรทำเธอก็ทำไม่บกพร่อง เมื่อคนอื่นมองเธอ เธอก็จะจ้องกลับจนกว่าพวกเขาจะเป็นฝ่ายยอมแพ้ไปก่อน
วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจวบจนมาถึงวันตรุษจีนวันที่เจ็ด ญาติของพวกเธอก็แยกย้ายกันไปพอประมาณแล้ว
ซูจิ่วเย่ว์ล้างจานล้างตะเกียบ จากนั้นก็ยกน้ำออกไปเทหน้าประตูใหญ่
ขณะที่เธอกำลังถืออ่างเตรียมเดินกลับ ก็มีเสียงรถม้าดังมาจากด้านหลัง เธอหันกลับไป และเห็นรถม้าค่อยๆ มาจอดที่ประตูบ้าน
เธอหยุดเดินและมองไปที่รถม้า
จากนั้นไม่นานคนขับรถม้าก็กระโดดลงมา และหยิบเก้าอี้มาวางไว้ข้างรถม้า จากนั้นก็พูดหันหน้าไปทางรถด้วยความเคารพ
ม่านประตูเปิดออก จากนั้นผู้หญิงร่างสูงผอมก็ลงจากรถ
คนๆ นี้ซูจิ่วเย่ว์รู้จัก เธอก็คือเป่าจู สาวใช้ที่อยู่ข้างกายคุณหนูชุยเอ้อและขอให้เธอปักผ้าเช็ดหน้าให้ก่อนหน้านี้
ซูจิ่วเย่ว์ประหลาดใจมาก เธอมาทำอะไรที่นี่? มีใครอยู่ในรถอีกมั้ย? คุณหนูชุยเอ้อก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ?
แต่ว่าบนรถเหมือนจะไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ แล้ว เป่าจูมองไปที่หน้าบ้านของเธออย่างละเอียด จากนั้นก็แสดงสีหน้าดูถูก
เมื่อเห็นซูจิ่วเย่ว์ยืนอยู่หน้าประตู ถึงรีบไปหาเธอ "ซู ข้าหาเจอเจ้าแล้ว!"
ที่แท้ก็มาหาเธอ ซูจิ่วเย่ว์ถามว่า "มาหาข้างั้นหรือ?"
เป่าจูทำเสียงอืม “จริงๆ แล้ว ข้าไม่ได้มาหาเจ้า พูดให้ถูกก็คือ คุณหนูของข้ากำลังตามหาเจ้า”
ดวงตาของซูจิ่วเย่ว์เป็นประกาย “คุณซูยังต้องการผ้าปักลายดอกไม้หรือ?”
แม้ว่าหยางหลิ่วจะบอกว่าทั้งแม่และลูกสาวของตระกูลชุย ไม่ใช่คนที่รับมือได้ง่าย แต่เธอเป็นแค่คนขายงานปักเท่านั้น คงไม่มีปัญหาอะไรหรอกใช่ไหม?
เป่าจูพยักหน้า “ถูกต้อง! คุณหนู คราวนี้คุณหนูอยากได้กระเป๋าสตางค์สักใบ รีบร้อนด้วย ไม่รู้ว่าเจ้าจะปักได้ทันวันที่ 15 เดือนอ้ายหรือไม่?”
แค่กระเป๋าสตางค์ ไม่ใช่ของใหญ่อะไร รีบสักหน่อยก็ทำได้
"ได้"
เป่าจูดีใจมากเมื่อเห็นว่าเธอตอบรับ "งั้นเรื่องนี้ ถือว่าเจ้าตกลงแล้ว? คุณหนูบอกว่า ถ้าเจ้าปักได้ดี จะให้เงินเจ้าสองตำลึง!"
ซูจิ่วเย่ว์ดีใจมาก เธอเคยปักกระเป๋าสตางค์มาหลายใบ แต่เธอไม่เคยขายมันได้ในราคาที่สูงขนาดนี้เลย
“ตกลง! อีกครู่ข้าจะปัก! และรีบส่งให้คุณหนูโดยเร็วที่สุด คุณหนูมีคำขออื่นใดอีกหรือไม่? คราวนี้ต้องการจะปักลวดลายแบบใด?”
เป่าจูวาดรูปให้เธอ และสิ่งที่ปักอยู่บนภาพวาดนั้นคือนกกระสาที่มีดอกบัวผุดขึ้นมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภรรยานำโชคของเสนาบดี
ตอนที่ 179-185 มีตอนละ 3 บรรทัด งงมาก ทำไมช่วงนี้ลงเนื้อหานิยายขาดหายตลอดเลย...
162-168 มีแค่บาทละ 2-4 บรรทัดเท่านั่นน...
161 มีแค่ 2บรรทัด เนื้อหาหายไปไหน งงง...
160 มีแค่สองบรรทัด...
บทนี้มีแค่ 4 บรรทัด...
บทที่140 -145 มีเนื้อหาบทละ 3-4 บรรทัดเท่านั่น เนื้อหาหายไปไหนน้อ...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...
อะแหมมมม พ่อหนุ่มน้อยของเราร้ายนะเนี่ย 5555...
มันมาได้ยังไง...
ซีหยวนน่ารักอ่า...