ภรรยานำโชคของเสนาบดี นิยาย บท 11

เขาทั้งสองเดินทางกันอย่างไม่รีบร้อน เมื่อพวกเขากลับถึงหมู่บ้านต้าซิง ก็เวลาจวนใกล้เที่ยงแล้ว

ซูจิ่วเย่ว์มองดูทุกสิ่งที่นี่ เธอพึ่งจะจากที่นี่ไปได้ไม่ถึงสามวัน แต่ทำไมจู่จู่ถึงได้รู้สึกเหมือนเวลาผ่านไปนานเป็นชาติแบบนี้เลยหล่ะ

อู๋ซีหยวนที่อยู่ข้างๆ ดึงมือเธอพร้อมกับเอ่ยถามว่า “เมียจ๋า เธอหาบ้านตัวเองไม่เจอหรือ?”

ซูจิ่วเย่ว์ดึงสติกลับมา “ฉันจำได้เป็นอย่างดี!”

ทั้งคู่เดินมุ่งหน้าไปทางบ้านตระกูลซู ชาวบ้านที่เดินสวนกันมาเมื่อพบกับพวกเขาทั้งสอง ต่างก็อดที่จะมองด้วยสายตาแปลกๆ เสียมิได้

“จิ่วเย่ว์กลับมาแล้วหรือ?”

ไหนว่าซูจิ่วเย่ว์ถูกพ่อกับแม่ของเขาขายไปแล้วไม่ใช่หรือ? ทำไมยังกลับมาอีกหล่ะ?

ยิ่งเห็นว่ามีผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่เดินตามเธอมาด้วย แถมยังจูงมือกันมาอีก ตะกร้าที่หิ้วมานั้นก็บรรจุของจนเต็มไปหมด ดูยังไงก็ไม่เห็นเหมือนถูกขายไป แล้วหนีกลับมาเลยสักนิด

ตรงกันข้ามมันเหมือน...การกลับมาเยี่ยมญาติผู้ใหญ่ด้วยซ้ำ?

“จิ่วเย่ว์? นี่เธอหายไปไหนมา? ไม่เห็นหน้าหลายวันเลย?”

คนที่เอ่ยปากถามล้วนเป็นคนในหมู่บ้านที่จิ่วเย่ว์เองก็รู้จักดี เขาจับมือของอู๋ซีหยวนเอาไว้จนแน่น

อู๋ซีหยวนที่อยู่ข้างๆ แย่งตอบขึ้นมาก่อนว่า “เธอเป็นภรรยาของฉัน ก็ต้องอยู่ที่บ้านฉันหน่ะสิ!”

ป้าหยางคนที่ถามนั้นตกใจไปชั่วครู่ คิดไม่ถึงว่าเธอจะไปแต่งงานจริงๆ

เขาอยากจะเอ่ยปากถามต่อ แต่ซูจิ่วเย่ว์ลากอู๋ซีหยวนให้รีบเดินออกไปทันที

.

ทุกวันของตระกูลซูผ่านไปไม่ง่ายนัก เดิมทีซูจิ่วเย่ว์เป็นคนดูแลเด็กทั้งสามคนในบ้านเองทั้งหมด และทุกคนต่างมีความสัมพันธ์อันดีต่อซูจิ่วเย่ว์ ครั้งนี้ซูจิ่วเย่ว์แต่งงานออกไปอย่างกะทันหัน เด็กทั้งสามคนต่างกระจองอแงกันไม่หยุด

แม้พวกเขาจะมีอาหารที่ตระกูลอู๋ ส่งมาให้ สองสามวันมานี้บ้านของเขาไม่ได้เป็นกังวลกับเรื่องของอาหารการกินมากนัก พอพวกเขามีเวลาว่าง นางจังก็จะนั่งเช็ดน้ำตาอยู่ตรงบันไดที่ลานบ้าน พอเธอร้องไห้ เด็กทั้งสามคนก็ร้องไห้ตามไปด้วย

ซูต้าหนิวรู้สึกกลุ้มใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งต้องมาเห็นพวกเขาร้องไห้ฟูมฟายสามวันแบบนี้ยิ่งทนไม่ได้ไปใหญ่ เขาเขวี้ยงถ้วยชาลงพื้น และด่าทอเสียงดังว่า “จะร้องไห้อะไรกันนักหนา?กูยังไม่ตายสักหน่อย! ร้องตั้งแต่เช้าจนค่ำร้องกันไม่หยุด! ใครยังร้องไห้อีก วันนี้ไม่ต้องกินข้าว!”

ซูจิ่วเย่ว์พึ่งจะเดินถึงหน้าประตูบ้าน ก็ได้ยินเสียงคำว่า ไม่ต้องกินข้าว ดังลอดออกมาจากในลานบ้าน

คำพูดนั้นทำให้เธอตกใจกลัวจนตัวสั่น

อู๋ซีหยวนที่อยู่ข้างกายเธอก็รู้สึกหวาดกลัวตามไปด้วย เขากระเถิบเข้าใกล้ซูจิ่วเย่ว์ และกระซิบเบาๆ ว่า “เมียจ๋า พ่อของเธอดุจังเลย....ปกติแล้วเขามักจะไม่ให้เธอกินข้าวอย่างนั้นหรือ?”

ซูจิ่วเย่ว์ส่ายหน้า “ไม่มีอะไรหรอก ไปเถอะ พวกเราเข้าไปข้างในกัน”

พวกเขาทั้งคู่ยังไม่ทันเดินเข้าไปข้างใน นางจังก็มองเห็นพวกเขาผ่านรั้วแล้ว

เขาคิดไม่ถึงเลยว่าจะมีวันที่ตัวเองได้พบลูกสาวอีกครั้ง ตอนที่ขายลูกไปนั้น เขารู้สึกละอายใจมาโดยตลอด ยิ่งนึกถึงเรื่องพวกนี้ เขาเองก็ยิ่งรู้สึกลำบากใจ

“จิ่วยา?!” เขาเอ่ยเสียงเรียก

ความวุ่นวายที่อยู่ในลานบ้าน เปลี่ยนเป็นเงียบสงบลงด้วยเสียงเรียกของเขา

ทุกคนต่างหันไปมอง บรรดาน้องชายและน้องสาวของเธอต่างรู้สึกประหลาดใจมากเมื่อเห็นพวกเขาสองคนเดินจับมือกันเข้ามา และนี่ยิ่งทำให้ซูจิ่วเย่ว์รู้สึกอายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนี

เธอคิดอยากจะสลัดมือออก แต่อู๋ซีหยวนกลับไม่ยอมปล่อยมือของเธอเลย

นางจังลุกขึ้นยืน เธอปัดฝุ่นที่ติดอยู่บนร่างกาย ปาดน้ำตาบนใบหน้า และรีบเดินเข้ามาทันที “จิ่วเย่ว์? เธอกลับมาได้ยังไงหน่ะ?”

ขณะที่เธอพูด สายตาของเธอก็จับจ้องไปที่อู๋ซีหยวน “ผู้นี้คือ....? ลูกเขย?”

ซูจิ่วเย่ว์เห็นว่าผู้คนที่เดินผ่านไปมาต่างมองมายังพวกเขาทั้งสอง ดังนั้นจึงพยักหน้าพร้อมกับพูดกลับไปว่า “อืม แม่คะ พวกเราเข้าบ้านก่อนแล้วค่อยคุยกันดีกว่าค่ะ”

ตอนนี้นางจังราวกับได้สติคืนกลับมา “จริงด้วย เธอดูสิ ฉันดีใจมากเกินไป จนปล่อยให้พวกเธอยืนคุยอยู่หน้าประตูบ้านไปซะอย่างนั้น พวกเราเข้าบ้านก่อนแล้วค่อยคุยกันนะ”

นางจังต้อนรับพวกเขาเข้าบ้านและตะโกนเสียงดังในลานบ้านไปด้วย “เด็กเด็ก พ่อ! จิ่วยากลับมาแล้ว! จิ่วยาของพวกเรากลับมาแล้ว!”

ซูเฉวียนที่พึ่งเดินเข้าไปเมื่อครู่นี้ พอได้ยินเสียงเอะอะโวยวายหน้าบ้าน ก็รีบวิ่งออกมาดูทันที

“จิ่วยา?! ใช่จิ่วยาจริงๆ หรือ! จิ่วยา! เธอกลับมาได้ยังไงหน่ะ?”

เจ้าเด็กตัวน้อยทั้งสามก็วิ่งปรื๋อออกมาจากบ้านด้วยเช่นกัน “พี่!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภรรยานำโชคของเสนาบดี