ภรรยานำโชคของเสนาบดี นิยาย บท 122

“เช่นนั้นก็ดี!คืนนี้นอนกับข้า ข้าเองก็ไม่ได้นอนกับเจ้ามาหลายปีแล้วใช่หรือไม่?”

ก่อนนี้พักค้างแรมที่ตระกูลเจียง ก็เป็นเรื่องเมื่อสมัยเด็กๆแล้ว แต่ตอนนี้โตแล้วยังค้างแรมที่เรือนผู้อื่นอีก ซูจิ่วเย่ว์รู้สึกแปลกๆ

“ช่างมันเถอะ นานๆทีข้าจะกลับมา ข้าไปพักที่บ้านพ่อแม่ดีกว่า”

เจียงชุนซี๋กลับกล่าวว่า :“เรือนนั้นของเจ้าไม่มีคนอยู่มานานเท่าไหร่แล้ว? ประหยัดฟืนบ้านตัวเองหน่อยเถอะ!คืนนี้นอนกับข้า! ตกลงเช่นนี้เลยแล้วกัน!”

เจียงชุนซี๋ไม่ได้ออกไปข้างนอก แต่เถียนเอ้อโก่วกลับนั่งรออยู่ตรงป่าหยางตลอดทั้งวันตามคำสั่งแม่ของเขา จนกระทั่งพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า เขาก็ยังไม่เจอผู้ใด

เขารัดเชือกกางเกงให้แน่น ลูบท้องอันหิวโหยแล้วกลับเรือนไปด้วยความโกรธ

ทันทีที่เข้าประตูเรือน เขาก็เตะกะละมังที่วางอยู่ในสวน กะละมังไปกระแทกเข้ากับพลั่วที่วางตั้งตรง ด้ามพลั่วก็บังเอิญกระแทกเข้ากับศีรษะเขาพอดี

เขาจับศีรษะแล้วร้องโหยหวน นางจ้าวที่นั่งอยู่ในเรือนได้ยินความเคลื่อนไหวในสวนจึงรีบวิ่งออกมา “ลูกข้า เจ้าเป็นอะไร?”

เถียนเอ้อโก่วกอดศีรษะเอาไว้ เมื่อได้ยินคำพูดนี้ก็ยิ่งมีน้ำโหเข้าไปอีก “อะไรเป็นอะไรกันล่ะ ข้าเป็นลูกชายของท่านนะ! ท่านหลอกข้าเล่นเช่นนี้ มีแม่แบบท่านอยู่อีกหรือ?!”

นางจ้าวได้ยินก็สับสนมึนงง “ข้าไปหลอกเจ้าเล่นอะไร? คนเป็นแม่อย่างข้าไม่ว่าจะทำเรื่องอะไรก็เพื่อเป็นผลดีกับเจ้าทั้งนั้น? เจ้าลูกคนนี้โดนทุบศีรษะไปอย่างไม่ทันระวัง กลับมาโทษผู้เป็นแม่อย่างข้า มานี่ซิ ให้ข้าดูหน่อยว่าแดงแล้วหรือไม่?”

นางพูดไป ก็ดึงลูกชายให้เข้าเรือนไปด้วย

อาศัยแสงสลัวของตะเกียงน้ำมัน นางเป่าหน้าผากของเขาอย่างปวดใจเป็นเวลานาน แล้วจึงเอ่ยถามขึ้นว่า:“วันนี้เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า? ได้เรื่องหรือไม่? เหตุใดถึงได้กลับมาดึกดื่นเช่นนี้?”

เถียนเอ้อโก่วดันมือที่กดอยู่บนหน้าผากของตัวเองออก กล่าวอย่างไม่พอใจว่า:“ท่านบอกว่าวันนี้นางจะผ่านมาทางนั้นแน่นอน แต่ข้ารอมาทั้งวันแล้วก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของผู้ใดสักคน!”

นางจ้าวได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้ว “มันเป็นไปไม่ได้! ข้าวานคนให้ไปบอกนางเองกับมือ ยังให้เงินก้อนโตกับคนผู้นั้นอีก นางไม่น่าหลอกข้านะ”

ตอนนี้ยังไม่ถึงต้นฤดูใบไม้ผลิ ข้างนอกยังคงหนาวอยู่! เถียนเอ้อโก่วทนหนาวทั้งวันโดยเปล่าประโยชน์ ในใจเต็มไปด้วยความโกรธ หลังจากได้ยินคำพูดนี้ของนาง ก็โมโหขึ้นมาทันที

“นี่ท่านหมายความว่าอย่างไร? นางไม่มีทางหลอกท่าน ถ้าเช่นนั้นก็หมายความว่าข้าหลอกท่านงั้นหรือ? ข้าทนหิวโหยหนาวสะท้านอยู่ข้างนอกเป็นครึ่งค่อนวันเป็นเรื่องโกหกงั้นหรือ?”

นางจ้าวมีความอดทนต่อลูกชายของตัวเองมาตลอด เมื่อเห็นว่าเขาโมโห ก็รีบยื่นมือไปตบตัวเขาเบาๆ “เจ้าใจเย็นๆ ใจเย็นๆ บางทีวันนี้นางอาจจะมีเรื่องอะไรที่บ้าน หรือวันรุ่งขึ้นเราค่อยไปอีกดีหรือไม่?”

เถียนเอ้อโก่วได้รับการเอาอกเอาใจจากแม่ของเขามาตั้งแต่เด็ก ไม่สามารถทนรับความลำบากใดๆได้ วันนี้สามารถทนหนาวอยู่ข้างนอกได้ทั้งวัน ถือว่าถึงขีดจำกัดความอดทนของเขาแล้ว

“ข้าไม่ไปหรอก! ผู้ใดอยากไปก็ให้มันไป! ก็แค่หญิงบ้านนอกคนหนึ่ง ต้องทำถึงขนาดนี้เลยหรือ! วันนี้ข้าทิ้งคำขาดไว้ที่นี่แหละ ต่อให้นางจะเป็นคุณหนูตระกูลผู้ดีจากไหน ข้าก็ไม่ไป!”

นางจ้าวเองก็ร้อนรน “เหตุใดเจ้าถึงได้ดื้อขนาดนี้!”

“ไม่ไป!อยากไปนักท่านก็ไปเอง!”

พูดจบเถียนเอ้อโก่วก็ลุกขึ้นยืน กลับเข้าไปที่ห้องของตัวเอง กระแทกประตูเสียงดังปัง จนประตูหน้าต่างที่ทรุดโทรมแกว่งไปมา แทบจะคงไว้ไม่อยู่

นางจ้าวถอนหายใจ นึกขึ้นได้ว่าเขาหิวมาทั้งวันไม่ได้กินข้าวเลย จึงรีบเขาไปเอาข้าวปลาอาหารที่ยังร้อนๆอยู่ในห้องครัวออกมา

เถียนเอ้อโก่วยังคงอารมณ์เสียอยู่ นั่งอยู่บนเตียงเตาแล้วหันหลังไปมองกำแพง โดยที่ไม่มองนางเลยแม้แต่น้อย

นางจ้าวไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากโน้มน้าวบรรพบุรุษตัวน้อยของนางด้วยเสียงอ่อนโยน :“เอาล่ะ เอาเจ้าว่า ไม่ไปก็ไม่ไป พรุ่งนี้แม่ค่อยไปหาแม่สื่อหลี่ให้หาหญิงสาวตระกูลดีให้กับเจ้า ลูกข้าเก่งเช่นนี้ จะกังวลว่าหาเมียไม่ได้ไปทำไม?!”

นางพูดเช่นนี้ เถียนเอ้อโก่วถึงได้สบายใจขึ้นมาเล็กน้อย

“เป็นเช่นนั้นได้ยิ่งดี ไม่มีเหตุผลที่ยายเจ้าจะคิดถึงเพียงแค่เจ้า แล้วไม่คิดถึงแม่ของเจ้า”

เจียงชุนซี๋ได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะออกมา “นั่นก็ไม่แน่นอนหรอก อย่างไรเสียข้าก็เกิดมาเป็นที่ชื่นชอบของคนเช่นนี้ หากยายจะเอ็นดูข้าแต่เพียงผู้เดียวก็ถือเป็นเรื่องปกติ”

ซูจิ่วเย่ว์รู้ว่านางได้ฟังคำพูดของตัวเองแล้ว ตอนนี้นางแค่เพียงพูดล้อตัวเองเล่น!

“เจ้าพูดคำนี้ต้องระวังหน่อย ระวังคุณป้าจะได้ยิน!”

……

ทั้งคู่พูดหยอกล้อกันอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นเจียงชุนซี๋ก็มองไปทางซูจิ่วเย่ว์ “จิ่วยา เจ้าเตือนไม่ให้ข้าออกไปคนเดียว แต่ตอนนี้เจ้ากลับจะกลับเข้าไปในเมืองด้วยตัวคนเดียว?”

ซูจิ่วเย่ว์นิ่งไป นางเอาตัวเองเข้าไปพัวพันได้ยังไง?

“ไม่เป็นไร ข้าขี่หงหง วิ่งเร็ว พวกเขาไล่ตามข้าไม่ทันหรอก”

เจียงชุนซี๋เชื่อคำพูดของนางอย่างฝืนๆ เอื้อมมือไปจับหน้าม้าของหงหง และเอ่ยสั่งอย่างระมัดระวังว่า :“เจ้าต้องส่งจิ่วยากลับไปอย่างครบถ้วนสมบูรณ์นะ ไม่เช่นนั้นหากครั้งต่อไปข้าเจอเจ้า ข้าจะทุบตีเจ้าอย่างหนักเลย!”

หงหงส่งเสียงออกทางจมูก ราวกับกำลังตอบกลับนาง

น้องซี๋หันไปมองซูจิ่วเย่ว์อย่างประหลาดใจ “หงหงดูเหมือนจะสามารถเข้าใจภาษามนุษย์ได้”

“มันน่าตื่นตระหนกตกใจเป็นการใหญ่ตรงไหนกัน? ทุกสิ่งล้วนมีจิตวิญญาณ เอาล่ะ ข้าไม่รบกวนเจ้าแล้ว ข้าต้องรีบกลับไป ทำอาหารให้ซีหยวนก่อนเขาจะเลิกเรียน!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภรรยานำโชคของเสนาบดี