ภรรยานำโชคของเสนาบดี นิยาย บท 129

อาต้าตอบโดยไม่รู้ตัวและขมวดคิ้วทันที “ท่านแม่ทัพ เราต้องลงไปในน้ำขุ่นนี้จริง ๆ หรือ? การส่งคนไปปกป้องหญิงสาวชาวนาผู้นั้น ในสายตาคนอื่นจะคิดว่าเราเลือกเข้าข้างใครใช่ไหม?”

ท่านแม่ทัพกุมอำนาจทหารอยู่ในมือ ถ้าได้เลือกข้างแล้วใคร ๆ ก็ต้องระวังเขา ถ้าเกิดข้อผิดพลาดเกิดขึ้นมา ทำให้ทุกคนถูกผูกเข้าเป็นปมเดียวกัน เวลานั้นต้องเกิดปัญหาขึ้นแน่ ๆ !

แม่ทัพซูหัวเราะเบา ๆ และพูดว่า "เข้าข้างเหรอ? ลูกสาวของข้ายังจะเป็นพระชายาของท่านอ๋องเยี่ยน! ในสายตาของคนอื่น เราก็คือคนของท่านอ๋องเยี่ยน!"

อ้าต้าไม่เข้าใจแผนการของเขาจริงๆ “ท่านแม่ทัพ ท่านไม่ใช่ไม่ต้องการให้คุณหนูใหญ่เข้าไปยุ่งเกี่ยวราชวงศ์ไม่ใช่เหรอ?”

ขุนนางนั้นมีสถานะ แต่สิ่งเหล่านี้ไม่เหมาะกับคุณหนูใหญ่จริงๆ

หากท่านแม่ทัพซูมีทางเลือก เขาก็อยากจะหาลูกเขยให้ลูกสาวของเขา แต่จู่ๆ เขาก็ได้ยินข่าวลือบางอย่างเมื่อไม่นานมานี้

ว่ากันว่าตอนนี้ฮ้องเต้ทรงประชวรหนัก และดูเหมือนพระองค์จะไม่อยากที่จะต่อสู้กับชาวหู

วิธีที่ดีที่สุดในการรักษาความสงบเรียบร้อยในเวลานี้ก็คือการแต่งงานเชื่อมสัมพันธไมตรี แต่พระองค์มีองค์หญิงสององค์เท่านั้น และตอนนี้พวกเธอยังเด็กอยู่ ไม่มีตระกูลไหนมีผู้สมัครที่เหมาะสม ดังนั้นความคิดของฮ่องเต้จึงตกอยู่ที่เขา

แต่เขาจะทนกับเรื่องนี้ได้อย่างไร? มันเป็นความแค้นความเกลียดชังระหว่างตระกูลซูกับชาวหู หากลูกสาวของเขาแต่งงานไป ยังไม่รู้ว่าเธอจะโดนทรมานแบบไหน! เมื่อเขาคิดถึงความเป็นได้ที่จะเกิดขึ้น เขายอมตายในสนามรบมากกว่ายอมแลกลูกสาวเพื่อสันติภาพระยะสั้นเช่นนี้

เขาคิดในใจอยู่สองวัน โดยคิดว่าวิธีที่ดีที่สุดในเวลานี้คือการหาคู่ที่ดีที่สุดให้กับลูกสาวของเขา

เขามอดูเด็กหนุ่มที่ความสามารถรอบตัวของเขา แต่ก็ไม่มีใครเป็นที่น่าพอใจเลย แค่คิดถึงความคิดของเด็กเหลือขอเหล่านั้นที่ต้องการแต่งงานกับลูกสาวอันมีค่าของเขา มันเหมือนกับเอามีดแทงเข้าที่หัวใจของเขา และเขารู้สึกว่าไม่มีใครคู่ควรเลยสักคน

ขณะที่เขากลัดกลุ่มจู่ๆ ก็มีคนมาสู่ขอถึงที่

คนที่มาสู่ขอไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นท่านอ๋องเยี่ยน

เขาปฏิเสธไปหนึ่งครั้ง และครั้งที่สองท่านอ๋องเยี่ยนก็มาสู่ขอด้วยตัวเอง

ชายสองคนคุยกันในบ้านเกือบทั้งวัน พอเปิดประตูออกมาอีกครั้ง ท่านแม่ทัพซูก็ประกาศว่าคุณหนูซูได้หมั้นหมายแล้ว

ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาพูดคุยอะไร มีเพียงท่านแม่ทัพซูเท่านั้นที่รู้

ท่านอ๋องเยี่ยนไม่รู้ไปตกหลุมรักลูกสาวคนสำคัญของเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ เพื่อจะสู่ขอเธอเขายอมใช้ทรัพย์สมบัติเกือบทั้งหมดเพื่อจะได้แต่งงานกับเธอ และยังยอมทำสัญญาว่าทั้งชีวิตของเขาจะแต่งงานกับซูอี๋ผู้หญิงเพียงคนเดียวเท่านั้น

ท่านแม่ทัพซูก็เป็นผู้ชายเช่นกัน เมื่อเห็นว่าเขาทำถึงขนาดนี้ ในใจของเขาก็มั่นใจมากขึ้น

หากไม่ใช่เพราะสถานการณ์ขับขัน เขาคงจะขอเวลาคิดสองวัน

เมื่อเห็นอาต้าถามถึงเรื่องนี้ ท่านแม่ทัพซูก็แค่โบกมือแล้วพูดว่า "เอาล่ะ ข้าแม่ทัพคนนี้ภักดีต่อฮ้องเต้มาโดยตลอด ไม่ว่าพวกเขาจะแก่งแย่งกันด้วยเรื่องอะไร อย่างไรเสียฮ่องเต้ก็ยังอยู่!"

อาต้าก็คิดเช่นนั้น ฮ้องเต้ทรงประชวรมาหลายวันแล้ว แต่ยังไม่มีข่าวร้ายใด ๆออกมา การเปลี่ยนฟ้าเปลี่ยนแผ่นดินนั้นยังอยู่ห่างไกล!

เมื่อท่านนายผลชี้แนะ อาต้าก็เข้าใจในทันที

ใชแล้ว ฮ้องเต้ยังพลานมัยดีอยู่ จะทะเลาะแก่งแย่งกันไปทำไม? เมื่อถึงเวลาอย่าได้ขึ้นชื่อเป็นคนเลวที่ฆ่าเก้าชนเผ่า

.

ซูจิ่วเย่ว์สองสามีไม่ได้ฝึกวิทยายุทธ และพวกเขาไม่ได้รับรู้ถึงความวุ่นวายรอบตัวพวกเขา

หลังจากตื่นแต่เช้า และไปส่งสามีที่สถานศึกษาแล้ว เธอก็ออกไปข้างนอก

ช่วงก่อนที่เธออยู่บ้านว่าง ๆ ไม่ได้ทำอะไร เธอได้ปักผ้าเช็ดหน้าไว้หลายผืน เธอจึงเอาไปที่ร้านขายเสื้อผ้าเพื่อแลกเงินเล็กน้อย

“พี่สาววางใจเถิด อะไรที่ออกมาจากปากท่านเข้าหูข้า ข้าจะไม่มีวันบอกคนอื่นแน่ ๆ !” ซูจิ่วเย่ว์สัญญา

นางหลี่ถึงได้โล่งใจ "เขาบอกว่าเธอไปยั่วยวนท่านอ๋องเยี่ยน และถูกคู่หมั้นของท่านอ๋องเยี่ยนจับได้ ดังนั้นเธอจึงถูกส่งเข้าไปที่นั่น"

คู่หมั้นของท่านอ๋องเยี่ยน*? ? ซูอี๋ไม่ใช่เหรอ? ทำไมข้าไม่ได้ยินเธอเอ่ยถึงเรื่องนี้เลย? ! ข้าไม่รู้ว่าซูอี๋ใจกว้าง หรือมีเหตุผลอื่นที่ซ่อนเร้นอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้หรือไม่?

“ยั่วยวนท่านอ๋องเยี่ยน ? มันเรื่องจริงหรือ?” การนินทาเป็นธรรมชาติของผู้หญิง และซูจิ่วเย่ว์ก็ไม่รอดพ้นจากคำโบราณกล่าวไว้ ดังนั้นเธอจึงถามต่ออย่างสงสัย

“แน่นอนมันเป็นเรื่องจริง อย่าประมาทคุณหนูซุยสองเชียวนะ เธอเป็นคนมักใหญ่ใผ่สูง! ดูเธอสิ ปีนี้เธออายุสิบแปดแล้ว และยังไม่ได้หมั้นหมายกับใคร เจ้าคิดว่าเป็นเพราะอะไรล่ะ? ก่อนหน้านี้พ่อของเธอได้หมั้นหมายเธอให้กับครอบครัวหนึ่ง เธอไปยกเลิกการหมั้นด้วยตัวเธอเอง สร้างความวุ่นวายมาก ต่อมาฝ่ายชายรู้สึกว่าการแต่งภรรยาก็ควรได้ภรรยาที่ดี ไม่ใชภรรยาที่สร้างปัญหาเช่นนี้ เขาจึงได้ตกลงยอมถอนหมั้น "

“อีกอย่าง ข้าได้ยินมาก่อนหน้านี้ว่าเธอตกหลุมรักนักเรียนจากสถานศึกษาของเรา เขาเป็นคนสูง แข็งแรง และมีการศึกษาดี แต่เธอก็ยังไม่พอใจ! เธอวางกับดักและให้คนทุบตีเขา”

……

นางหลี่กำลังเล่าถึงวีรกรรมของซุยชิงอวิ๋นในช่วงหลายปีที่ผ่านมาโดยละเอียด แต่ซูจิ่วเย่ว์ฟังแล้วรู้สึกบางอย่างในใจ เรื่องนี้คลับคล้ายคลับคลากับเรื่องราวที่หยางหลิวได้พูดก่อนหน้านี้

ไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาอยางลอย ๆ มันต้องมีต้นเหตุของเรื่องราวแน่นอน

“เธอลงมือทำร้ายคนได้อย่างไรกัน? เกิดอะไรขึ้นกับนักเรียนคนนั้น?” ซูจิ่วเย่ว์ถาม

“ได้ยินมาว่าทุบตีจนกลายเป็นคนสติปัญญาไม่ดี แม้แต่ชีวิตที่เหลืออยู่ก็พังทลายลง เจ้าว่าผู้หญิงคนนี้เหี้ยมโหดแค่ไหน เธอไม่อยากแต่ง ใช่ว่าจะมีใครอยากจะแต่งกับเธอเสมอไป! เพื่อความปารถนาของเธอแล้ว เธอก็สามารถทำลายอนาคตของคน ๆ หนึ่งได้”

เมื่อเธอพูดถึงเรื่องนี้ เธอก็หัวเราะออกมาด้วยสีหน้ายินดี “ ก็สมควรแล้ว ทำลายชีวิตของคนอื่นสมควรโดนฟ้าดินลงโทษ นี่คือสิ่งที่เธอได้รับผลกรรมของมันแล้วใช่ไหม?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภรรยานำโชคของเสนาบดี