เมื่อเจ้าบ้านตระกูลซูเห็นว่าเขาอดทนไหว ก็รู้สึกเห็นใจเล็กน้อย ลูกผู้ชายอกสามศอกจะร้องเพราะอาการบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยได้อย่างไร?
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เดี๋ยวข้าจะช่วยท่านจัดกระดูกให้เข้าที่เอง”
แม้ว่ามู่เซ่าหลิงไม่ได้พูดอะไร แต่เขาก็ตื่นตระหนกเล็กน้อย พ่อตาของเขาดูเหมือนไม่ค่อยใส่ใจการใช้ชีวิตมากนัก เขากังวลมาก หากเขานั้นมือหนัก อาจทำให้แขนของตัวเองนั้นพิการได้
เจ้าบ้านตระกูลซูคือใคร? เมื่อดูสีหน้าของเขาแล้ว ก็รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ เขาขมวดคิ้วทันที “เจ้าเด็กคนนี้ไม่เชื่อใจข้าหรือ?”
ในเวลานี้ ตราบใดที่เขายังพอมีสติสัมปชัญญะ แม้จะไม่เชื่อใจก็ไม่กล้าพูดออกมา
มู่เซ่าหลิงก็ยอมรับความเสี่ยง เขากัดฟันและส่ายหัว “ท่านพ่อตาลงมือได้เลย แน่นอนว่าข้าเชื่อใจท่าน”
เจ้าบ้านตระกูลซูหัวเราะเยาะ “ไม่ว่าเจ้าจะเชื่อใจหรือไม่ วันนี้ข้าก็ตั้งใจที่จะลงมือเอง!”
กวนไหวหย่วนที่ยืนดูอยู่ข้างๆสีหน้าเศร้าหมอง มีตัวอักษรห้าตัวเขียนอยู่บนหน้า-------กล้าโกรธไม่กล้าพูด
สองคนนี้ คนหนึ่งคือว่าที่พระชายาในอนาคต ส่วนอีกคนก็คือว่าที่พ่อตาของท่านอ๋อง แม้แต่ท่านอ๋องของเขาก็พยักหน้าแล้ว เขาซึ่งเป็นคนรับใช้จะกล้าพูดได้อย่างไร?
ในสายตาของซูอี๋ ไม่มีอะไรที่ท่านพ่อของเธอทำไม่ได้ เธอจะเข้าไปห้ามได้อย่างไร?
เห็นเพียงท่าทางที่กล้าหาญของมู่เซ่าหลิง เจ้าบ้านตระกูลซูเอื้อมมือไปวางบนไหล่ของเขา มืออีกข้างจับแขนของเขาไว้
ภายในห้องเงียบมากจนแทบได้ยินเสียงหัวใจของมู่เซ่าหลิงเต้น แต่เจ้าบ้านตระกูลซูก็ยังไม่ลงมือสักที มู่เซ่าหลิงอยากจะบอกกับเขาโดยตรงว่า รีบลงมือเถอะ
เจ้าบ้านตระกูลซูเหลือบมองผู้คนรอบตัวเขา เมื่อเห็นว่าทุกคนกำลังจ้องมองเขาอยู่ จู่ๆเขาก็ถามขึ้นว่า “ปีนี้ท่านอ๋องอายุเท่าไหร่?”
มู่เซ่าหลิงตะลึงเล็กน้อย ไม่ทันตั้งตัวกับคำถามของเขา เขาครุ่นคิดอยู่นาน ก่อนจะยืนยันว่าตอนนี้ตัวเองอายุเท่าไหร่
เขาจึงตอบกลับว่า “ยี่สิบสอง”
“ออ--------” เสียงของเจ้าบ้านตระกูลซูลากยาว “ก็แก่ไปหน่อย พี่อี๋ของข้าอายุแค่สิบหก”
มู่เซ่าหลิง :“……”
เขายังคงไตร่ตรองอย่างจริงจังว่าเขาแก่เกินไปหรือไม่ จากนั้นความเจ็บปวดอันรุนแรงก็ลามจากไหล่ของเขาไปจนทั่วร่างกาย
เขากัดฟันและอดทนต่อความเจ็บปวด แต่ก็ยังส่งเสียงครวญครางอู้อี้
เมื่อเห็นสิ่งนี้หัวใจของซูอี๋ก็เต้นรัว และรีบถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? ดีขึ้นหรือยัง?”
กวนไหวหย่วนกำลังจะถาม เมื่อเห็นพระชายาตัวน้อยชิงตัดหน้าถามก่อน เขาจึงหุบปาก และมองดูท่านอ๋องของเขาอย่างประหม่า
เจ้าบ้านตระกูลซูก็เก็บมือเข้าในแขนเสื้อ แล้วพูดกับเขาว่า “ลองดูสิ ลองขยับแขนไปมา”
หลังจากมู่เซ่าหลิงฟังคำพูดของเขา ก็ลองขยับแขนของเขา ยังคงเจ็บปวดเล็กน้อย แต่ก็ดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก ดูเหมือนว่าจัดกระดูกแขนเข้าที่แล้ว
เขาทำการขอบคุณเจ้าบ้านตระกูลซู “ขอบคุณท่านพ่อตา”
เจ้าบ้านตระกูลซูไม่ชอบที่เขาเรียกตัวเองว่าท่านพ่อตามากที่สุด เขาอุทานอย่างเย็นชาเมื่อได้ยินสิ่งนี้ “เอาล่ะ ในเมื่อจัดกระดูกแขนเรียบร้อยแล้ว เราพ่อลูกทั้งสองก็ขอตัวกลับก่อน”
มู่เซ่าหลิงรู้สึกไม่อยากให้จากไป จึงรีบพูดขึ้นว่า ท่านพ่อตา ให้เกียรติทานมื้อเย็นแล้วค่อยกลับได้ไหม?
เมื่อเจ้าบ้านตระกูลซูเห็นพฤติกรรมที่ดีของเขา ก็จะให้หน้าแก่เขา แต่ซูอี๋กลับชิงตัดหน้าพูดว่า “ไม่ล่ะ จิวเย่ว์ยังอยู่ที่บ้านรอพวกเรากลับไป!”
หลังจากพูดจบ ก็ไม่ได้สนใจสีหน้าของมู่เซ่าหลิง และรีบพูดเร่งเร้า “ท่านพ่อ พวกเรารีบกลับกันเถอะ!”
มู่เซ่าหลิงรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย จู่ๆซูอี๋ก็หันมาพูดกับเขาโดยไม่คาดคิดว่า “ท่านควรพักผ่อนให้ดี วันหลังข้าจะมาเยี่ยมท่านใหม่”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภรรยานำโชคของเสนาบดี
ตอนที่ 179-185 มีตอนละ 3 บรรทัด งงมาก ทำไมช่วงนี้ลงเนื้อหานิยายขาดหายตลอดเลย...
162-168 มีแค่บาทละ 2-4 บรรทัดเท่านั่นน...
161 มีแค่ 2บรรทัด เนื้อหาหายไปไหน งงง...
160 มีแค่สองบรรทัด...
บทนี้มีแค่ 4 บรรทัด...
บทที่140 -145 มีเนื้อหาบทละ 3-4 บรรทัดเท่านั่น เนื้อหาหายไปไหนน้อ...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...
อะแหมมมม พ่อหนุ่มน้อยของเราร้ายนะเนี่ย 5555...
มันมาได้ยังไง...
ซีหยวนน่ารักอ่า...