ภรรยานำโชคของเสนาบดี นิยาย บท 134

เมื่อเจ้าบ้านตระกูลซูเห็นว่าเขาอดทนไหว ก็รู้สึกเห็นใจเล็กน้อย ลูกผู้ชายอกสามศอกจะร้องเพราะอาการบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยได้อย่างไร?

“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เดี๋ยวข้าจะช่วยท่านจัดกระดูกให้เข้าที่เอง”

แม้ว่ามู่เซ่าหลิงไม่ได้พูดอะไร แต่เขาก็ตื่นตระหนกเล็กน้อย พ่อตาของเขาดูเหมือนไม่ค่อยใส่ใจการใช้ชีวิตมากนัก เขากังวลมาก หากเขานั้นมือหนัก อาจทำให้แขนของตัวเองนั้นพิการได้

เจ้าบ้านตระกูลซูคือใคร? เมื่อดูสีหน้าของเขาแล้ว ก็รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ เขาขมวดคิ้วทันที “เจ้าเด็กคนนี้ไม่เชื่อใจข้าหรือ?”

ในเวลานี้ ตราบใดที่เขายังพอมีสติสัมปชัญญะ แม้จะไม่เชื่อใจก็ไม่กล้าพูดออกมา

มู่เซ่าหลิงก็ยอมรับความเสี่ยง เขากัดฟันและส่ายหัว “ท่านพ่อตาลงมือได้เลย แน่นอนว่าข้าเชื่อใจท่าน”

เจ้าบ้านตระกูลซูหัวเราะเยาะ “ไม่ว่าเจ้าจะเชื่อใจหรือไม่ วันนี้ข้าก็ตั้งใจที่จะลงมือเอง!”

กวนไหวหย่วนที่ยืนดูอยู่ข้างๆสีหน้าเศร้าหมอง มีตัวอักษรห้าตัวเขียนอยู่บนหน้า-------กล้าโกรธไม่กล้าพูด

สองคนนี้ คนหนึ่งคือว่าที่พระชายาในอนาคต ส่วนอีกคนก็คือว่าที่พ่อตาของท่านอ๋อง แม้แต่ท่านอ๋องของเขาก็พยักหน้าแล้ว เขาซึ่งเป็นคนรับใช้จะกล้าพูดได้อย่างไร?

ในสายตาของซูอี๋ ไม่มีอะไรที่ท่านพ่อของเธอทำไม่ได้ เธอจะเข้าไปห้ามได้อย่างไร?

เห็นเพียงท่าทางที่กล้าหาญของมู่เซ่าหลิง เจ้าบ้านตระกูลซูเอื้อมมือไปวางบนไหล่ของเขา มืออีกข้างจับแขนของเขาไว้

ภายในห้องเงียบมากจนแทบได้ยินเสียงหัวใจของมู่เซ่าหลิงเต้น แต่เจ้าบ้านตระกูลซูก็ยังไม่ลงมือสักที มู่เซ่าหลิงอยากจะบอกกับเขาโดยตรงว่า รีบลงมือเถอะ

เจ้าบ้านตระกูลซูเหลือบมองผู้คนรอบตัวเขา เมื่อเห็นว่าทุกคนกำลังจ้องมองเขาอยู่ จู่ๆเขาก็ถามขึ้นว่า “ปีนี้ท่านอ๋องอายุเท่าไหร่?”

มู่เซ่าหลิงตะลึงเล็กน้อย ไม่ทันตั้งตัวกับคำถามของเขา เขาครุ่นคิดอยู่นาน ก่อนจะยืนยันว่าตอนนี้ตัวเองอายุเท่าไหร่

เขาจึงตอบกลับว่า “ยี่สิบสอง”

“ออ--------” เสียงของเจ้าบ้านตระกูลซูลากยาว “ก็แก่ไปหน่อย พี่อี๋ของข้าอายุแค่สิบหก”

มู่เซ่าหลิง :“……”

เขายังคงไตร่ตรองอย่างจริงจังว่าเขาแก่เกินไปหรือไม่ จากนั้นความเจ็บปวดอันรุนแรงก็ลามจากไหล่ของเขาไปจนทั่วร่างกาย

เขากัดฟันและอดทนต่อความเจ็บปวด แต่ก็ยังส่งเสียงครวญครางอู้อี้

เมื่อเห็นสิ่งนี้หัวใจของซูอี๋ก็เต้นรัว และรีบถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? ดีขึ้นหรือยัง?”

กวนไหวหย่วนกำลังจะถาม เมื่อเห็นพระชายาตัวน้อยชิงตัดหน้าถามก่อน เขาจึงหุบปาก และมองดูท่านอ๋องของเขาอย่างประหม่า

เจ้าบ้านตระกูลซูก็เก็บมือเข้าในแขนเสื้อ แล้วพูดกับเขาว่า “ลองดูสิ ลองขยับแขนไปมา”

หลังจากมู่เซ่าหลิงฟังคำพูดของเขา ก็ลองขยับแขนของเขา ยังคงเจ็บปวดเล็กน้อย แต่ก็ดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก ดูเหมือนว่าจัดกระดูกแขนเข้าที่แล้ว

เขาทำการขอบคุณเจ้าบ้านตระกูลซู “ขอบคุณท่านพ่อตา”

เจ้าบ้านตระกูลซูไม่ชอบที่เขาเรียกตัวเองว่าท่านพ่อตามากที่สุด เขาอุทานอย่างเย็นชาเมื่อได้ยินสิ่งนี้ “เอาล่ะ ในเมื่อจัดกระดูกแขนเรียบร้อยแล้ว เราพ่อลูกทั้งสองก็ขอตัวกลับก่อน”

มู่เซ่าหลิงรู้สึกไม่อยากให้จากไป จึงรีบพูดขึ้นว่า ท่านพ่อตา ให้เกียรติทานมื้อเย็นแล้วค่อยกลับได้ไหม?

เมื่อเจ้าบ้านตระกูลซูเห็นพฤติกรรมที่ดีของเขา ก็จะให้หน้าแก่เขา แต่ซูอี๋กลับชิงตัดหน้าพูดว่า “ไม่ล่ะ จิวเย่ว์ยังอยู่ที่บ้านรอพวกเรากลับไป!”

หลังจากพูดจบ ก็ไม่ได้สนใจสีหน้าของมู่เซ่าหลิง และรีบพูดเร่งเร้า “ท่านพ่อ พวกเรารีบกลับกันเถอะ!”

มู่เซ่าหลิงรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย จู่ๆซูอี๋ก็หันมาพูดกับเขาโดยไม่คาดคิดว่า “ท่านควรพักผ่อนให้ดี วันหลังข้าจะมาเยี่ยมท่านใหม่”

สำหรับซูอี๋แล้ว นี่เป็นเพียงแค่การยื่นมือช่วยเท่านั้น

“ไม่เป็นไร พูดตามตรง เจ้ามาหาข้า ข้าดีใจมากเลย”

ซูจิ่วเย่ว์กล่าวคำอำลากับเธอ แต่ถูกเธอห้ามไว้

“หลายวันก่อนข้าทานข้าวที่บ้านของเจ้า วันนี้ไม่ว่ายังไงเจ้าก็ต้องอยู่ทานข้าวที่บ้านข้า”

ซูจิ่วเย่ว์อ้างว่าการเดินทางในความมืดค่อนข้างลำบาก จึงปฏิเสธน้ำใจของนาง และนัดว่าจะมาตอนช่วงเช้าในเร็ววันนี้

ซูอี๋ยังต้องการให้เธอค้างที่นี่ แต่เมื่อคิดได้ว่าเธอแต่งงานแล้ว มันคงไม่ค่อยสะดวก นางจึงล้มเลิกความคิดนี้

“เอาล่ะ จากนี้หากเจ้าต้องการความช่วยเหลือจากข้า เจ้าต้องมาหาข้านะ!”

นางส่งซูจิ่วเย่ว์ออกจากตัวเมืองด้วยตัวเองเป็นระยะทางสองไมล์ จึงถูกซูจิ่วเย่ว์บอกให้กลับไป

ซูจิ่วเย่ว์เพิ่งเดินมาถึงหน้าประตูบ้าน ก็ได้ยินเสียงใครบางคนส่งเสียงดังในลานบ้าน

เธอขมวดคิ้ว ช่วงนี้สามีของเธออ่านตำราหนักมาก ไม่รู้ว่าข้างในเกิดอะไรขึ้น เสียงดังขนาดนั้น ใครจะอ่านตำราเรียนได้ล่ะ?

เธอผลักประตูลานบ้านด้วยความโกรธ เมื่อเข้าไปข้างใน ก็เห็นผู้ชายและผู้หญิงยืนอยู่ในลานบ้าน

อายุประมาณสามสิบต้นๆ แต่เธอไม่เคยเห็นพวกเขามาก่อน และไม่รู้ว่าพวกเขามาทำอะไรที่นี่?

ก็ได้ยินชายคนนั้นยืนอยู่ในลานบ้านและตะโกนด่าไปที่ห้องของท่านปู่กัว “ตาแก่ยายแก่ทั้งสอง คนอื่นวางแผนสำหรับลูกหลานของตัวเอง พวกเจ้ากลับไม่เคยเต็มใจที่จะจ่ายเงินเพื่อข้าเลย กลับปล่อยให้คนอื่นมาอาศัยอยู่ในห้องของข้า?!ข้าคิดว่าตาแก่ยายแก่อย่างพวกเจ้าทั้งสอง คงอยากมอบบ้านให้กับคนอื่นยามแก่?!”

ผู้หญิงคนนั้นก็สาปแช่งว่า “เดิมทีข้าคิดว่าจะมีชีวิตที่ดีกับลูกชายของพวกเจ้า แต่ไม่คาดคิดว่าจะมีภาระพ่วงอีกสองคน และยังเป็นคนตระหนี่อีกด้วย!ไม่ยอมเสียเงินแม้แต่น้อย!”

ซูจิ่วเย่ว์สับสนเล็กน้อยเมื่อได้ยินสิ่งนี้ อู๋ซีหยวนออกมาดึงเธอเข้าไปในห้อง เธอมองออกมาจากหน้าต่าง แล้วถามอู๋ซีหยวนว่า “ซีหยวน พวกเขาคือลูกชายกับลูกสะใภ้ของปู่กัวหรือเปล่า?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภรรยานำโชคของเสนาบดี