นักการในศาลาว่าการไม่คาดว่าพวกเขาจะเปลี่ยนใจกะทันหัน แต่พวกเขาก็แค่ปฏิบัติตามหน้าที่ทางราชการเท่านั้น คำตัดสินในเรื่องนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับพวกเขา
“เจ้าไม่ต้องพูดกับข้าเรื่องพวกนี้ มีเรื่องอะไรไปคุยกับผู้พิพากษาที่ศาลเถอะ!”
ซูจิ่วเย่ว์สองสามีรู้สึกสับสน แต่ก็ถูกนำตัวไปที่ศาลาว่าการด้วย
อย่างไรก็ตามทั้งสองคนเป็นแค่ผู้เช่าเท่านั้น และได้แจ้งขึ้นทะเบียนที่ศาลาว่าการไว้ก่อนแล้ว เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขา และพวกเขาก็จะถูกปล่อยตัวในไม่ช้านี้
กัวจิ้นฟานเพียงแต่รู้สึกเศร้าเล็กน้อย เขาถูกควบคุมตัวที่หน้าห้องโถง เดิมทีเขาคิดว่าผู้พิพากษาจะถามเขาแค่สองสามคำถามเกี่ยวกับเรื่องที่เขาไม่กตัญญูต่อพ่อแม่ของเขา
พ่อของเขาเป็นคนปากร้ายแต่ใจอ่อน พ่อของเขาจะไม่ยอมให้มีอะไรเกิดขึ้นกับเขาอย่างแน่นอน เมื่อถึงเวลาพ่อของเขาก็จะพาเขากลับไปเอง
แต่ใครจะรู้ว่าผู้พิพากษาไม่ได้ทำตามกฎเหมือนเช่นปกติ แต่ถามเขาโดยตรงว่า "กัวจิ้นฟาน ข้าขอถามเจ้าหน่อย เจ้าอยู่ที่ไหนในวันที่สิบหกของเดือนที่แล้ว"
กัวจิ้นฟานสีหน้าซีดลง จากนั้นเขาก็รีบก้มศีรษะลงแล้วพูดด้วยท่าทีมีลับลมคมใน: "ไม่ได้อยู่ที่ไหน ข้าแค่อยู่ที่บ้านเพื่อฉลองปีใหม่กับพ่อแม่!"
ผู้พิพากษาหันศีรษะไปมองเขาแวบหนึ่ง เห็นว่าอาต้าที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เขากำลังจิบชาของตัวเองจากถ้วยชา และไม่ได้ส่งสัญญาณใดๆ เลย
จากนั้นเขาฝืนซักถามต่อไป: "สิ่งที่พูดเป็นความจริงหรือไม่?"
กัวจิ้นฟานสีหน้าซีดเชียว เข้าพยายามขยิบตาให้พ่อของเขา “เป็นเรื่องจริงสิ! แน่นอนมันเป็นเรื่องจริง! ข้าน้อยไม่กล้าพูดโกหก!”
ผู้พิพากษามองไปที่ผู้อาวุโสกัวอีกครั้ง "ผู้อาวุโสกัว สิ่งที่ลูกชายของเจ้าพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่?"
ผู้อาวุโสกัวที่คุกเข่าอยู่ข้าง ๆ ลูกชาย อารมณ์ของเขาสับสนยิ่งนัก นี่คือลูกชายแท้ๆ ของเขา! เขาไม่สามารถทนเห็นลูกชายของเขาเป็นอะไรไปแน่
เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงก้มศรีษะลงตอบว่า " ข้าน้อยขอตอบท่านผู้พิพากษาว่าสิ่งที่เขาพูดเป็นเรื่องจริง ช่วงนั้นเทศกาลหยวนเซียวเพิ่งผ่านไปไม่กี่วัน ข้าเห็นว่าในบ้านยังมีขนมหยวนเซียวเหลืออยู่เล็กน้อย จึงให้แม่ของเขาต้มให้เขากิน เรื่องนี้ข้าจำได้แม่นมิมีผิดพลาดแน่นอน”
ผู้พิพากษาเหลือบมองอาต้าอีกครั้งโดยไม่รู้ตัว แต่เขาก็ยังคงไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ใด ๆ เขากระแอมในลำคออีกครั้งแล้วจึงตบลงที่โต๊ะไม้ "เอาล่ะ เรื่องนี้ถือว่าได้กระจ่างชัดแล้ว มันเป็นเพียงความเข้าใจผิด พวกเจ้าสองพ่อลูกควรหยุดสร้างปัญหาได้แล้ว ถ้าครั้งหน้าถูกพามาที่นี่อีก ข้าจะสั่งขังพวกเจ้าคนล่ะครึ่งเดือนแน่!”
ทันทีที่เขาพูดจบ เสียงถ้วยชาที่อยู่ข้างหลังของเขาก็ถูกวางลงบนโต๊ะ
เขาเงียบไปทันที และเขายังรู้สึกสับสนเล็กน้อยว่าทำไมครั้งนี้ใต้เท้าจางถึงได้มาอย่างกะทันหัน และขอให้เขาถามคำถามนี้
แต่เขาไม่ได้ถามว่าเกิดอะไรขึ้นเลยเลยนี่?
อาต้ายังคงนิ่งเงียบไม่คำพูด เขายังคงนั่งอยู่ตรงนั้น ผู้พิพากษาศาลคนนี้กล้าทำแบบที่บัวไม่ช้ำน้ำไม่ขุนเช่นนี้ได้อย่างไร ถ้าเข้าไม่อยู่ ไม่รู้ว่าที่นี่จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง!
เขาจึงพูดขึ้นมาว่า "กัวซุ่น เจ้ารู้ผลของการเป็นพยานเท็จหรือไม่"
อาวุโสกัวสะดุ้ง แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าคนนี้เป็นใคร แต่เมื่อเห็นว่าผู้พิพากษายังกลัวเขามากขนาดนี้ เขาต้องเป็นขุนนางระดับสูงแน่
ลูกชายของเขาไม่ได้อยู่บ้านจริงๆ ในวันที่สิบหกของเดือนที่แล้ว แม้แต่วันแรกของปีใหม่เขาก็ไม่อยู่ที่บ้าน เหตุที่เขาโกรธลูกชายของเขามากนั้นก็เพราะว่าลูกชายไม่ได้กลับบ้านเลยในช่วงปีใหม่ ใคร ๆ ก็พากันหัวเราะเยาะเขาที่มีลูกชายก็เหมือนไม่มี
แต่ธนูที่ถูกยิงออกไปจะไม่มีวันย้อนกลับมา แม้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับตัวเขาเองก็ตาม เขาจะไม่ยอมปล่อยให้มีอะไรเกิดขึ้นกับลูกชายของเขาได้
พวกเขาถูกลูกชายทรมานมาหลายปีแล้ว พวกเขาไม่มีเงินเก็บแล้วจริงๆ
เมื่อภรรยาของกัวจิ้นฟานได้ยินสิ่งที่พ่อของเขาพูด เธอก็รู้สึกขึ้นมาทันทีว่าสามีของเธอมีทางช่วยแล้ว เธอคุกเข่าลงทันที และดึงขากางเกงของเขาแล้วขอร้อง: "ท่านพ่อ ข้าขอร้องท่าน ได้โปรดช่วยกัวจิ้นฟานด้วย! หากเกิดอะไรขึ้นกับเขา ครอบครัวของพวกเราคนแก่เด็กเล็กแดงจะทำอย่างไร?”
หญิงชราภรรยาของเขาก็พูดเสริม "ใช่แล้ว! ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับลูก ข้าก็ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้ว!"
กัวซุ่นทำอะไรไม่ถูกจริงๆ น้ำตาก็ไหลออกมาเล็กน้อย "เห้อ! งั้นเราคงต้องขายบ้านหลังนี้แล้ว!"
วันรุ่งขึ้น ซูจิ่วเย่ว์ก็รู้ราคาของบ้านหลังนี้ เนื่องจากภัยแล้ง ทุกคนจึงมีเงินในมือไม่มากนัก และยิ่งพวกเขารีบร้อนที่จะขาย ก็ไม่สามารถที่จะขายในราคาที่สูงได้ ในที่สุดก็ได้เสนอขายในราคาแปดสิบตำลึงเท่านั้น
ซูจิ่วเย่ว์รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย ทันทีที่เธอทราบข่าวนี้ เธอก็กลับมาเพื่อหารือกับอู๋ซีหยวน “ซีหยวน แปดสิบตำลึงเท่านั้น เราจะซื้อบ้านหลังนี้ดีไหม? พอดีเลยจะได้พาพ่อแม่ของเรามาอยู่ที่นี่ด้วยกัน?”
อู๋ซีหยวนรู้สึกว่าไม่มีความจำเป็น เขาน่าจะสอบระดับเขตได้ในเดือนหน้านี้แล้ว เมื่อถึงเวลานั้นเกรงว่าจะต้องย้ายไปอยู่ที่เมือนยงโจวเลย
แต่เขาก็ไม่ได้ตอบปฎิเสธทันที แต่บอกความกังวลของเขาให้ซูจิ่วเย่ว์ฟัง
ซูจิ่วเย่ว์กล่าวด้วยรอยยิ้ม: "แน่นอนข้าก็หวังว่าเจ้าจะสอบผ่านได้ในคราวเดียว แต่ราคาปัจจุบันของบ้านหลังนี้มันดีมากจริงๆ เราซื้อไว้ไม่ว่าจะอาศัยอยู่เองหรือให้พ่อแม่มาอยู่ก็ได้ ถ้าไม่มีคนอยู่จริง ๆ เราก็สามารถปล่อยเช่าได้ ทุกเดือนก็สามารถทำเงินได้ไม่น้อย !”
เมื่อเห็นว่าเธอมีแผนของตัวเองแล้ว อู๋ซีหยวนก็หยุดไม่ขัดขวางเธออีก "ได้ ข้าฟังเจ้า"
ซูจิ่วเย่ว์กำลังจะได้เป็นเจ้าของบ้านหลังแรกในชีวิตของเธอ และเธอก็ตื่นเต้นมาก แต่เธอก็ยังไม่ถึงกับเสียสติเพราะความดีใจเกินไป เธอก็ก้มหน้าลงแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม: "ถ้างั้น พรุ่งนี้ข้าจะกลับไปปรึกษาเรื่องนี้กับท่านแม่ก่อน !”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภรรยานำโชคของเสนาบดี
เอ็นดูพ่อหนุ่มจังเลย...
ตอนที่ 179-185 มีตอนละ 3 บรรทัด งงมาก ทำไมช่วงนี้ลงเนื้อหานิยายขาดหายตลอดเลย...
162-168 มีแค่บาทละ 2-4 บรรทัดเท่านั่นน...
161 มีแค่ 2บรรทัด เนื้อหาหายไปไหน งงง...
160 มีแค่สองบรรทัด...
บทนี้มีแค่ 4 บรรทัด...
บทที่140 -145 มีเนื้อหาบทละ 3-4 บรรทัดเท่านั่น เนื้อหาหายไปไหนน้อ...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...
อะแหมมมม พ่อหนุ่มน้อยของเราร้ายนะเนี่ย 5555...
มันมาได้ยังไง...