บทที่ 15 ภรรยาเป็นคนเลวมาก – ตอนที่ต้องอ่านของ ภรรยานำโชคของเสนาบดี
ตอนนี้ของ ภรรยานำโชคของเสนาบดี โดย ฉงเย่ว ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายรักหวานแหววทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 15 ภรรยาเป็นคนเลวมาก จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
อู๋ซีหยวนพูดอยู่ตั้งนาน แต่ไม่ได้รับการตอบกลับจากซู่จิ่วเย่ว์ เขาเขย่าแขนของซูจิ่งเย่ว์ "เมียรัก ทำไมเจ้าถึงไม่สนใจข้า เจ้าไม่ชอบซีหยวนแล้วเหรอ?"
เมื่อซูจิ่วเย่ว์ได้สติ นางเห็นตั๊กแตนตัวใหญ่อยู่หน้านาง นางตกใจมากและถอยหลังไปหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว
อู๋ซีหยวนปล่อยมือของนาง และมุมปากของเขาเบะขึ้น เขาตะโกนใส่เธอด้วยท่าทางที่เสียใจว่า "เจ้าไม่ชอบซีหยวนแล้วจริงๆ! หึ! ข้าจะไม่เล่นกับเจ้าอีกแล้ว!"
หันหลังแล้ววิ่งกลับเข้าห้องของตัวเอง ซูจิ่วเย่ว์ยังตกตะลึงอยู่เล็กน้อย แต่เมื่อนึกถึงปฏิกิริยาของนางตะกี้
ดูเหมือนจะเย็นชาใส่เขาไปหน่อย เลยทำให้เขาเสียใจหรือ?
บางทีในสายตาของเขา ข้าเป็นเพื่อนเขาแล้ว แถมยังทำท่าท่างรังเกียจเขาเลยทำให้เขาเสียใจมาก
เมื่อตอนอาหารค่ำอู๋ซีหยวนไม่ออกมาทานข้าว ถึงหลิวซิ่วฮวาไปเกลี้ยกล่อมเขาหลายครั้งเขาก็ไม่ยอมออกมา
ซูจิ่วเยว่ก้มหน้ายืนอยู่ที่หน้าประตู และใช้นิ้วเท้าของนางวาดวงกลมบนพื้นอย่างไม่รู้ตัว
หลิวซิ่วฮวาเดาว่าเด็กทั้งสองอาจจะทะเลาะกัน เธอถอนหายใจส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ นางใส่ขนมเปี๊ยะไส้เนื้อสองแผ่นที่เพิ่งทำเสร็จลงในชามข้าว แล้วยื่นให้ซูจิ่วเย่ว์
ซูจิ่วเยว่เงยหน้าขึ้น สายตาเปื้อนยิ้มและพยักหน้าให้นาง "ไปคุยกับซีหยวนดี ๆ เด็กคนนี้เล่นแง่ดันทุรังอีกแล้ว ตั้งแต่ที่เขาล้มศีรษะกระแทก เขานิสัยก็ยิ่งเหมือนเด็กมากขึ้นทุกวัน"
คำพูดเหล่านี้เป็นการเตือนสติซูจิ่วเยว่ด้วยว่าอู๋ซีหยวนไม่ใช่เด็กปกติทั่วไป และอยากให้นางยอมเขาก่อน
ซูจิ่วเย่ว์เป็นเด็กรู้ความตั้งแต่เด็ก ยิ่งไปกว่านั้นครั้งนี้มันคือความผิดของนาง แล้วถามตัวเองว่าตั้งแต่นางมาอยู่ที่บ้านตระกูลอู๋ อู๋ซีหยวนก็ดีกับนางมากจริง ๆ
เมื่อคิดเช่นนี้ อาการไม่สบอารมณ์ของนางก็ลดน้อยลง แล้วพยักหน้า “ท่านแม่ ท่านไม่ต้องเป็นกังวล ข้าจะไปเกลี้ยกล่อมเขาเอง”
เมื่อเห็นนางเดินไปที่ห้อง ใบหน้าของหลิวซิ่วฮวาก็แสดงความพึงพอใจออกมา
ในฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว ฟ้าจะมืดเร็วและตอนนี้มันก็มืดมากแล้ว นอกจากนี้หน้าต่างยังถูกปกคลุมด้วยกระดาษหนา และแสงในห้องยิ่งมืดสลัวยิ่งขึ้น
เมื่อซูจิ่วเยว่เข้ามาก็มองเห็นเนื้อก้อนขนาดใหญ่นอนอยู่บนเตียง ผ้าห่มที่คลุมบนร่างก็บิด ๆ เบี้ยว ๆ เช่นกัน น่าจะเป็นแม่สามีห่มให้ตอนเข้ามาเมื่อครู่นี้
ซูจิ่วเยว่วางชามลงบนโต๊ะ คนบนเตียงขบับตัวแล้วเงี่ยหูฟัง
ซูจิ่วเย่ว์นั่งบนเตียงเตา โดยไม่พูดอะไรอยู่พักหนึ่ง อู๋ซีหยวนนอนหันหลังให้เธอ และปากของเขาก็เรียบเฉย
ผู้หญิงคนนี้! ทำผิดแล้วไม่รู้จักขอโทษ ไม่ดี! เป็นคนเลวมาก!
ไม่ ไม่ควรว่าภรรยาของตัวเองเป็นคนเลว นี่เป็นคำพูดที่หยาบคายมาก
ขณะที่เขากำลังบึ้งตึงอยู่คนเดียวและคิดว่าจะให้สอนบทเรียนผู้หญิงคนนี้อย่างไร จู่ๆ ก็มีมือเล็กๆ ผลักมาที่เอวเขา
มือของอีกฝ่ายไม่ได้ผลักแรง เลยทำให้เขารู้สึกจั๊กจี้เล็กน้อย
เขาขยับตัวเข้าไปด้านในของเตียงเตา ซูจิ่วเยว่สังเกตเห็นอาการขัดขืนของเขาและผลักเขาอีกครั้ง
ครั้งนี้อู๋ซีหยวนทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาหัวเราะออกมา "จั๊กจี้ ! จั๊กจี้จัง! อย่าแหย่ข้าสิ!"
จิ่วเยว่ไม่คิดว่าเขาจะจั๊กจี้ขนาดนี้ และคิดว่ามันน่าสนุก เธอจึงจงใจเปิดผ้าห่มขึ้นมาแหย่เขา
อู๋ซีหยวนหัวเราะดังขึ้นเรื่อยๆ และทนไม่ไหวอีกแล้ว เขาโอบกอดซูจิ่วเยว่แล้วพลิกตัว และเริ่มแกล้งหยอกกันไปมา
ซูจิ่วเยว่ก็จั๊กจี้เช่นกัน เสียงหัวเราะและขอความเมตตาในห้องปนเปกันไปหมด หลิวชุยฮวาที่ฟังอยู่ที่ด้านนอกห้องก็ยิ้มอย่างพึงพอใจเช่นกัน
ทั้งสองหยอกล้อกันเป็นเวลานาน ต่างหมดแรงและหายใจหอบ เมื่อซูจิ่วเย่ว์เริ่มรู้สึกตัว เธอก็ตระหนักว่าในเวลานี้เธอกำลังอยู่ในอ้อมแขนของอู๋ซีหยวน
จมูกแนบชิดกับหน้าอกอันแข็งแกร่งของเขา และขาข้างหนึ่งของเขาทับบนร่างของเธอเพื่อกันไม่ให้เธอพลิกตัว และทั้งเนื้อทั้งตัวนางเต็มไปด้วยกลิ่นตัวของเขา
"แบบนี้ค่อยดีหน่อย" หลังจากพูดจบ เขาย่นจมูกแล้วพูดว่า "เจ้าเอาของอร่อยอะไรเข้ามา? ข้าหิวแล้ว! เจ้าไม่ชอบซีหยวนแล้วจริง ๆ ! เจ้าถึงได้มาง้อข้าช้าขนาดนี้!"
ซูจิ่วเย่ว์มองไปที่ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา นางฝืนใจระงับความคิดที่หงุดหงิดในใจของนางลง
“เป็นความผิดของข้าเอง ข้าทำให้ซีหยวนไม่พอใจ คราวหน้าถ้าเจ้าโกรธเจ้าด่าข้าตรง ๆ ได้เลย แต่เจ้าห้ามไม่กินข้าวนะ” นางนำขนมเปียะไส้เนื้อไปวางไว้ข้างๆ เตียงเตา
แต่อู๋ซีหยวนนิ่งเงียบแล้วส่ายหัว "ไม่ ท่านแม่บอกว่าผู้ชายที่ดีจะไม่ดุด่าภรรยาของเขา ซีหยวนเป็นคนดี!"
ซูจิ่วเยว่นึกถึงพ่อของนางมักพูดจาหยาบคายทุกครั้งที่ไม่ลงรอยกัน แล้วนางก็เงียบอีกครั้ง..
หลังจากที่อู๋ซีหยวนกินขนมเปียะไส้เนื้อเสร็จ ซูจิ่วเยว่ก็ออกไปพร้อมชามเปล่า สักพักก็ยกถ้วยซุปแป้งผักมาให้เขา
หลังจากกินอิ่มแล้ว หลิวซิ่วฮวาก็ดึงตัวซูจิ่วเย่ว์แล้วพูดว่า "จิ่วยา ผ้าที่ข้าให้เจ้าไปนั้นเจ้าได้ตัดเย็บเสื้อแล้วหรือยัง วันมะรืนพวกเราจะเข้าไปในเมืองอีกครั้ง
การไปในเมืองนั่นหมายถึงวันนั้นๆ ไม่สามารถทำงานได้เลย เสียเวลาเสียแรง และค่าใช้จ่ายก็สูง
เธอไม่เข้าใจจริงๆ ทำไมแม่สามีถึงไปเมืองอีกครั้ง? แม้ว่าช่วงก่อนหน้านั้นจะทำเงินได้เล็กน้อยจากการขายเห็ดหลินจือ แต่ว่ามีเงินก็ไม่ควรเอาไปใช้จ่ายแบบนี้?
นางยังเด็กและซ่อนสิ่งที่คิดในใจไม่ได้ นางจึงถามตรงๆ ว่า "ท่านแม่ ท่านจะเข้าไปในเมืองอีกทำไม? สิ่งของในบ้านมีอะไรต้องซื้อเพิ่มเหรอ"
หลิวซุ่ยฮว่าพยักหน้าเล็กน้อย "ฉันคิดว่าอากาศเริ่มเย็นแล้ว และเจ้าไม่มีเสื้อผ้าหนาๆ เลย ข้าเลยคิดว่าจะไปซื้อฝ้ายมาทำเสื้อคลุมหนาวให้เจ้า"
ซูจิ่วเยว่อึ้งไป เมื่อนึกถึงวันที่นางและน้อง ๆ นั่งหนาวตัวสั่นอยู่บนเตียงเตาในฤดูหนาว ใครที่ไปทำงานถึงจะได้สวบใส่เสื้อคลุม แต่มาวันนี้แม่สามีของนางจะทำเสื้อคลุมให้นางจริง ๆ หรือ ?
เห็นนางนิ่งเงียบไป หลิวซุ่ยฮวาถอนหายใจอีกครั้งและพูดต่อว่า "นอกจากนี้ ข้าต้องไปพบท่านหมอสักหน่อย ก่อนหน้านั้นท่านหมอบอกว่าไม่รู้เขาจะฟื้นตัวเป็นปกติหรือไม่ ข้าเห็นว่าอาการของเขาตอนนี้ดีขึ้นมาก คิดว่ายาที่ท่านหมอสั่งก่อนหน้านี้ยังมีประโยชน์อยู่”
พูดถึงเรื่องนี้ซูจิ่วเยว่นั้นเต็มใจอย่างมาก ขอแค่เขาหายดีได้ เธอไม่จำเป็นต้องสวมเสื้อคลุมนั้นด้วยซ้ำ!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภรรยานำโชคของเสนาบดี
เอ็นดูพ่อหนุ่มจังเลย...
ตอนที่ 179-185 มีตอนละ 3 บรรทัด งงมาก ทำไมช่วงนี้ลงเนื้อหานิยายขาดหายตลอดเลย...
162-168 มีแค่บาทละ 2-4 บรรทัดเท่านั่นน...
161 มีแค่ 2บรรทัด เนื้อหาหายไปไหน งงง...
160 มีแค่สองบรรทัด...
บทนี้มีแค่ 4 บรรทัด...
บทที่140 -145 มีเนื้อหาบทละ 3-4 บรรทัดเท่านั่น เนื้อหาหายไปไหนน้อ...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...
อะแหมมมม พ่อหนุ่มน้อยของเราร้ายนะเนี่ย 5555...
มันมาได้ยังไง...