สองวันต่อมา หลิวซุ่ยฮวาแบกอาหารแห้งไว้บนหลัง ออกเดินทางไปตามถนนพร้อมกับจูงมือเด็กสองคนคนล่ะข้าง
ในเวลานี้ค่าผ่านทางเข้าเมืองหนิวโถ่วยังคงเป็นสามเหรียญ แต่จำนวนคนไม่ได้ลดลงเลย มีหลายคนพาครอบครัวมาด้วย ดูแวบแรกก็รู้ว่าพวกเขาไม่ใช่คนในท้องถิ่น
หลิวซุ่ยฮวาพบป้าคนหนึ่งท่าทางใจดีและถามว่า "พี่สะใภ้ ทำไมมีคนต่างถิ่นเข้ามาในเมืองเยอะจัง"
ป้าคนนี้พาลูกสะใภ้เข้าไปในเมืองด้วย และนางก็เป็นคนสอดรู้สอดเห็น เมื่อได้ยินดังนั้นนางจึงลดเสียงลงแล้วพูดว่า "ว่ากันว่าหนีภัยมาจากทางเหนือ เรายังดีที่มีแม่น้ำอยู่ที่นี่ แม้ว่าจะแล้งหนักแค่ไหน ยังไงซะก็ยังมีหนทางรอดอยู่”
"ทางเหนือ... ว่ากันว่าเริ่มกินคนกันแล้ว!" เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ นางแสดงสีหน้าหวาดกลัวเล็กน้อยและเสียงของนางเริ่มเบาลง
ซูจิ่วเยว่ตัวสั่น คิดว่าการถูกขายเหมือนกับตัวเองเป็นเรื่องที่แย่พอแล้ว ไม่คิดว่ายังมีสิ่งที่แย่กว่านาง
ใบหน้าของหลิวซุ่ยฮวาแสดงสีหน้ารับไม่ได้เล็กน้อย แล้วนางก็สวดมนต์ "อมิตาพุทธ พระโพธิสัตว์จงคุ้มครอง ขอให้วันแบบนี้ผ่านพ้นไปโดยเร็วเถอะ!"
ป้าข้างๆก็พูดเสริมสองสามคำว่า "ข้าได้ยินคนพูดว่ามีชาวต่างถิ่นอพยมมาที่นี่มากมาย อาหารและข้าวของจะต้องแพงขึ้นแน่ ๆ น้องสาวถ้าเจ้ามีเงินอยู่ในมือ รีบซื้อข้าวไว้เถอะ เกรงว่าวันข้างหน้าต้องไม่สงบสุขแน่!”
หลิวซุ่ยฮวากล่าวขอบคุณนาง และทั้งสองคนเริ่มพลัดกันพูดคุยเรื่องชีวิตประจำวัน เมื่อถึงคิวพวกนางต่างจ่ายเงินและกล่าวคำลาแยกทางกัน
ซูจิ่วเยว่เดินตามหลิวซุ่ยฮวาไปที่โรงหมออย่างคุ้นชินเส้นทาง ระยะนี้โรงหมอกิจการไม่ค่อยดี มีเงินนิดหน่อยก็หมดไปกับการซื้ออาหาร เจ็บป่วยเพียงเล็กน้อยคนก็ไม่มาหาหมอกัน
ทันทีที่ทั้งสามคนเข้าไปที่โรงหมอ หมอชราที่ประจำอยู่ที่โรงหมอก็จำพวกเขาได้
อันที่จริงคือเขาจำอู๋ซีหยวนได้
อู๋ซีหยวนมีรูปลักษณ์ที่โดดเด่นและลักษณะบุคคลิกภาพที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งหายากมากในเมืองเล็ก ๆ แบบนี้
หลิวซุ่ยฮวาดึงอู๋ซีหยวนนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามหมอ และเขายิ้มให้ท่านหมอ "ท่านหมอซุน ท่านดูลูกชายข้า สมองของเขาน่าจะรักษาหายไดหรือไม่? ข้าเห็นช่วงนี้อาการของเขาดีขึ้นเยอะมาก!"
ท่านหมอซุนขอให้อู๋ซีหยวนเหยียดข้อมือออก และซูจิ่วเยว่รีบก้าวไปข้างหน้าช่วยอู๋ซีหยวนพับแขนเสื้อ และวางมือเขาลงที่ผ้ารองแขน
หมอซุนเงยหน้ามองนาง “ลูกสะใภ้รึ?”
คำถามคือถามหลิวซุ่ยฮวา แต่คำตอบเป็นอู๋ซีหยวนตอบแทน
เขาย่นจมูกและพูดด้วยใบหน้าที่ไม่พอใจว่า "ไม่ใช่ลูกสะใภ้ ! แต่เป็นภรรยาของข้า!"
หมอซุนหัวเราะเสียงดังออกมา “ข้ารู้แล้ว ข้ารู้แล้ว เป็นภรรยาของเจ้า”
หลิวซุ่ยฮวายิ้มอย่างช่วยไม่ได้ และไม่ต้องการพูดเรื่องในครอบครัวกับคนนอก ดังนั้นเธอจึงบอกท่านหมอซุนว่า "ท่านจับชีพจรลูกชายของข้าหน่อย"
หมอซุนเป็นหมอที่เก่งที่สุดในเมืองหนิวโถวแล้ว เขาจับชีพจรและเลิกเปลือกตาของอู๋ซีหยวนขึ้นเพื่อตรวจดู จากนั้นดึงมือออกแล้วพูดว่า "อาการตอนนี้ไม่เลว แต่จะรักษาหายหรือไม่นั้นพูดยาก สิ่งที่อยู่ในสมองพวกเราก็ไม่สามารถมองเห็นได้ เจ้าว่าไหม?แต่คราวที่แล้วข้าสั่งยาเพื่อเสริมการไหลเวียนของเลือดและคลายการอุดตันของเลือด ทานแล้วได้ผลก็มีประโยชน์ ข้าจะจ่ายยาเพิ่มให้เอากลับไปกินก่อน ถ้ามีอาการไม่สบายตัวก็หยุดยาแล้วมาหาข้า”
ออกมาจากโรงหมอ ด้านหน้ามีเกี้ยวคันหนึ่งกำลังผ่านมา หลิวซุ่ยฮวาก็ดึงลูกทั้งสองของนางหลบไปอยู่ข้างทาง
ซูจิ่วเยว่มองไปที่เกี้ยวสีแดงด้วยความอยากรู้อยากเห็น และได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่อยู่ภายใน
ราวกับสัมผัสได้ว่ามีคนกำลังมองอยู่ ผ้าม่านของเกี้ยวก็ถูกเปิดออกด้วยมือข้างหนึ่ง เผยให้เห็นใบหน้าครึ่งหนึ่ง
เป็นคุณหนูหน้าตาสวยคนหนึ่ง
ซูจิ่วเยว่เพียงเหลือบมองแวบหนึ่ง แล้วรีบก้มศีรษะลงอย่างรวดเร็ว
แค่เพียงแวบเดียวก็ทำให้เธอรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภรรยานำโชคของเสนาบดี
ตอนที่ 179-185 มีตอนละ 3 บรรทัด งงมาก ทำไมช่วงนี้ลงเนื้อหานิยายขาดหายตลอดเลย...
162-168 มีแค่บาทละ 2-4 บรรทัดเท่านั่นน...
161 มีแค่ 2บรรทัด เนื้อหาหายไปไหน งงง...
160 มีแค่สองบรรทัด...
บทนี้มีแค่ 4 บรรทัด...
บทที่140 -145 มีเนื้อหาบทละ 3-4 บรรทัดเท่านั่น เนื้อหาหายไปไหนน้อ...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...
อะแหมมมม พ่อหนุ่มน้อยของเราร้ายนะเนี่ย 5555...
มันมาได้ยังไง...
ซีหยวนน่ารักอ่า...