แม่สื่อหลี่โบกมือ “ได้เป็นตัวกลางเรื่องน่ายินดีเช่นนี้ เหนื่อยหน่อยจะเป็นไรไป?”
กล่าวเสร็จ เธอก็หันหน้าไปมองยังด้านหลังของตัวเองและเรียกซูจิ่วเย่ว์ที่มีท่าทางเหมือนลูกนกกระทา “ยัยหนูจิ่ว ท่านนี้ก็คือแม่ยายของเจ้า แม่ยายเจ้าเป็นคนที่ใจกว้างมีเมตตา ภายหลังเจ้าต้องปฏิบัติต่อท่านดั่งมารดาตนนะ!”
นี่นับว่าเธอกำลังชี้แนะซูจิ่วเย่ว์ อยู่ที่บ้านแม่ยาย ทั้งยังแต่งให้กับชายแบบนั้น ไม่พึ่งพาการสนับสนุนจากแม่ยายแล้วจะไปพึ่งใครได้?
ซูจิ่วเย่ว์ยังเขินอายและยังสับสนจึงไม่ได้พูดอะไรเลยในเวลานี้
หลิวซุ่ยฮวายิ้มทลายบรรยากาศอึดอัดนี้ “น้องสาวคนดี เด็กคนนี้คงจะเขินอายซะมากกว่า พวกเราเข้าไปในบ้านกันก่อน”
ครั้งนี้แม่สื่อหลี่ไม่ได้ปฏิเสธแบบอ้อมๆอีก เธอลำบากลำบนเป็นแม่สื่อปรองดองให้กับลูกชายของหล่อน ดื่มชายสักถ้วยถือเป็นเรื่องที่สมควรแล้ว
แม่สื่อหลี่กะจะเข้าบ้านไป กลับเห็นว่าซูจิ่วเย่ว์ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมจึงยื่นมือไปดึงมือของเธอไว้แล้วเดินเข้าประตูบ้านตระกูลอู๋พร้อมกัน
ลานบ้านของตระกูลอู๋กว้างใหญ่ทั้งยังกวาดได้อย่างสะอาดเอี่ยมอ่อง ตรงกลางมีถังน้ำวางไว้
น้ำเป็นสิ่งรวบรวมความมั่งคั่ง บ้านที่ยากจนขนาดไหนก็จะวางถังน้ำไว้ในลานบ้าน ช่วงอากาศร้อนเด็กๆก็จะมาอาบน้ำในนั้น
แต่น่าเสียดาย การเก็บเกี่ยวในปีนี้ไม่ดี ถังน้ำในลานบ้านของแต่ละบ้านส่วนใหญ่ล้วนว่างเปล่า
กองฟืนกองไว้อย่างเป็นระเบียบตรงมุมลานบ้าน และยังมีข้าวโพดสองสามฝักที่ห้อยอยู่ใต้ชายคา
ทิศตะวันออกของบ้านมีสามห้อง ทางทิศตะวันตกมีสามห้อง รวมกับห้องหลักและโถงหลัก ก็แปดห้องพอดี ยิ่งใหญ่กว่าตระกูลซูมากมายนัก
หลิวซุ่ยฮวาพาพวกเธอเข้าบ้าน แล้วยังตะโกนไปทางห้องครัว “สะใภ้คนโต! นำกาน้ำชามานี่!”
เธอตะโกนไปพลางยกม่านขึ้นไปพลาง แม่สื่อหลี่ดึงซูจิ่วเย่ว์เข้าโถงหลักทันที
เพิ่งจะเข้ามา ทุกคนทั้งหมดในห้องนั้นก็มองมา ซูจิ่วเย่ว์ไม่กล้ามองสำรวจได้แต่ก้มหน้าต่ำ รู้สึกเพียงว่าอย่างน้อยมี 10 กว่าคนได้ ทั้งคนชราและอายุน้อย
ซูจิ่วเย่ว์ก้มหน้า ได้ยินเสียงกระซิบกระซาบขึ้นก็รู้สึกหน้าแดงขึ้นมา
เสียงเด็กเยาว์วัยดังขึ้นในทันที “พี่ก็คือสะใภ้น้อยที่ท่านย่าใช้เงินตำลึงซื้อมาใช่ไหม?”
สีหน้าของซูจิ่วเย่ว์จากแดงเปลี่ยนเป็นซีดขาวอย่างรวดเร็ว กัดริมฝีปากล่าง ดวงตาเต็มไปด้วยน้ำตาคลอเบ้าทันที ขณะนี้เธอแทบอยากจะมุดรอยแยกของพื้นลงไปเสียเดี๋ยวนี้
ปากของเด็กน้อยก็ถูกปิดไว้ทันที ผู้หญิงที่อายุน้อยคนหนึ่งยิ้มกระดาก “วาจาเด็กมิควรถือสา วาจาเด็กมิควรถือสา”
ไหนเลยหลิวซุ่ยฮวาจะไม่รู้ว่าสะใภ้สองคนนั้นซุบซิบนินทาลับหลัง แต่ไม่คิดว่าพวกหล่อนจะพูดคำพูดแบบนี้ให้เด็กๆฟัง?!
วันนี้ต้องจัดการท่าทีให้ได้ ไม่งั้นเหล่าซันที่เป็นแบบนั้น ยัยหนูนี่ภายหลังคงไม่รู้ว่าจะถูกรังแกในที่ที่เธอไม่เห็นยังไง!
“เหอะ! เด็กมันไม่รู้อะไร พูดยังไงก็ไม่ใช่เพราะผู้ใหญ่สอนรึ?! สะใภ้คนรอง วันนี้เจ้าต้องขอโทษจิ่วเย่ว์ให้ดี ไม่งั้นวันนี้ก็ไม่ต้องกินข้าวเย็น!”
เทียนซิวเหนียงก็คิดไม่ถึงว่าแต่งเข้าบ้านเหล่าซันครั้งแรก แม่ยายก็ทำให้เธออับอายขนาดนี้
เธอมีน้ำโหขึ้นมาจริงๆ แต่อำนาจในบ้านล้วนอยู่ในมือของแม่ยาย เธอไม่กล้ามุทะลุต่อต้าน
เมื่อเห็นทุกคนในห้องนี้ต่างมองมาที่เธอ เธอจึงพูดกับซูจิ่วเย่ว์ด้วยใจที่ไม่ยินยอมว่า “น้องสะใภ้ของเหล่าซัน ต้องขออภัยจริงๆ ข้าไม่ได้สั่งสอนลูกให้ดีเอง เจ้าอย่าได้เก็บมาใส่ใจเลย”
มาเยือนเป็นครั้งแรก ซูจิ่วเย่ว์ก็ไม่อาจคิดเล็กคิดน้อยกับเด็กๆ ก็เลยไม่พูดจาอะไร
อู๋ซีหยวนเอียงหน้ามองซูจิ่วเย่ว์ ราวกับกำลังพิจารณาว่ากินข้าวสำคัญหรือว่าออกไปเล่นอันไหนสำคัญกว่า
เป็นอย่างนั้นสักพักเขาถึงได้พยักหน้า “กินข้าวก่อน”
ในตอนที่แม่สื่อหลี่พาซูจิ่วเย่ว์มานี่ ไม่ได้บอกเรื่องสามีของเธอสักคำ พูดเพียงแค่บ้านสามีฐานะดี เธอไปแล้วจะไม่มีวันอดอยากแน่นอน
เธอถือสิ่งที่คล้ายหมั่นโถวไว้ในมือ และมองดูไข่ต้มในถ้วยก็เริ่มสับสน
เธอไม่รู้ว่าควรจะโกรธแม่สื่อหลี่ดีหรือไม่ หากชายคนนั้นมาใช่คนโง่ทึ่ม งานแต่งนี้คงไม่มาถึงมือเธอแน่
เธอก็ไม่ได้กินหมั่นโถวกับไข่ พ่อแม่เธอก็ไม่ได้เงินก้อนใหญ่สักแดง อาจถึงขั้นที่ครอบครัวพวกเราคงจะอดตายในฤดูใบไม้ผลินี้แน่
ทานข้าวเสร็จเฉินจาวตี้สะใภ้ลูกชายคนโตและเทียนซิวเหนียงสะใภ้ลูกชายคนรองก็ไปเก็บครัว หลิวซุ่ยฮวาดึงซูจิ่วเย่ว์ไปยังห้องของเธอ
ซูจิ่วเย่ว์นั่งบนข้างเตียงที่ก่อด้วยอิฐอย่างระมัดระวังมาก มองดูหลิวซุ่ยฮวานำกุญแจดอกหนึ่งเปิดแล้ววางไว้ในกล่องไม้ตรงหัวเตียง แล้วประคองผ้ามีลวดลายผืนหนึ่งออกมาจากด้านในอย่างระมัดระวัง
“ยัยหนู ผ้าผืนนี้เจ้าเอาไป ให้เจ้าไปทำเสื้อผ้าชุดใหม่”
เด็กสาวอายุเท่านี้เป็นช่วงที่กำลังเติบโตร่างกายสูงขึ้น เสื้อผ้าที่เธอสวมใส่เห็นได้ชัดว่าค่อนข้างเล็กไปแล้ว บนผ้าก็เย็บปะเต็มไปหมด มองแล้วก็เจ็บปวดหัวใจแทน
นานมากแล้วที่ซูจิ่วเย่ว์ไม่ได้ทำเสื้อผ้า เสื้อเล็กไปก็หาเศษผ้าสองผืนมาเย็บ ผ้าลายดอกใหญ่ขนาดนี้ ต้องมีมูลค่ามากแน่เลย?! เธอรู้สึกว่าตัวเธอไม่ควรได้จากจิตใต้สำนึก
“ท่านย่า สิ่งนี้ข้าไม่อาจได้”
หลิวซุ่ยฮวากลับดึงมือเธอกดไว้บนผ้าผืนนี้ แล้วพูดด้วยคำพูดอัดแน่นเต็มไปด้วยน้ำใสใจจริงกับแฝงไว้ด้วยความหมายที่ลึกซึ้ง “เด็กน้อย นี่เป็นสิ่งที่บ้านเราติดค้างเจ้า สถานการณ์ของซีหยวนเจ้าก็เห็นแล้ว สมองเขาได้รับบาดเจ็บ ตอนนี้เป็นเหมือนเด็กเล็กคนหนึ่ง แต่ว่าซีหยวนเป็นเด็กดีอย่างแน่นอน พฤติกรรมไม่ดีเหล่านั้นล้วนไม่ดี เจ้าก็ทำดีต่อเขา ที่เหลือข้าจะชดเชยให้เจ้าเอง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภรรยานำโชคของเสนาบดี
เอ็นดูพ่อหนุ่มจังเลย...
ตอนที่ 179-185 มีตอนละ 3 บรรทัด งงมาก ทำไมช่วงนี้ลงเนื้อหานิยายขาดหายตลอดเลย...
162-168 มีแค่บาทละ 2-4 บรรทัดเท่านั่นน...
161 มีแค่ 2บรรทัด เนื้อหาหายไปไหน งงง...
160 มีแค่สองบรรทัด...
บทนี้มีแค่ 4 บรรทัด...
บทที่140 -145 มีเนื้อหาบทละ 3-4 บรรทัดเท่านั่น เนื้อหาหายไปไหนน้อ...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...
อะแหมมมม พ่อหนุ่มน้อยของเราร้ายนะเนี่ย 5555...
มันมาได้ยังไง...