หลังจากที่ซูจิ่วเย่ว์กับหลิวซุ่ยฮวาออกจากบ้านตระกูลหวังแล้ว พวกเขาก็มากล่าวคำอำลากับนายหญิงเย่ว์ พวกเขาต้องกลับไปที่โรงเตี๊ยมกันแล้ว และไม่อยากให้นายหญิงเย่ว์เดินทางไปส่งพวกเขา เพราะเส้นทางไม่ค่อยสะดวกเท่าไรนัก
นายหญิงเย่ว์เอ่ยถามมาว่า “จิ่วเยว์ พวกเจ้ายังหาที่อยู่อาศัยในเมืองยงโจวไม่ได้หรือ?”
ซูจิ่วเย่ว์พยักหน้าอย่างตรงไปตรงมา “วันนี้ตอนเช้า ข้ากับท่านแม่ไปลงชื่อกับนายหน้าจัดหาไว้แล้ว พวกเขาบอกว่า ถ้าหาสถานที่ที่เหมาะสมได้ จะไปหาพวกข้าที่โรงเตี๊ยมอีกที”
นายหญิงเย่ว์ตอบรับและพูดว่า “ข้ามีบ้านหลังเล็กๆ อยู่แห่งหนึ่ง หากเจ้าไม่รังเกียจหล่ะก็ ข้าจะมอบให้เจ้า”
ซูจิ่วเย่ว์ตกใจไปชั่วขณะ วันนี้ช่างเป็นวันที่มีแต่โชคลาภและเรื่องดีๆ เข้ามาหานางมากมาย จนนางตั้งตัวไม่ทันเลยจริงๆ
เมื่อเห็นท่าทางอันเรียบเฉยของนายหญิงเย่ว์แล้ว คนที่ไม่รู้จักคงคิดว่านางแค่พูดขึ้นมาลอยๆ ก็เท่านั้น
นางเอ่ยปากปฏิเสธออกมาอย่างไม่รู้ตัว “ข้าจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร? นายหญิง ข้ารับไว้ไม่ได้หรอก ท่านดีกับข้ามามากพอแล้ว”
นายหญิงเย่ว์ทำท่าทางเคร่งขรึมใส่นาง “เจ้าเด็กน้อย เมื่อครู่เจ้าเรียกข้าว่าอะไรนะ?”
ซูจิ่วเย่ว์สะดุ้งโหยง นางคิดว่าที่นายหญิงเย่ว์ยอมรับนางเป็นลูกสาวนั้นเป็นแค่เรื่องสมมุติ คิดไม่ถึงว่านางจะถือเอาเป็นเรื่องจริง
“ท่านแม่?” นางเอ่ยปากเรียกหยั่งเชิงออกมา
นายหญิงเย่ว์หัวเราะอย่างพอใจ “เด็กน้อย ในที่สุดเจ้าก็เรียกข้าว่าแม่แล้ว ถ้าเช่นนั้นหากแม่จะมอบบ้านหลังหนึ่งให้กับลูกสาวของตน มันคงไม่ได้มากเกินไปหรอกใช่ไหม?”
เมื่อเห็นว่าซูจิ่วเย่ว์เหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง นางจึงยื่นมือไปปรามเอาไว้ “มันก็ไม่ใช่บ้านหลังใหญ่อะไรหรอก หากเจ้ายังปฏิเสธอยู่แบบนี้ คงไม่มีประโยชน์อะไรที่เจ้าจะเรียกข้าว่าแม่อีกแล้วหล่ะ”
เพื่อเป็นการไม่เสียมารยาท ซูจิ่วเย่ว์จึงจำเป็นที่จะต้องรับไว้ “ถ้าเช่นนั้นข้าขอขอบคุณท่านแม่มากๆ นะคะ”
นางตั้งใจไว้ว่า นับจากนี้นางจะกตัญญูและปฏิบัติตนต่อนายหญิงเย่ว์ให้เหมือนกับมารดาผู้ให้กำเนิดตน
มอบบ้านให้เรียบร้อยแล้ว แต่บ้านหลังนั้นของนายหญิงเย่ว์ไม่มีคนอาศัยมานานมากแล้ว ต้องทำความสะอาดเสียก่อนถึงจะเข้าไปอยู่อาศัยได้
“คงต้องใช้เวลาในการทำความสะอาดสักหน่อย ระหว่างนี้พวกเจ้าคงต้องพักอาศัยที่โรงเตี๊ยมกันไปก่อนนะ”
.
ระหว่างทางจนถึงโรงเตี๊ยม ซูจิ่วเย่ว์ไม่ค่อยอยากจะเชื่อกับเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้เท่าไรนัก นางหันไปพูดกับหลิวซุ่ยฮวาว่า “ท่านแม่ ท่านหยิกข้าทีสิ ข้ารู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังฝันอยู่ยังไงไม่รู้?”
หลิวซุ่ยฮวาไม่ได้หยิกนาง แต่บีบไปที่ขาตัวเองหนึ่งครั้ง
“โอ๊ย___” เจ็บจริงๆ ด้วย นี่ไม่ใช่ความฝันจริงๆด้วย
เมื่อเห็นลูกสะใภ้ของตนมองตนเช่นนั้น นางก็หัวเราะขึ้นมา “เรื่องนี้อย่าว่าแต่เจ้าที่ไม่เชื่อเลย ข้าเองก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกัน เมื่อก่อนผู้คนต่างบอกว่าอย่ารอให้ของดีดีร่วงลงมาจากฟากฟ้า แต่เจ้าบอกว่าพวกเขาดีกับพวกเราด้วยใจจริงเช่นนี้มันคืออะไรหล่ะ? ครอบครัวของเรายากจนออกอย่างนี้ หรือเป็นเพราะเรื่องของซีหยวนกันแน่นะ?”
ซูจิ่วเย่ว์ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ นางก็พูดต่อทันทีว่า “แต่เรื่องนี้มันก็ว่าไม่ได้หรอก ตอนนี้แม้แต่ตำแหน่งนักวิชาการซีหยวนก็ยังสอบไม่ได้ แล้วแบบนี้จะไปอยู่ในสายตาเขาได้อย่างไรหล่ะ”
นางกวาดสายตามองซูจิ่วเย่ว์อยู่ครู่หนึ่ง ก็อดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจ คนเราเนี่ยนะ ต้องเกิดมาหน้าตาสะสวยสักหน่อยถึงจะดี พอเกิดมาสวย แม้แต่เทพเจ้าก็ยังรักและเอ็นดู
พอเห็นสีหน้าท่าทางงุนงงของซูจิ่วเย่ว์แล้ว นางก็เริ่มเข้าใจว่านางเองคงรู้สึกไม่สบายใจเท่าไรนัก จึงพูดกับนางไปว่า “จิ่วยา เจ้าไม่ต้องคิดอะไรมากนักหรอก ที่ทุกคนทำดีต่อเจ้า บางทีพวกเขาอาจจะชอบเจ้าจริงๆ ก็ได้นะ? แต่ถ้าไม่ใช่ สวรรค์ก็ยังส่งแม่กับซีหยวนมาคอยดูแลเจ้ายังไงหล่ะ เจ้าแค่ทำในสิ่งที่เจ้าอยากทำก็พอ ใครดีต่อเจ้า พวกเราก็ดีกับเขาด้วยเช่นกัน”
ความคิดของจิ่วยาบริสุทธิ์มากเกินไป นางเองก็ไม่อยากให้คนเหล่านั้นคิดกับจิ่วยาไม่ดีเหมือนกัน เช่นนั้นคงต้องจับตาดูด้วยตัวเองจะดีกว่า
ซูจิ่วยาหยิบกล่องที่หวังก่วงเสี้ยนมอบให้ออกมา “กล่องใบนี้หนักจัง ไม่รู้ว่าหวังก่วงเสี้ยนให้อะไรมานะ”
หลิวซุ่ยฮวาเองก็รู้สึกประหลาดใจเหมือนกัน “เปิดดูก็รู้เองหล่ะ”
ซูจิ่วเย่ว์ตอบรับ และยื่นมือไปเปิดกล่องนั้น จากนั้นนางก็รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก ที่แท้กล่องใบนั้นบรรจุไปด้วยเงินมากมายเต็มไปหมด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภรรยานำโชคของเสนาบดี
ตอนที่ 179-185 มีตอนละ 3 บรรทัด งงมาก ทำไมช่วงนี้ลงเนื้อหานิยายขาดหายตลอดเลย...
162-168 มีแค่บาทละ 2-4 บรรทัดเท่านั่นน...
161 มีแค่ 2บรรทัด เนื้อหาหายไปไหน งงง...
160 มีแค่สองบรรทัด...
บทนี้มีแค่ 4 บรรทัด...
บทที่140 -145 มีเนื้อหาบทละ 3-4 บรรทัดเท่านั่น เนื้อหาหายไปไหนน้อ...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...
อะแหมมมม พ่อหนุ่มน้อยของเราร้ายนะเนี่ย 5555...
มันมาได้ยังไง...
ซีหยวนน่ารักอ่า...