แม่สามีของเธอเลี้ยงไก่ และเลี้ยงหมูในบ้าน เลี้ยงหมูต้องไปหาอาหารหมู เลี้ยงไก่เป็นเรื่องง่ายไม่ลำบากอะไร และยังสามารถนำไข่ไก่ไปขายที่ตลาดได้อีกด้วย
รายได้จากสองอย่างนี้ในแต่ละปีก็ยังตามหลังตระกูลอู๋อยู่มาก ไม่ต้องพูดถึงที่แม่สามีของเธอบางครั้งยังไปเรียนรู้ความรู้ใหม่ๆจากในเมืองอีกด้วย กลับมาปักผ้าเช็ดหน้า และนำไปขายก็มีรายได้เพิ่มขึ้นอีก
แม้ว่ายอดเงินจะไม่มากนัก แต่เมื่อเก็บออมไปเรื่อยๆก็เป็นยอดเงินจำนวนไม่น้อย
ในช่วงเวลาปกติเธอยังทำงานหนักมาก และยังควบคุมสมาชิกในครอบครัวทำงานหนักทุกวัน
ลูกชายไม่ได้เรื่องต้องตำหนิแม่ แต่ในด้านนี้แม่ของเธอนั้นยังทำหน้าที่ได้ไม่ดีพอจริงๆ
เมื่อเห็นเธอครุ่นคิด มุมปากของหลิวซุ่ยฮวาก็ยกขึ้นเล็กน้อย พร้อมกับความโล่งอกบนใบหน้าของเธอ
ซูจิ่วเย่ว์เป็นคนฉลาด นางสามารถคิดได้ด้วยตัวเอง ถ้านางสามารถจัดการงานบ้านได้ดี วันหลังก็สามารถช่วยคลายความกังวลใจของเธอได้
“เมื่อคิดได้แล้วก็เก็บกำไลไว้ให้ดี อย่าเอาออกมาให้คนอื่นเห็น” เธอพูด พร้อมดึงแขนเสื้อของซูจิ่วเย่ว์มาปิดกำไลไว้
ซูจิ่วเย่ว์ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ท่านแม่ ข้ารู้แล้ว”
เย็นนี้ตระกูลอู๋ได้ทานอาหารมื้อเย็นที่หรูหราอีกครั้ง ไม่ใช่เพียงข้าวคุณภาพดี มีแม้กระทั่งเนื้อสดใหม่
เนื้อตากแห้งถึงแม้รสชาติจะดี แต่ก็สู้รสชาติของเนื้อสดใหม่ไม่ได้
กลิ่นหอมของเนื้อลอยฟุ้งไปทั่วหมู่บ้าน และแบ่งให้ครอบครัวต้าจิ้นที่อาศัยอยู่ข้างบ้านหนึ่งชาม
“ตระกูลอู๋ใช้ชีวิตแบบไหนกัน? ปีนี้บอกว่าเกิดภัยพิบัติ ทุกครอบครัวต้องอดอยาก แต่ทำไมข้าเห็นครอบครัวเขาใช้ชีวิตดีกว่าปีที่ผ่านๆมาอีก?” พี่สะใภ้กุ้ยฮวายืนอยู่ที่ลานบ้าน เงยหน้าและมองไปที่กำแพงฝั่งตรงข้าม
ต้าจิ้นยืนอยู่ข้างๆเธอ และถือปล้องบุหรี่ในมือ
“ไปสนใจคนอื่นทำไม? พวกเขาทานเนื้อยังไม่ลืมที่จะแบ่งให้เราหนึ่งชาม มีเพื่อนบ้านแบบนี้ถือว่าพวกเราโชคดี!”
พี่สะใภ้กุ้ยฮวาหันกลับมาเหลือบมองเขา “ข้าก็ไม่ได้บอกว่าไม่ใช่โชคดีของเรา? ก็แค่สงสัย!ทุกคนใช้ชีวิตแบบเดียวกัน แต่ทำไมครอบครัวเขาถึงมีชีวิตความเป็นอยู่ดีขนาดนี้ได้อย่างไร?”
“งั้นเจ้าก็ไปถามดูสิ!” ต้าจิ้นพูดทิ้งท้าย และหันหลังกลับเข้าบ้าน โดยไม่สนใจนาง
พี่สะใภ้กุ้ยฮวาโมโหจนกระทืบเท้า แล้วเดินตามเข้าบ้านไป
หลังจากคนตระกูลอู๋กินกันอิ่มแล้ว ก็อาบน้ำแล้วเข้านอน แต่ทั้งหมู่บ้านเซี่ยหยางยังเต็มไปด้วยคนที่กินไม่อิ่มท้อง
เช้าวันรุ่งขึ้น ซูจิ่วเย่ว์เพิ่งตื่นขึ้นมากวาดหิมะที่ลานบ้าน ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังมาจากด้านนอก
“ใครกัน?” เธอถาม
“ข้าเอง ครอบครัวเกินเซิง!” คนข้างนอกตอบรับ
ในเวลานี้ซูจิ่วเย่ว์ก็เกือบจำผู้คนในหมู่บ้านได้แล้ว เมื่อคนข้างนอกพูด เธอก็พูดตอบกลับ
แต่ก็ยังรู้สึกแปลกใจว่า เธอมาทำไม?
ระหว่างที่คิดก็วิ่งไปเปิดประตู “คุณป้า? ท่านมีเรื่องอะไรหรือ?”
ครอบครัวเกินเซิงก็คาดไม่ถึงว่าคนที่มาเปิดประตูให้นั้นจะเป็นลูกสะใภ้คนเล็กของหลิวซุ่ยฮวา ทำให้เธอไม่สามารถเอ่ยปากพูดได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภรรยานำโชคของเสนาบดี
ตอนที่ 179-185 มีตอนละ 3 บรรทัด งงมาก ทำไมช่วงนี้ลงเนื้อหานิยายขาดหายตลอดเลย...
162-168 มีแค่บาทละ 2-4 บรรทัดเท่านั่นน...
161 มีแค่ 2บรรทัด เนื้อหาหายไปไหน งงง...
160 มีแค่สองบรรทัด...
บทนี้มีแค่ 4 บรรทัด...
บทที่140 -145 มีเนื้อหาบทละ 3-4 บรรทัดเท่านั่น เนื้อหาหายไปไหนน้อ...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...
อะแหมมมม พ่อหนุ่มน้อยของเราร้ายนะเนี่ย 5555...
มันมาได้ยังไง...
ซีหยวนน่ารักอ่า...