“จะว่าอย่างนั้นก็ถูก ตอนนี้พี่สามของพวกเจ้าก็มีภรรยาแล้ว พอทยอยคลอดหลานๆ กันออกมา บ้านหลังเดิมหลังนั้นคงไม่พออยู่อาศัยกันแล้วหล่ะ! ถ้าจะรอให้ถึงตอนนั้นแล้วค่อยมาเก็บข้าวของคงไม่ทันเสียแล้วหล่ะ”
“เป็นเพราะเหตุผลนี้แหละ! ฤดูหนาวไม่ค่อยมีอะไรทำ ข้าถึงพาพวกเขามาเก็บกวาดให้เรียบร้อยยังไงเล่า!”
หลิวซุ่ยฮวาหยุดพูดคุยกับเธอไม่นานนัก จากนั้นก็ส่งเธอกลับ แล้วเธอก็กลับเข้าไปเก็บกวาดบ้านต่อ
เครื่องเรือนเก่าๆ ภายในบ้านถูกพวกเธอยกออกมาวางกองไว้ที่ลานบ้าน หน้าต่างของบ้านถูกเปิดออก ลมพัดถ่ายเทรอบทิศทาง ทำให้กลิ่นอับภายในบ้านลดลงไปได้เยอะเลยทีเดียว
เมื่อมองไปยังลานบ้าน หลิวซุ่ยฮวากำลังบิดเอวไปมา
“เหนื่อยจังเลย แต่บ้านมันต้องจัดเก็บให้เรียบร้อยสักหน่อยถึงจะน่าอยู่!”
ซูจิ่วเย่ว์รีบออกไปช่วยบีบนวดไหล่เธอ แต่กลับถูกเธอปฏิเสธ “พอแล้ว เจ้าเองก็เหนื่อยมาตั้งแต่เช้าแล้ว นั่งพักสักหน่อยเถอะ”
เทียนซิวเหนียงเบ้ปาก และบ่นพึมพำเบาๆ ดูจะประจบไม่ถูกเวลา
เมื่อเฉินจาวตี้ที่อยู่ข้างๆ ได้ยินดังนั้นแล้ว ก็เหลือบมองเธอ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
เมื่อถึงเวลากลางวัน ต้าเฉิงกับซีหยวนมาพร้อมกับตะกร้าใส่ดินหลายใบ ส่วนเหล่าเอ้อร์เองก็นำกล่องไม้มาส่งให้หลายใบเหมือนกัน
ต่อจากนั้นก็เป็นเรื่องง่ายแล้ว แค่เอาเมล็ดมาเพาะลงไปก็เสร็จแล้ว
คั่งกับเตาไฟที่อยู่ในบ้านติดไฟลุกโชน หลิวซุ่ยฮวามองกล่องไม้ที่อยู่ในบ้าน ราวกับจ้องมองต้นไม้เงินอย่างไรอย่างนั้น
พอถึงเดือนหน้าเมล็ดพวกนี้ก็จะแตกหน่อ แล้วค่อยเอาไปขาย คาดว่าจะทำเงินได้ไม่น้อยเลยทีเดียว น่าจะเพียงพอสำหรับฉลองปีใหม่ได้อย่างสบายๆ
แต่ช่วงเวลาดีดีมักอยู่กับเราไม่นานนัก เมล็ดพวกนั้นเพาะลงไปไม่ถึงสิบวัน พวกเขาก็ต้องประสบกับอุปสรรคครั้งใหม่
“ท่านแม่! นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ฟืนที่ข้ากับพี่ใหญ่ผ่ามาใช้ไม่พอ เมล็ดพวกนี้ก็เพาะลงไปแล้ว ถ้าจะถอดใจกลางทาง ความตั้งใจที่ผ่านมามันก็เสียเปล่าสิ?” เอ้อร์เฉิงยืนพิงประตู ร่างอันสูงใหญ่ของเขาบังประตูจนมิด สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกังวล
หลิวซุ่ยฮวาเองก็กำลังกลุ้มใจ ฟืนไม่พอ พวกเขาก็ยังสามารถซื้อได้
แต่เธอพึ่งรู้ว่าการปลูกผักในบ้านทั้งสี่นั้น มันต้องสิ้นเปลืองฟืนมากมายถึงขนาดนี้
ในขณะที่เธอนึกอะไรไม่ออก จู่ๆ ซูจิ่วเย่ว์ก็พูดออกมาว่า
“ท่านแม่ ถ้างั้นทำไมพวกเราไม่เผาฟืนใช้เองหล่ะ?!”
มีเตาเผาอยู่ใกล้บ้านพวกเขา แถมคนในบ้านก็ทำเป็นกันอยู่แล้ว เผาเองใช้เอง แค่นี้มันก็ช่วยประหยัดเงินไปได้มากแล้วไม่ใช่หรือ?
หลิวซุ่ยฮวาได้ยินดังนั้นก็ปรบมือ “จิ่วยาช่างฉลาดเสียจริง เป็นความคิดที่ดี ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป พี่ใหญ่กับเหล่าเอ้อร์ผลัดกันขึ้นเขาไปเผาฟืน เผาได้กองหนึ่ง แล้วกลับมาสลับกันพักผ่อน”
พูดพลางมองลูกสะใภ้ของตนไปพลาง “พวกเจ้าสามคนคอยเตรียมอาหารอยู่ในบ้าน ส่วนที่เหลืออีกสองคนไปดูแลผักทางฟากนั้น”
ทันทีที่พูดจบ จู่ๆ เฉินจาวตี้ก็รู้สึกคลื่นไส้จนต้องเอามือปิดปากไว้
ตัวเธอเองก็รู้สึกตกใจเหมือนกัน เธอจึงรีบคว้าผ้าเช็ดหน้าและวิ่งออกไปทางลานบ้าน
ซูจิ่วเย่ว์มองตามหลังเธอไปด้วยความเป็นกังวล เขาลุกขึ้นและรีบตามเธอออกไปทันที จนไม่ทันได้สังเกตเห็นสีหน้าประหลาดใจของแม่สามีเลยสักนิด
“พี่สะใภ้ใหญ่ เจ้าเป็นอะไรหรือ? หรือว่าไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”
เฉินจาวตี้ส่ายหน้า เธอเคยมีลูกมาแล้วหนึ่งคน ดังนั้นเธอเองรู้ดีว่า ปฏิกิริยาเช่นนี้มันหมายความว่าอะไร
แต่ซูจิ่วเย่ว์ไม่รู้ เลยคิดว่าร่างกายของเธอไม่สบาย จึงตามต่อไปว่า “พี่สะใภ้ใหญ่ ให้ข้าลองจับชีพจรดูหน่อยไหม?”
เดิมทีเฉินจาวตี้เองคิดอยากจะปฏิเสธ แต่คิดไปคิดมา ให้เธอดูหน่อยก็ดีเหมือนกัน ดังนั้นนางจึงพยักหน้า และยื่นข้อมือออกไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภรรยานำโชคของเสนาบดี
ตอนที่ 179-185 มีตอนละ 3 บรรทัด งงมาก ทำไมช่วงนี้ลงเนื้อหานิยายขาดหายตลอดเลย...
162-168 มีแค่บาทละ 2-4 บรรทัดเท่านั่นน...
161 มีแค่ 2บรรทัด เนื้อหาหายไปไหน งงง...
160 มีแค่สองบรรทัด...
บทนี้มีแค่ 4 บรรทัด...
บทที่140 -145 มีเนื้อหาบทละ 3-4 บรรทัดเท่านั่น เนื้อหาหายไปไหนน้อ...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...
อะแหมมมม พ่อหนุ่มน้อยของเราร้ายนะเนี่ย 5555...
มันมาได้ยังไง...
ซีหยวนน่ารักอ่า...