ภรรยานำโชคของเสนาบดี นิยาย บท 70

หลิวซุ่ยฮวายังเก็บเรื่องนั้นไว้ในใจ ในเวลาพรบค่ำเธอจึงรีบไปบ้านของนางหวังเพื่อสอบถามถึงเรื่องนี้โดยเฉพาะ

“เป็นอย่างไรบ้าง? สามารถรับอาหารบรรเทาทุกข์ได้จริงหรือไม่” เธอเอามือซุกไว้ในแขนเสื้อ และยืดคอเข้าไปด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อ

นางหวังหยิบถุงข้าวออกมาโชว์ให้เธอดู หนักประมาณห้ากิโลกรัม

“เจ้าดูสิ นี่คือสิ่งที่ข้าได้นำกลับมา ข้าบอกครอบครัวของข้ามีเจ็ดคน พวกเขาก็เลยให้มาเท่านี้ และบอกว่าเดือนหน้าให้ไปรับอีก ยังมีอีกมาก”

ดวงตาของหลิวซุ่ยฮวาสว่างขึ้น "นิมันดีมากเลยนะ ท่านเทพชิงเทียนได้เมตตาแล้ว!"

นางหวางหัวเราะเยาะ “ท่านเทพชิงเทียนที่ไหนกัน นี่คืออาหารที่ทานอ๋องเยี่ยนประทานมาให้ตะหาก!”

ชาวบ้านทั่วไปที่ไหนจะรู้เรื่องการเมือง ใครที่สามารถทำให้พวกเขาอิ่มท้อง พวกเขาก็ฟังคนนั้น

หลิวซุ่ยฮวายังกล่าวชมอีกว่า "ท่านอ๋องเยี่ยนมีปรีชาญาณ! ถ้าอาหารบรรเทาทุกข์มาไม่ทันเวลา จะมีอีกกี่คนที่ต้องอดอยากจนตาย!"

“ใช่แล้วล่ะ! ตอนที่ข้าเข้าไปในเมืองเมื่อวานนี้ ข้าเห็นผู้คนจำนวนมากอดตายอยู่ข้างถนน โชคดีที่ตอนนี้เป็นฤดูหนาว ไม่อย่างนั้นข้าก็กลัวว่าจะเกิดโรคระบาดอีก”

หลิวซุ่ยฮวาไม่ได้เห็นกับตาของเธอเอง แต่เพียงคิดถึงฉากนั้น เธอก็อดไม่ได้ที่จะหน้านิ่วคิ้วขมวด

“แล้ว…พวกเขาตายอยู่ข้างถนน โดยไม่มีใครสนใจเลยเหรอ?”

“ไปไม่ได้หรอก ?! ฝ่ายราชการได้ให้คนมาเก็บศพไปแล้ว แต่อาจจะต้องใช้ยะยะเวลาสักหน่อย”

“ถ้างั้นพรุ่งนี้ข้าจะลองไปดู ถ้าหากว่าไปช้ากว่านี้ อาหารแจกหมดแล้วจะทำอย่างไร” หลิวซุ่ยฮวากล่าว

“นั่นแหละเหตุผล วันนี้ตอนที่ข้าไปคนยังไม่เยอะ ไม่ต้องต่อคิว แต่ถ้าข่าวแพร่ออกไป เกรงว่าจะไม่สะดวกเหมือนตอนนี้ เจ้ารีบไปโดยเร็วดีกว่า”

หลิวซุ่ยฮสากลับมาที่บ้าน บอกครอบครัวของเธอเกี่ยวกับเมืองหนิวโถ่ว และบอกกล่าวว่าพรุ่งนี้เธอจะไปที่เมืองหนิวโถ่ว

แต่พวกลูกๆ ไม่ยอมปล่อยให้เธอไป ต้าเฉิงเป็นลูกชายคนโตของครอบครัวก็ยืนขึ้นในเวลานี้เช่นกัน "ท่านแม่ ให้ข้าไปเถอะ! มันยากที่จะบอกว่าเกิดอะไรขึ้นในเมืองตอนนี้ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะให้อาหารแก่ท่าน แต่ข้าวสารหนักห้ากิโลกรัม ท่านก็แบกมันกลับมาไม่ไหวหรอก”

อู๋ฉ่วนยังช่วยพูดอีกว่า "ลูกๆ ก็โตกันหมดแล้ว เจ้าอายุปูนนี้แล้วทำไมจะมาโต้เถียงอะไรอยู่ตรงนี้? พรุ่งนี้ ให้ลูกคนโตและคนรองไปด้วยกัน หากพบเจอปัญหาอะไร พวกเขาจะได้ดูแลกันและกันได้"

แต่หลิวซุ่ยฮวายืนกรานไม่ยอม "ไม่ได้! ไม่ต้องแย่งกันกับข้า คราวนี้ยังไงพวกเจ้าก็ไปไม่ได้ ก่อนหน้านั้นที่ต้ากุ้ยโดนจับไปเป็นทหาร ไม่ใช่ว่าพวกเจ้าไม่รู้เรื่องนี้ ตอนนี้เมืองหนิวโถว่ท่านอ๋องเยี่ยนเป็นคนดูแลแทน ถ้าเกิดพวกเจ้าโดนจับไปเป็นทหาร แล้วจะให้พ่อแม่ของพวกเจ้ามีชีวิตอยู่ต่อไปยังไง?”

ต้าเฉิงและเอ้อร์เฉิงมองหน้ากัน และเทียนซิวเหนียงเป็นคนแรกที่ก้าวออกมา "ถูกต้อง สิ่งที่ท่านแม่พูดก็สมเหตุสมผล พวกเจ้าไม่ควรไป"

พูดมาขนาดนี้แล้ว เธอก็ไม่ได้คิดที่จะขอความช่วยเหลือจากใคร กลับยิ่งไม่อยากสนใจกับคำพูดไร้สาระพวกนี้

เฉินจาวตี้ก็กำลังตั้งครรภ์อยู่ ถึงแม้ว่าถ้าเธอไปก็คงช่วยอะไรได้มากนัก

เมื่อเห็นว่าทุกคนเงียบ ซูจิ่วเย่ว์ก็พูดขึ้นว่า: "ท่านแม่ ข้าจะไปกับท่านได้ไหม? ข้ากำลังจะไปซื้อยาให้ซีหยวนพอดี ตอนนี้ก็มียาเย้าหยินจื่อแล้ว คงจะดีไม่น้อยถ้าซีหยวนฟื้นตัวได้เร็วกว่านี้" ”

เมื่อเธอพูดเช่นนี้ พูดได้ตรงใจของหลิวซุ่ยฮวาที่สุด

ไม่คาดคิดว่าซูจิ่วเย่ว์ก็คิดถึงอู๋ซีหยวนมากเท่า ๆ กันกับเธอ และมองเธอด้วยท่าทีอ่อนโยนขึ้นเยอะเลย

“ได้ พรุ่งนี้เช้าเราสองแม่ลูกจะไปด้วยกัน”

เช้าวันรุ่งขึ้น ซูจิ่วเย่ว์ออกไปพร้อมกับหลิวชุยฮวา และงานในครัวก็ต้องตกที่เทียนซิวเหนียงเพียงคนเดียว

เธอโยนพลั่วเล็กๆ ในมือลงพื้นด้วยความโกรธ “ ข้าก็นึกสงสัยแล้วว่าทำไมเธอถึงได้ขยันนัก! ที่แท้เธอเองก็อยากจะอู้งาน ! พวกเขาทั้งหมดไปแล้ว ปล่อยให้ข้าทำงานอยู่คนเดียว!”

อารณ์เสียก็ได้อารมณ์เสียไปแล้ว แต่เมื่อถึงเวลาอาหารกลางวัน เธอต้องรีบกลับไปทำอาหารให้พี่สะใภ้

หลิวซุ่ยฮวาและซูจิ่วเย่ว์เดินมาถึงที่ประตูเมือง ปรากฎว่าคราวนี้พวกเขาต้องจ่ายเงินเพียงหนึ่งเหรียญใหญ่เพื่อเข้าเมืองเท่านั้น

หลิวซุ่ยฮวาจ่ายค่าผ่านทางของทั้งสอง และเธอก็ยังแอบดีใจอยู่ในใจ เพียงแค่เข้าประตูเมืองเธอก็ประหยัดเงินไปสี่เหรียญใหญ่ นี่ถือเป็นสิ่งที่ดีในการการเริ่มต้นไม่ใช่หรือ?

หลังจากเข้าไปในเมืองแล้ว ทั้งสองคนถึงได้เข้าใจอย่างลึกซื้งด้วยตัวเอง อะไรที่เรียกว่าความสงบสุขหลังจากภัยพิบัติผ่านไปแล้วนั้นเป็นอย่างไร

ทั้งเมืองหนิวโถวชำรุดทรุดโทรม มีร่องรอยไฟไหม้ทั่วทุกหนทุกแห่ง

ทั้งสองคนขมวดคิ้วและเดินไปที่ร้านขายยาในทิศทางที่พวกเขาจำได้

ท่านหมอซุนซึ่งแต่เดิมตรวจรักษาอยู่ที่ร้านขายยายังคงอยู่ที่นั่น และยังจำพวกเขาได้

“พวกเจ้าสองแม่ลูกกลับมาอีกแล้วเหรอ? แต่ไม่เห็นพวกเจ้ามาสักพักหนึ่งแล้ว ช่วงนี้เป็นยังไงกันบ้าง?”

หลิวซุ่ยฮวายิ้มอย่างขมขื่น ส่ายหัวแล้วพูดว่า "จะให้เป็นยังไง ? ก็ต้องคิดถึงสิ่งที่อยู่ตรงหน้าแล้วใช้ชีวิตต่อไป"

ท่านหมอซุนถอนหายใจ "เมื่อเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติขึ้น ชาวบ้านทั่วไปมักได้รับความเดือดร้อนเสมอ"

หลิวซุ่ยฮวาพยักหน้าเห็นด้วย และถามเขาอีกครั้งว่า "ท่านหมอซุน ข้ามาครั้งนี้มองเห็นว่าทั้งเมืองทำไมถึงได้เสียหายทรุดโทรมถึงขนาดนี้?"

“ไม่ใช่เป็นเพราะพวกผู้ลี้ภัยที่เข้ามาในเมือง ทำตัวเหมือนโจรบุกเข้ามาในหมู่บ้าน ฉกชิงอะไรได้ก็เอาไปหมด แล้วทุบทำลายบ้านเรือน ที่ทุบไม่ได้มันก็เผา เจ้าดูร้านขายยาของข้าสิ ยาหลายชนิดถูกพวกมันทำลายไปหมด”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ท่านหมอซุนก็รู้สึกโมโหอย่างมาก แค่เขาคิดว่าทั้งชีวิตของเขาได้รักษาคนมานับไม่ถ้วน ก็นับว่าเป็นการทำความดีช่วยเหลือผู้คน แต่ทำไมตอนแก่ลง แม้แต่ที่พักอาศัยก็ยังถูกพวกมันทำลาย

เมื่อได้ยินสิ่งนี้หลิวซุ่ยฮวาก็รีบปลอบใจเขาว่า " คำโบราณได้กล่าวได้ดีมาก ถ้ารักษาภูเขาไว้ ไม่ต้องกลัวว่าฟืนจะหมด ตราบใดที่คนยังมีชีวิตอยู่ ทรัพย์สินทั้งหมดก็สามารถหามาใหม่ได้ ท่านหมออย่าคิดมากปล่อยวางบ้างเถอะ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภรรยานำโชคของเสนาบดี