ทันใดนั้นเมื่อนางเฉียนได้ยินข่าวจากลูกสาวของเธอ ดวงตาของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีแดง จับมือซูจิ่วเย่ว์อย่างตื่นเต้น "เจ้าเห็นลูกสาวของข้าเหรอ ? ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน เธอมีชีวิตที่ดีไหม ทำไมถึงได้มีเงินมากมายขนาดนี้ แล้วเธอได้เงินพวกนี้มาได้อย่งไร ?"
ตอนที่เธอยังสาวไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยชวนสามีออกไปทำงานข้างนอก แต่ว่าสามีของเธอเป็นคนขี้เกียจ ถึงเขาจะโดนกดดันจนรำคาญแล้วออกไปทำงานข้างนอกครั้งหรือสองครั้ง
ดังนั้นเธอจึงพอเข้าใจว่าเป็นอย่างไร
ผู้ชายออกไปทำงานข้างนอก สามารถหาเงินได้มากสุดแค่หกสิบเหรียญใหญ่ต่อวัน ลูกสาวของเธอได้เงินสองตำลึงนี้มาได้อย่างไร? ในใจของเธอเป็นกังวลอย่างมาก
ซูจิ่วเย่ว์สัญญากับหยางหลิวแล้วว่าจะไม่บอกครอบครัวของเธอเกี่ยวกับที่อยู่ปัจจุบันของเธอ ดังนั้นเธอจึงส่ายหัวแล้วพูดว่า "ข้าก็ไม่รู้เรื่องนี้ พี่สาวหยางหลิวแค่ขอให้ข้าส่งเงินนี้มาให้ท่าน แต่เธอไม่ได้บอกอะไรกับข้ามากนัก"
นางเฉียนเองก็รู้ดีว่า ด้วยความสัมพันธ์ระหว่างลูกสาวของเธอกับซูจิ่วเย่ว์ มันไม่ง่ายเลยที่จะขอให้เธอส่งของกลับมา เธอจะคุยกับซูจิ่วเย่ว์อย่างตรงไปตรงมาได้อย่างไร?
“แล้วเจ้าเจอเธอที่ไหน ? เธอทำอะไรอยู่ตอนที่เจ้าเห็นเธอ?”
อย่างไรก็ตามเธอก็ยังไม่ยอมแพ้ โดยคิดว่าถ้าเธอรู้ว่าลูกสาวของเธอกำลังทำอะไรอยู่ เธอจะไปตามหาลูกสาวของเธอ เพื่อบางทีอาจจะพาเธอกลับมาได้
ผู้หญิงทุกบ้านยังไงก็ต้องแต่งงาน การอยู่คนเดียวข้างนอกมันไม่น่าดูเอาเสียเลย
ไม่ว่าหมู่บ้านซย่าจะไม่ได้ดียังไง แต่สุดท้ายก็ยังเป็นที่พึ่งพิงของเธอได้เมื่อยามเธอแก่ตัวลง
“ไม่ใช่ข้าที่เจอเธอก่อน ตอนนั้นข้าเดินจนเหนื่อย และพักดื่มชาที่ร้านน้ำชาริมถนน พี่สาวหยางหลิวเห็นข้า จึงเข้ามาทักทายและพูดคุยกับข้าก่อน”
เมื่อคิดว่าต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ พี่สาวหยางหลิวยังไม่อยากกลับบ้านเลย แล้วทำไมเธอจะต้องเลือกเพื่อเธอด้วย?
บางครั้งสิ่งที่คนอื่นเรียกว่าหวังดี อีกฝ่ายอาจจะคิดว่าเป็นน้ำผึ้งหอมหวานแต่กับอีกฝ่ายอาจจะเป็นฆ่าพิษ
“เธอมีคำพูดอะไรฝากมาถึงข้าบ้างไหม?”
ซูจิ่วเย่ว์ส่ายหัว " ไม่มี เธอแค่บอกว่า ให้ข้ามอบสิ่งนี้ให้กับท่าน บอกท่านไม่ต้องคิดถึงเธอ เธอสบายดี"
นางเฉียนรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ซูจิ่วเย่ว์เข้าใจความหมายของเธอ แต่เธอก็ไม่สามารถอยู่ต่อได้ เธออยู่ในบ้านสกุลหยางนานเกินไปแล้ว
เธอยืนขึ้นและกล่าวคำอำลากับนางเฉียน "ท่านป้าเฉียน สิ่งที่พี่สาวหยางหลิวฝากข้ามาให้ ข้าได้ให้ท่านแล้ว ถ้างั้นข้าขอตัวกลับก่อน"
นางเฉียนกลับมามีสติอีกครั้ง และฝืนยิ้ม “จะไปแล้วเหรอ นี่ก็ใกล้ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว กินข้าวแล้วค่อยกลับไปเถอะ?”
แม้ว่าตอนนี้จะได้รับอาหารบรรเทาทุกข์จากราชการมา แต่ทุกครัวเรือนก็ไม่มีอาหารมากพอสำหรับคนอื่น เธอจึงไม่กล้าอยู่ต่อเพื่อกินอาหาร
นอกจากนี้ อีกฝ่ายแค่พูดชวนตามมารยาทเท่านั้น คงไม่กล้าให้เธออยู่ต่อจริง ๆ หรอก
“ไม่ล่ะ ใกล้สิ้นปีแล้ว ครอบครัวก็มีงานยุ่ง ไม่กล้าอู้งานนานเกินไป”
……
เมื่อกลับถึงบ้าน อู๋ซีหยวนก็ตื่นแล้ว และกำลังนั่งอยู่บนธรณีประตูด้วยอาการเหมอลอย
เมื่อเห็นซูจิ่วเย่ว์กลับมา ดวงตาของเขาก็สว่างขึ้นทันที และเขาอ้าแขนออกแล้ววิ่งไปหาเธอ
“ภรรยา!” เสียงของเขาดังมาก ดึงดูดความสนใจของผู้คนที่เดินผ่านไปมา
ซูจิ่วเย่ว์คุ้นเคยกับการถูกคนอื่นจับจ้องมองมานานแล้ว และวิ่งไปหาเขาอย่างไม่หวาดกลัว "เจ้าตื่นแล้วเหรอ? มีตรงไหนรู้สึกไม่สบายหรือไม่?"
อู๋ซีหยวนพยักหน้า และซู่จิ่วเย่ว์ก็เริ่มวิตกกังวล “รู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า? หรือข้าฝั่งเข็มไม่ตรงต่ำแหน่งหรือ ? ข้าควรทำอย่างไรดี ? มานี่ ให้ข้าจับชีพจรของเจ้าหน่อยสิ”
ขณะที่เขาพูด เธอก็จับมือของอู๋ซีหยวน ต้องการจับชีพจรของเขา แต่อู๋ซีหยวนก็หยุดเธอไว้
ซูจิ่วเย่ว์รู้สึกงุนงงเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นมองเขา และเห็นเขาเอื้อมมือไปสัมผัสที่หัวใจของเขา "ตรงนี้รู้สึกไม่สบายเลย"
ซู่จิ่วเย่ว์ขมวดคิ้ว แต่ก่อนเธอไม่เคยได้ยินเขาพูดว่ารู้สึกไม่สบายที่ใจมาก่อนเลย? นี่มันคืออาการใหม่ของโรคเหรอ? ความรู้ของของเธอมีจำกัด หากโรคนี้ซับซ้อนเกินไป เธอก็ไม่สามารถเข้าใจมันได้จริงๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภรรยานำโชคของเสนาบดี
ตอนที่ 179-185 มีตอนละ 3 บรรทัด งงมาก ทำไมช่วงนี้ลงเนื้อหานิยายขาดหายตลอดเลย...
162-168 มีแค่บาทละ 2-4 บรรทัดเท่านั่นน...
161 มีแค่ 2บรรทัด เนื้อหาหายไปไหน งงง...
160 มีแค่สองบรรทัด...
บทนี้มีแค่ 4 บรรทัด...
บทที่140 -145 มีเนื้อหาบทละ 3-4 บรรทัดเท่านั่น เนื้อหาหายไปไหนน้อ...
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ...
อะแหมมมม พ่อหนุ่มน้อยของเราร้ายนะเนี่ย 5555...
มันมาได้ยังไง...
ซีหยวนน่ารักอ่า...