ราชันอสูรสงครามสะท้านภพ นิยาย บท 10

 

ความเงียบได้ครอบงำจุดที่พวกเหยี่ยนฮ่าวอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ทหารที่นอนแน่นิ่งอยู่ข้างตัวหัวหน้าจ้าวเริ่มขยับตัวเหมือนจะฟื้นคืนสติ  ดึงดูดความสนใจจากเหยี่ยนฮ่าวได้ทันที

        “ สหายของเจ้าฟื้นแล้ว…รีบนำยาในถุงนั่นไปรักษาเสีย ” เหยี่ยนฮ่าวพูดกับหัวหน้าจ้าวด้วยความหวังดี “ ข้าจะคอยคุ้มกันให้ หากผีสาวตอนนั้นเข้ามาใกล้ข้าจะเตือนเจ้าเอง ”

         ใบหน้าของหัวหน้าจ้าวยังคงแข็งค้างมองไปยังทิศทางเดิม  ไม่มีการตอบรับใดๆทั้งสิ้นจนเหยี่ยนฮ่าวเริ่มสงสัย  เขาลุกขึ้นยืนมองไปรอบๆตัวอีกหลายครั้ง  แต่ก็ไม่พบสิ่งใดผิดปกติ

        ‘ นี่หรือว่ามีบางสิ่งเกิดขึ้น แล้วเครื่องรางข้าตรวจสอบไม่ได้ ’ เหยี่ยนฮ่าวคิดขึ้นกับตนเอง  เขาตัดสินใจนั่งหลับตาทำสมาธิ ทดลองใช้เคล็ดจิตอาชูร่าดู

         ครืนๆ

         พลังจิตวิญญาณเหยี่ยนฮ่าวเหมือนกระจายไปรอบๆบริเวณ  ในความคิดเหยี่ยนฮ่าวปรากฎเป็นดวงแสงสีขาวสองดวงในความมืด  แทนตำแหน่งของทหารสองคนตรงด้านหน้าเขา ดวงแสงที่สว่างกว่าน่าจะเป็นของหัวหน้าจ้าว ส่วนดวงแสงที่ขุ่นมัวจนแสงที่ส่องออกมาริบหรี่เหมือนจะดับลงไปได้ทุกเมื่อ คงจะเป็นของทหารคนที่ถูกสิง

         ‘ เคล็ดวิชานี้ใช้แบบนี้ได้ด้วยรึ ’ เขาคิดกับตัวเองเงียบๆ

         “ หืม…นั่นคือ ”  เหยี่ยนอุทานขึ้นมาเบาๆ หลังเพ่งความสนใจไปยังดวงแสงที่เป็นของหัวหน้าจ้าว เขามองเห็นเส้นด้ายสีดำเล็กๆที่กลืนกับความมืด แทงทะลุเข้าไปในดวงแสงเหมือนกำลังดูดกลืนอะไรบางอย่างอยู่

        “ นี่มัน…ถูกผีสาวตนนั้นโจมตีอยู่เหรอ แต่ทำไมเครื่องรางข้าไม่แจ้งเตือนอะไรเลย ”

       เหยี่ยนฮ่าวนำเครื่องรางออกมาถือไว้ในมือ พร้อมทั้งกระตุ้นเคล็ดจิตอาชูร่าขึ้นเต็มกำลัง เขาค่อยๆมองเห็นเส้นด้ายสีดำนั้นชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ  เขาไล่สายตาไปเรื่อยๆยังทิศทางที่เป็นต้นกำเนิดของเส้นด้ายสีดำ  จนกระทั่งไปพบกับดวงแสงสีแดงสามดวง ที่กำลังขยับเข้ามาใกล้เขาอย่างช้าๆ  ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นสีแดงฉานดั่งโลหิต ทั้งมีขนาดใหญ่กว่าอีกสองดวงข้างๆหลายเท่าตัว  เส้นด้ายสีดำมาจากดวงแสงขนาดใหญ่ดวงนั้นเอง

เฮือก!

        เหยี่ยนฮ่าวสะดุ้งหลุดออกจากเคล็ดอาชูร่าทันที  ใบหน้าเขาซีดขาว มือที่กุมเครื่องรางอยู่ชุ่มไปด้วยเหงื่อ  ตอนนี้เขารู้แล้ว  เหตุที่เครื่องรางเขาใช้ไม่ได้ผลเพราะสิ่งนั้นมันทรงพลังเกิดไป 

        “ มันคือสิ่งที่เลวร้ายที่สุดในป่าต้องสาป…ปีศาจสีเลือด ” เหยี่ยนฮ่าวพูดกับตนเองด้วยความสิ้นหวัง  แววตาเขาเปลี่ยนไปทันทีเหมือนตัดสินใจบางอย่างได้

         ตูม! 

        “ ตั้งสติ ” หอกของเหยี่ยนฮ่าวฟันกวาดไปยังพื้นดินเบื้องหน้าหัวหน้าจ้าวเต็มแรง  ตรงตำแหน่งของเส้นด้ายสีดำที่เขามองเห็นจากเคล็ดจิตอาชูร่า  แรงกระแทกจากหอกของเหยี่ยนฮ่าวทำให้หัวหน้าจ้าวเซล้มไปทางด้านหลังแล้วกระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง  แววตาเขากระจ่างใสหลุดจากมนต์สะกดทันที

       “ ขอบ..คุณ ” หัวหน้าจ้าวเงยหน้ามองเหยี่ยนฮ่าวด้วยความสำนึกบุญคุณ คงไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าตอนเขาตกอยู่ในมนต์สะกดเมื่อครู่ เขาถูกปีศาจตนนั้นฆ่าเขาอย่างทรมานในภาพลวงตาไปหลายสิบรอบ จนจิตวิญญาณเขาแทบจะพังทลาย  เขารีบรุกขึ้นยืนตั้งท่าเตรียมพร้อมรับศึก

     ตอนนี้เหยี่ยนฮ่าวได้เข้ามายืนอยู่ข้างๆหัวหน้าจ้าวแล้ว  ทั้งคู่กุมอาวุธในมือไว้แน่น สายตาของทั้งสองคนมองตรงไปยังความมืดมิดเบื้องหน้า

     คิก คิก

    เสียงหัวเราะของเด็กหญิง ดังขึ้นในความมืด

  “ เจ้าได้ยินไหม  เสียงหัวเราะของเด็กผู้หญิง ” เหยี่ยนฮ่าวถามขึ้นเบาๆไปทางหัวหน้าจ้าว  แต่อีกฝ่ายเพียงมองกลับมาด้วยความสงสัยและส่ายหน้าให้  เขาจึงเลิกสนใจแล้วมองไปยังเงาร่างที่กำลังเดินเข้ามาแทน

เงาร่างสูงใหญ่ในชุดทหารที่ชุ่มไปด้วยเลือด  ค่อยๆก้าวเท้าเข้ามาใกล้จุดที่พวกเหยี่ยนฮ่าวยืนอยู่

คึก คึก!

   ลูกบอลสีดำกลิ้งเข้ามาชนเข้ากับทหารที่นอนอ่อนแรงอยู่บนพื้น ซึ่งตอนนี้ก็ได้สติฟื้นขึ้นมาแล้ว แต่ไม่มีเรี่ยวแรงที่จะลุกขึ้นมาได้ เนื่องจากถูกผีสาวดูดกลืนพลังชีวิตไปเกือบหมดสิ้นในตอนแรก  จึงทำได้เพียงยกหัวขึ้นมามองดูด้วยความหวาดกลัว

        ตุบ!

     หัวหน้าจ้าวมองดูลูกบอลสีดำที่กระเด็นขึ้นมาตั้งบนลำตัวของน้องสามด้วยอาการขนลุก  เพราะมันคือหัวคน หัวของบุรุษที่มีสีหน้าเย็นชาแววตาอันโกรธเกรี้ยวมองตรงมาทางเขาพอดี  มุมปากค่อยๆฉีกยิ้มขึ้น  มีเลือดมากมายไหลซึมออกมาจากหางตา

   “ ข้า..จะตัดหัวเจ้าให้ตาย! ฮ่าฮ่าฮ่า” เสียงตระโกนอันดุร้ายของผีทหารหัวขาดดังขึ้น   รังสีสังหารพุ่งเข้าใส่หัวหน้าจ้าวจนถอยเซถอยหลังไปสองก้าวอย่างควบคุมไม่ได้

     เหยี่ยนฮ่าวมองผีทหารหัวขาด ที่เดินมาหยิบหัวของตัวเองขึ้นมาถือไว้ เท้าข้างหนึ่งยกเหยียบไปตรงใบหน้าของทหารที่นอนอ่อนแรงอยู่บนพื้น  มืออีกข้างที่ถือดาบชี้ตรงมาที่เหยี่ยนฮ่าวจนเขาไม่กล้าขยับตัว  ความต่างของขอบเขตพลังนั้นชั้นเจนมาก  ผีทหารหัวขาดนี่แข็งแกร่งกว่าผีสาวตนแรกมาก จากความรู้สึกของเขาผีทหารหัวขาดสามารถฆ่าเขาได้โดยตรง ไม่ต้องอาศัยมนต์สะกดแบบผีสาว

        ด้วยเคล็ดวิชาจิตอาชูร่าและเครื่องรางทำให้เขาต้านทานการโจมตีจากผีสาวได้  แต่กับผีทหารหัวขาดคงใช้ไม่ได้ผล น่าเสียดายถ้าหากเขามีเวลาได้เก็บตัวฝึกวิชาซักสองสามวัน เพื่อศึกษาประสบการณ์ที่เขาพบเจอในความฝัน เขาน่าจะมีพลังเพียงพอเอาตัวรอดได้ เพราะในหนึ่งวันที่ผ่านมานี้เขาต้องหนีการตามล่า  ต้องต่อสู้เอาชีวิตรอดทังวัน ไม่มีเวลาฝึกฝนวิชาเลย

        ตุบ!

           เสียงมีดสั้นสีดำตกลงที่พื้นทำลายความเงียบขึ้น  ทำให้เหยี่ยนฮ่าวหันไปมองหัวหน้าจ้าวด้านข้าง ที่ตอนนี้ลงไปนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น มีสีหน้าเหม่อลอยแววตาแตกซ่าน บนบ่ามีผีสาวยืนก้มหน้าอยู่ ดวงตาที่ถลนออกมาจ้องดูเหยี่ยนฮ่าวด้วยความคลั่งแค้น  ริมฝีปากฉีกยิ้มไปจนถึงใบหูจนบาดแผลบนใบหน้าฉีกขาดออกมา

       

 ‘ รอช้าไม่ได้ เขาต้องลงมือแล้ว ’

         ‘ ต้องโจมตีผีสาวก่อน แล้วค่อยร่วมมือกับหัวหน้าจ้าวหาทางหนีไปจากที่นี่ '

         หลังจากคิดวางแผนในใจ เหยี่ยนฮ่าวก็กระโดดถอยหลังไปก้าวใหญ่ เพื่อหลบให้พ้นระยะดาบของผีทหารหัวขาด แล้วพลิกหอกเกร็งกำลังสิบส่วนแทงเข้าใส่ผีสาวทันที

หมับ!

         มือเล็กๆที่ซีดขาวคว้าจับไปที่ขาเหยี่ยนฮ่าว เรี่ยวแรงเขาเหมือนถูกดูดจนสูญหายสลายไป ตัวเขาสั่นไหวไม่หยุด เครื่องรางที่ท่านพ่อเขาให้มาถูกเผาไหม้กลายเป็นเถ้าถ่านปลิวหายไป

ซึบ!

        หอกในมือของเหยี่ยนฮ่าวร่วงลงไปปักลงบนพื้น เคล็ดจิตอาชูร่าของเขาไม่สามรถต่อต้านได้เลย เรี่ยวแรงเขายังคงถูกดูดไปผ่านทางมือเล็กๆมือนั้น   

        สายตาของเหยี่ยนฮ่าวมองลงไปยังเด็กตัวเล็กๆในชุดสีแดงทั้งตัวที่ยืนจับขาเขาอยู่ ใบหน้ากลมๆที่มีหลุมลึกสีดำแทนดวงตากำลังมองจ้องมายังเขา  ริมฝีปากเล็กๆที่ถูกด้ายสีแดงเย็บติดกันไว้ฉีกยิ้มจนเกิดเป็นแผลฉีกขาด

        คิก คิก 

        เสียงหัวเราะของเด็กหญิงดังก้องเข้ามาในความคิดของเหยี่ยนฮ่าวอีกครั้ง เขาจ้องมองไปทางปากที่ถูกเย็บติดกันของเด็กหญิง  ซึ่งไม่มีทางเปล่งเสียงออกมาได้แน่นอน เขาคิดย้อนถึงตอนที่ได้ยินเสียงนี่ครั้งแรก

        บางทีนางคงเล็งข้าไว้ตั้งแต่ตอนแรกแล้วซินะ..

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอสูรสงครามสะท้านภพ