ราชินีหงสาร้อยเล่ห์ นิยาย บท 15

สรุปบท บทที่ 15 เจ้าจะอยู่อุ่นเตียงหรือ?: ราชินีหงสาร้อยเล่ห์

สรุปตอน บทที่ 15 เจ้าจะอยู่อุ่นเตียงหรือ? – จากเรื่อง ราชินีหงสาร้อยเล่ห์ โดย เธอเป็นดาวของฉัน

ตอน บทที่ 15 เจ้าจะอยู่อุ่นเตียงหรือ? ของนิยายนิยายย้อนยุคทะลุมิติเรื่องดัง ราชินีหงสาร้อยเล่ห์ โดยนักเขียน เธอเป็นดาวของฉัน เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

เดิมจุยเฟิงก็แปลกใจในปืนกลอย่างมาก แต่เมื่อเห็นหน้าท่านอ๋องของตน เขาก้มหน้าก้มตา กลืนคำพูดที่มาถึงปากกลับคืนไปอย่างรู้สถานการณ์ ไอขึ้นมาหนึ่งที พร้อมพูดขึ้นว่า “ท่านอ๋อง ที่นี่ทำอย่างไรดี?”

เดิมเรือนเหอซินก็ไม่ใหญ่ มีหลายสิบศพนอนกองเกลื่อนกลาด ยิ่งทำให้ดูแคบลง

เซียวจิ่นหมิงหันไปพูดกับเขาอย่างเย็นชาว่า “ให้ข้าสอนเจ้าไหม?”

จุยเฟิงลูบจมูก ไปหาคนมาเก็บกวาดอย่างยอมรับชะตากรรม

หยุนหรั่นเฟิงขำกับลักษณะท่าทีของจุยเฟิง แล้วก็คิดขึ้นมาได้ว่า อย่างน้อยเซียวจิ่นหมิงก็อยากที่จะมาช่วยนางอย่างจริงใจ ถือว่าพอมีน้ำใจ จึงพูดขึ้นมาว่า “เอาล่ะ เจ้าไสหัวไปเถอะ กลางค่ำกลางคืนรบกวนการนอนหลับฝัน”

เซียวจิ่นหมิงถูกโบกมือขับไล่เหมือนแมลงวัน ถามขึ้นมาด้วยสีหน้าบูดบึ้งว่า “เจ้านอนหลับด้วยหรือ?”

ต่อให้แย่แค่ไหน หยุนหรั่นเฟิงก็ไม่ยอมแพ้ เลิกคิ้วแล้วพูดขึ้นว่า “นอนไม่หลับ เจ้าจะอยู่เป็นเพื่อนข้าหรือ?”

“……”

เซียวจิ่นหมิงรู้สึกเหมือนตนเองถูกหมากัด สะบัดแขนเสื้อด้วยสีหน้าบูดบึ้ง เดินออกไปไกลแล้ว ยังสามารถได้ยินเสียงหัวเราะอย่างมีความสุขของหยุนหรั่นเฟิง

ผู้หญิงบ้า

จุยเฟิงชื่นชมนับถือหยุนหรั่นเฟิงที่หัวเราะจนท้องแข็ง ความกล้าหาญองอาจแบบนี้ คนละระดับกับพระชายารองฉีเลยทีเดียว ท่านอ๋องไปมีเรื่องกับดาวมารแบบนี้ได้อย่างไร?

ท่านอ๋องของตนยังพ่ายแพ้แล้ว จุยเฟิงยอมรับในความเป็นผู้น้อย ไม่กล้าทำอะไรวู่วาม รีบจัดการงานภายในลานอย่างรวดเร็ว หันไปยกมือประสานให้กับหยุนหรั่นเฟิง แล้วจากไปราวกับวิ่งหนี

หยุนหรั่นเฟิงหัวเราะดังลั่น กลับไปยังห้องทดลองแล้วก็นอนหลับอย่างสบายใจ

รอวันที่สองตื่นเช้ามาดู ภายในห้องถูกหลินหลังเก็บกวาดแล้วอย่างสะอาดสะอ้าน

สาวใช้อยากจะพูดแล้วก็หยุด สักพักแล้วค่อยถามขึ้นมาอย่างระแวดระวังว่า “คุณหนู เมื่อคืน องค์ชายมาหรือ?”

คุณหนูของนางนอนหลับอย่างไม่ต้องเป็นห่วง ไม่เคยก่อกวนอะไร แต่ถ้าองค์ชายมา ภายในห้องก็จะวุ่นวายอย่างมาก

หยุนหรั่นเฟิงอ้าปากหาว แล้วก็พูดขึ้นว่า “มา ยังพาคนร้ายมาหาข้าตั้งหลายคน”

“คนร้าย” หลินหลังหวาดหวั่นจนสีหน้าขาวซีด พุ่งไปตรงหน้าหยุนหรั่นเฟิง พร้อมพูดขึ้นว่า “คุณหนู ท่านเป็นอะไรไหม? บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”

หยุนหรั่นเฟิงตบบ่าสาวใช้ที่ตกตะลึง พร้อมหัวเราะพูดขึ้นว่า “ไม่บาดเจ็บ ข้าสบายดี ไม่ต้องเป็นห่วง”

หลินหลังไม่วางใจ ตรวจดูอย่างละเอียดสักพัก มั่นใจว่าหยุนหรั่นเฟิงไม่เป็นอะไรเลย ค่อยโล่งอก แล้วพูดขึ้นด้วยดวงตาแดงว่า “คุณหนู เราจะไม่กลับไปบอกท่านแม่ทัพจริงๆหรือ บอกไทเฮาเหนียงเหนียงก็ได้ ไม่อย่างนั้นเจอแต่เรื่องแบบนี้เรื่อยๆ จะมีชีวิตอยู่ต่อไปยังไง?”

“พึ่งพาภูเขาภูเขาย่อมถล่ม พึ่งพาผู้คนผู้คนย่อมหนีหาย ควรมีชีวิตอยู่ให้ได้ด้วยตนเอง”

หยุนหรั่นเฟิงเด็ดเดี่ยวมาตั้งแต่เด็ก ไม่ชอบพึ่งพาคนอื่น ต่อให้รู้ว่าหยุนโม่รักลูกสาวของตนเองจริงๆ แต่ก็ไม่อยากอาศัยความรักนี้ ให้เขาทำอะไรเพื่อนาง

หลินหลังพูดขึ้นอย่างตกตะลึงว่า “คุณหนู เจ้าอย่าทำให้ข้าตกใจ....”

หยุนหรั่นเฟิงขำหัวเราะ แล้วหาข้ออ้างไปเรื่อยเพื่อปลอบโยนสาวใช้ขี้กลัวคนนี้ว่า “เจ้าดูสิ พ่อของข้าอายุไม่น้อยแล้ว ให้ท่านต้องมาเป็นกังวลเรื่องของข้า ข้าก็ทำใจไม่ได้”

หลินหลังซาบซึ้งใจ พูดขึ้นทั้งน้ำตาว่า “คุณหนู หากท่านแม่ทัพรู้ว่าคุณหนูว่าง่ายขนาดนี้ จะต้องดีใจแน่”

ส่วนอีกด้าน ภายในห้องหนังสือ

เซียวจิ่นหมิงนั่งหลับตาอยู่หน้าโต๊ะทำงาน สีหน้าของเขาเย็นชาราวกับน้ำแข็งที่แกะสลัก อุณหภูมิโดยรอบๆลดลงไปตั้งหลายองศา

จุยเฟิงมองดูเขาแวบหน้า

เซียวจิ่นหมิงพูดขึ้นด้วยเสียงเข้มว่า “พูดต่อ”

จุยเฟิงพูดขึ้นว่า “นักฆ่าเมื่อคืนมาอย่างน่าสงสัย ที่ยิ่งน่าสงสัยก็คือ ข้าสั่งคนไปตามหาทั้งคืน ก็ยังไม่เจอร่องรอยของคนพวกนั้นเลย ราวกับคนพวกนี้หลุดออกมาจากในอากาศ”

เซียวจิ่นหมิงพูดขึ้นอย่างสุขุมว่า “ตามหาต่อไป มีชีวิตอยู่บนโลก เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีร่องรอยเลย”

ฉีซินจื่อใจเต้นกระตุก เงยหน้าขึ้นมาอย่างหวาดหวั่น พร้อมพูดขึ้นว่า “ศิษย์พี่ ข้าไปช่วยเสด็จพี่พระชายาเก็บกวาดเรือน จากนั้นก็มีเรื่องกับเสด็จพี่พระชายานิดหน่อย....” นางเงยหน้าขึ้นมาอย่างระแวดระวัง พร้อมพูดขึ้นว่า “ศิษย์พี่ เสด็จพี่พระชายาบอกอะไรเจ้าหรือ?”

เห็นทีที่หยุนหรั่นเฟิงพูดเป็นความจริง

เซียวจิ่นหมิงมองดูท่าทีกิริยาอ่อนหวานของฉีซินจื่อ ในใจเกิดความรู้สึกซับซ้อนอย่างบอกไม่ถูก เขาวางถ้วยน้ำแกงไก่ลง พร้อมพูดขึ้นว่า “ต่อไปเจ้าอย่าไปที่เรือนเหอซินอีก"

“ศิษย์พี่” ฉีซินจื่อเงยหน้าขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ในใจหวาดกลัว....นี่ศิษย์พี่กำลังเข้าข้างช่วยนังสารเลวคนนั้น

“นางชำนาญการใช้ยาพิษ ต่อไปเจ้าอย่าไม่ยุ่งกับนาง ข้าไม่สามารถอยู่ในจวนได้ตลอด เจ้าร่างกายอ่อนแอ ง่ายที่จะถูกเอาเปรียบ” เซียวจิ่นหมิงพูดขึ้น

“ศิษย์พี่พูดแบบนี้ ข้าก็จะทำตาม” ฉีซินจื่อระงับความกังวลภายในใจไว้ จากนั้นก็น้ำตาคลอ พูดขึ้นมาอย่างน่าสงสารว่า “แต่ศิษย์พี่ พิษบนตัวข้าจะทำยังไง? ตามร่างกายข้าเต็มไปด้วยตุ่มแดง อัปลักษณ์อย่างที่สุด ต่อไปจะออกไปเจอผู้คนได้อย่างไร เจ้าช่วยข้าขอร้องเสด็จพี่พระชายา ให้เสด็จพี่พระชายาเอายาถอนพิษมาให้ข้าได้ไหม?”

เซียวจิ่นหมิงมองดูผ้าคลุมหน้าบนใบหน้าฉีซินจื่อ ศิษย์น้องเป็นคนรักสวยรักงามมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งเขารู้ดี และสำหรับผู้หญิงคนหนึ่ง การเสียโฉมถือเป็นความทารุณอย่างที่สุด

แต่เมื่อคืนเขาเพิ่งออกมาจากเรือนหยุนหรั่นเฟิง....

ฉีซินจื่อมองออกว่าเซียวจิ่นหมิงลังเล จึงเดินไปควงแขนเขาไว้ พร้อมพูดออดอ้อนว่า “ศิษย์พี่ เจ้าช่วยข้าด้วยนะ”

เซียวจิ่นหมิงก็คิดถึงอาวุธลับของหยุนหรั่นเฟิง ในใจหวั่นไหว ไปหยั่งเชิงอีกฝ่ายอีกสักครั้ง ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ จึงพูดกับฉีซินจื่อว่า “เจ้ากลับห้องไปก่อน ข้าจะเอายาถอนพิษมาให้เจ้าเอง”

ฉีซินจื่อพูดขึ้นมาอย่างดีใจทันทีว่า “ขอบคุณศิษย์พี่ ข้ารู้อยู่แล้วว่า ศิษย์พี่รักข้าที่สุด”

“เจ้ากลับไปก่อนเถอะ”

ฉีซินจื่อจากไปอย่างอารมณ์ดีมีความสุข เซียวจิ่นหมิงก็ไม่ชักช้า ตรงไปยังเรือนเหอซิน

หยุนหรั่นเฟิงกำลังศึกษาค้นคว้าที่พอกหน้าอยู่ในห้องทดลอง อากาศแบบนี้ ใบหน้าของนางแห้งจนจะแตกร้าวแล้ว หลังจากได้ยินหลินหลังมารายงาน จึงต้องจำใจออกมารับแขก มองดูเซียวจิ่นหมิงที่มาอย่างไม่ได้รับเชิญ นางพูดขึ้นมาอย่างค่อนข้างรำคาญว่า “เจ้ามาอีกทำไม?”

เขาว่างมากหรือ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีหงสาร้อยเล่ห์