ราชินีหงสาร้อยเล่ห์ นิยาย บท 20

เซียวจิ่นหมิงชะงักเงียบไปสักพัก จากนั้นก็ยกมือประสานพร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงเข้มว่า “ในเมื่อแม่ทัพใหญ่เชื้อเชิญ จิ่นหมิงน้อมรับตกลง”

“จะพูดมากมายขนาดนั้นทำไม เอาดาบมา” หยุนโม่พูดขึ้น

แสงดาบเคลื่อนวาบผ่าน วาดเป็นส่วนโค้งยาวบนอากาศ

เซียวจิ่นหมิงกระโดดลอยตัวขึ้นมา ดาบเหล็กยาวสีดำในฝ่ามือส่งเสียงหึ่งแผ่วเบา เสียงดาบกระทบกันดังสนั่นหวั่นไหว ทั้งสองถอยหลังไปสองก้าวพร้อมกัน สามารถเห็นความชื่นชมจากดวงตาของกันและกัน

หยุนโม่พูดขึ้นว่า “ดี มาอีก”

แสงเงาของดาบ ตัดขวางขึ้นมา ทันใดนั้นดาบก็เคลื่อนไหวเหมือนดั่งสายน้ำ แสงดาบเปล่งประกาย มองไม่รู้ว่าใครได้เปรียบใครเสียเปรียบ

หยุนหรั่นเฟิงดูอยู่อย่างไม่กะพริบตา จนแทบจะตาลายไปหมดแล้ว

ที่ผ่านมานางมัวยุ่งอยู่กับการทำงาน ไม่มีเวลาดูทีวี มีบางครั้งที่ตามกระแสติดตามละครยอดนิยม ถึงจะรู้สึกทึ่งกับกลอุบายข้างต้นที่ดูเหมือนยอดเยี่ยม แต่จริง ๆ แล้วเป็นแค่เทคนิคที่ลวงตาเท่านั้น

พรุ่งนี้มองดูคนต่อสู้กันจริงๆ เพิ่งรู้ว่าศิลปะการต่อสู้นั้นกว้างและลึกซึ้งขนาดนี้ กระบวนท่าการเคลื่อนไหวไม่ยืดยาดอืดอาดเลย คล่องแคล่วปราดเปรียว เปี่ยมไปด้วยพละกำลังและความงดงาม

นี่คือสมบัติที่จะไม่มีวันได้เห็นในยุคปัจจุบัน

นางยืนจนเมื่อยแล้ว จึงนั่งลงตั้งใจมองดู เฝ้าดูอยู่ก็ช่างเถอะ ยังมีข้อแม้ว่า “จุยเฟิง เอาเมล็ดแตงโมมา”

จุยเฟิงกระตุกมุมปาก แต่ก็ไม่กล้าปฏิเสธ สั่งคนไปเอาเมล็ดแตงโมมาเงียบๆ หลินหลังก็กระตือรือร้น รีบยกน้ำชามาให้พร้อมพูดขึ้นว่า “คุณหนู คอแห้งแล้ว ดื่มชา”

หยุนหรั่นเฟิงตบบ่าสาวใช้อย่างพอใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “มีความคิดริเริ่มเชิงอัตวิสัยที่แข็งแกร่ง สามารถสั่งสอนได้”

“…….” จุยเฟิงก้มหน้าก้มตา ทำเป็นเหมือนไม่เห็นอะไร

เวลานี้ จู่ๆ หยุนโม่ก็ตวัดดาบขึ้น เซียวจิ่นหมิงเปลี่ยนกระบวนท่าไม่ทัน ถอยหลังไปหนึ่งก้าว แขนเสื้อปลิวขึ้นเล็กน้อยแล้วจี้หยกตรงเอวก็หล่นตกลงไปที่พื้น

“เยี่ยม” หยุนหรั่นเฟิงร้องขึ้นมา พร้อมปรบมืออย่างพอใจ

เสียงของนางฉับพลันทันควันเกินไป ทั้งสองคนต่างชะงักทันที หันมามองหยุนหรั่นเฟิงพร้อมเมล็ดแตงโมในมือของนางพร้อมกัน....บรรยากาศดูเหมือนจะหยุดชะงักลงชั่วขณะ

หยุนหรั่นเฟิงเก้อเขินอย่างมาก แต่นางเป็นคนยึดมั่นมาเสมอว่าข้าไม่เขินอาย ความเก้อเขินเป็นเพียงความคิดของคนอื่น โยนเมล็ดแตงโมทิ้งไป ปรบมือ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน เดินไปควงแขนหยุนโม่ไว้อย่างเอาใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “ท่านพ่อ เหนื่อยหรือยัง ข้าให้หลินหลังไปเตรียมอาหาร วันนี้มีความสุข ท่านดื่มเป็นเพื่อนข้าดีไหม”

หยุนโม่พูดขึ้นอย่างดีใจว่า “ดีๆดี ไม่เสียแรงที่พ่อรักเจ้า”

ทั้งสองพ่อลูกคุยกันอยู่อย่างมีความสุข พร้อมเดินเข้าไปในเรือนเหอซิน ปล่อยให้คนบางคนเป็นเหมือนอากาศ....

จุยเฟิงมองดูคนถูกลืมบางคนอย่างเห็นใจ ก้มหน้าก้มตา ถือว่าตนเองเป็นเสาต้นหนึ่ง

สีหน้าเซียวจิ่นหมิงบูดบึ้ง สะบัดแขนเสื้อแล้วเดินจากไป

หยุนโม่อยู่ในจวนองค์ชายจนถึงหลังอาหารค่ำ ค่อยควบขี่ม้าจากไป เดิมก็เดินทางไปไกลแล้ว แต่ก็หวนกลับมา มองดูลูกสาวที่ยืนส่งอยู่ตรงหน้าประตู พูดขึ้นมาอย่างลังเลว่า “เฟิงเอ๋อ.....”

เขารู้สึกผิดต่อลูกสาวคนนี้จริง

เขารู้อยู่แก่ใจว่าลูกสาวต้องทนทุกข์อยู่ที่นี่ แต่เขาก็ไม่สามารถที่จะพานางออกไปจากสถานที่ชั่วร้ายนี้ คู่ควรที่จะเป็นพ่อคนหนึ่งตรงไหน

หยุนหรั่นเฟิงรู้ว่าหยุนโม่เป็นห่วง และก็รู้ว่าเขาทำอะไรไม่ได้ ในใจก่นด่าเจ้าของร่างเดิมที่ทำอะไรไม่รู้จักคิด แต่ใบหน้ากลับยิ้มแย้มพูดขึ้นว่า “พ่อ วางใจ ข้าจะดูแลตัวให้ดี”

หยุนโม่มีความรักและคิดปกป้องนาง ก็เพียงพอแล้ว

ที่เหลือ นางลงมือทำเอง

เห็นลูกสาวว่าง่ายขนาดนี้ หยุนโม่ยิ่งรู้สึกผิด หันไปถลึงตาใส่เซียวจิ่นหมิงอย่างดุดัน พร้อมพูดขึ้นว่า “เซียวจิ่นหมิง หากเจ้ายังกล้ารังแกลูกสาวข้าอีก ต่อให้ต้องรับโทษ ข้าก็จะไม่ให้อภัยเจ้า”

เซียวจิ่นหมิงเงียบสุขุม หันไปมองหยุนหรั่นเฟิง พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าเองก็อยากให้ภายในจวนสงบสุข”

หยุนหรั่นเฟิงยิ้มแย้ม พร้อมพูดขึ้นมาอย่างแผ่วเบาว่า “องค์ชายมีความคิดเช่นนี้ ช่างเป็นที่น่ายินดียิ่งนัก”

ทั้งสองคนมองสบตากัน ต่างมองเห็นความเฉียบคมภายในดวงตาของกันและกัน แล้วก็ละสายตาไปทางอื่นอย่างพร้อมเพรียงกัน

หยุนโม่มองดูท่าทีของทั้งสองคนที่เผชิญหน้ากันเหมือนอย่างกับศัตรู กลับเห็นว่าทั้งสองคนค่อนข้างมีความเห็นเดียวกันขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ลังเลอยู่สักพัก แล้วก็จากไปอย่างกังวลใจ

แม่ทัพใหญ่ไปแล้ว เซียวจิ่นหมิงก็หันเดินจากไป

“เดี๋ยวก่อน” หยุนหรั่นเฟิงร้องพูดขึ้นมา

เซียวจิ่นหมิงหยุดฝีเท้า หันกลับมาแล้วถามขึ้นว่า “เจ้าคิดจะทำอะไรอีก?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีหงสาร้อยเล่ห์